ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2492

ตอนที่ 2492 ยกตนข่มท่าน
“ฝ่าบาท แย่แล้ว แม่ทัพหม่านำกองทัพนับล้านมา ขณะนี้มาถึงด้านหน้าของเขาจิ่วเหลียนซานแล้ว” พลันที่หลิ่วชูฉิงทราบข่าวรู้สึกตระหนก จึงรีบแจ้งข่าวต่อหลี่ชิเย่ทันที

หลี่ชิเย่มีท่าทีเฉยเมย แค่เลิกหนังตาทีหนึ่ง และมองไปที่เส้นขอบฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป ท่าทางไม่ได้ใส่ใจโดยสิ้นเชิง ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “กองทัพนับล้านมากันได้นับเป็นเรื่องดี ข้ากลับอยากจะเข่นฆ่าสักล้านหนึ่งให้เลือดไหลนองรวมกันเป็นธาร เล่นบทเข่นฆ่าครั้งใหญ่อะไรนั่น จะได้สมฐานะความเป็นฮ่องเต้โหดของข้า”

“เกรงว่าสองแขนยากจะต้านสี่กร” หลิ่วชูฉิงยังคงเป็นกังวลแทนหลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสียด้านหลังของหม่าหมิงชุนยังมีหกกองทัพคอยให้การสนับสนุนอยู่ ด้วยกำลังเช่นนี้เพียงพอที่จะท้ารบกับหนึ่งในห้าแกร่งใดๆ ก็ได้

“เด็กโง่” หลี่ชิเย่ดีดดั้งจมูกโด่งน้อยๆ ของนาง ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “บนโลกใบนี้ คนหมู่มากแทนอะไรไม่ได้ อย่างมากก็แค่เพิ่มศพขึ้นอีกศพหนึ่งเท่านั้น ทุกคนสามารถบีบฮ่องเต้ชั่วอย่างข้าได้ตามใจอย่างนั้นรึ? วางใจเถอะ อย่าว่าแต่ลำพังแค่กองทัพส่วนกลางเท่านั้น ต่อให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เข้ามาพร้อมๆ กัน ข้าก็ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา”

หลิ่วชูฉิงทำจมูกย่นท่าทางดูน่ารักนิดหนึ่ง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ดูจากท่าทางของนางแล้วยังคงมีร่องรอยความกังวลอยู่บ้าง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ

ด้านนอกเขาจิ่วเหลียนซาน หม่าหมิงชุนได้ตั้งกำลังทหารนับล้านอยู่ที่ตรงนั้น โดยเฉพาะหม่าหมิงชุนเองได้ก้าวออกมาร้องท้าทายด้วยตนเอง แต่ทว่า เขาจิ่วเหลียนซานยังคงเงียบสงัดไม่มีผู้ใดออกมาตอบโต้แม้แต่คนเดียว

ภายใต้ท่าทีของเขาจิ่วเหลียนซานที่ไม่มีผู้ใดที่สังกัดเป็นศิษย์ของเขาจิ่วเหลียนซานออกมาตอบโต้ เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องใดๆ เกิดขึ้นอย่างนั้น แท้ว่ากองทัพนับล้านยกมาประชิด ทางเขาจิ่วเหลียนซานก็ปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ

แม้แต่ชายวัยกลางคนที่อยู่บริเวณประตูทางเข้าสำนักก็นั่งอยู่ในบ้านไม้ ด้วยท่าทางสะลืมสะลือท่ามกลางแดดที่ร้อนแผดเผา กำลังนั่งสัปหงกอยู่ตรงนั้น

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกันเมื่อเห็นว่าเขาจิ่วเหลียนซานมีแต่ความเงียบสงัด ไม่มีศิษย์คนใดที่ก้าวเดินออกมา

“เจ้าสำนักของเขาจิ่วเหลียนซานไปไหนเสียล่ะ? ชั่วดีอย่างไรก็ควรให้ศิษย์ออกมาสักคน” มีผู้พึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาจิ่วเหลียนซานไม่มีศิษย์คนใดคนหนึ่งก้าวออกมา

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนไหนที่เป็นศิษย์เขาจิ่วเหลียนซานที่แท้จริง? เจ้าเคยพบเห็นเจ้าสำนักของเขาจิ่วเหลียนซานหรือไม่?” ยอดฝีมือรุ่นอาวุถามกลับ

การถามกลับในลักษณะเช่นนี้ พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับตะลึงงัน และถึงกับอึ้งในเวลานี้

“บอกตามตรง นับว่ายากที่จะแยกแยะว่าคนไหนที่เป็นศิษย์เขาจิ่วเหลียนซานที่แท้จริง เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้มีผู้บำเพ็ญตนจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จำนวนไม่น้อยมาบรรลุสัจธรรมที่เขาจิ่วเหลียนซาน กระทั่งมีบางคนได้มาอาศัยอยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานรวดเดียวหลายปี กระทั่งหลายสิบปี อีกทั้งพื้นที่ของเขาจิ่วเหลียนซานกว้างขวางเช่นนี้ ใครเล่าจะไปรู้ว่าผู้บำเพ็ญตนคนไหนที่เป็นศิษย์ของเขาจิ่วเหลียนซานที่แท้จริง”

สำหรับเจ้าสำนักของเขาจิ่วเหลียนซานนั้น เหมือนว่าไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน อีกทั้งดูเหมือนเจ้าสำนักของเขาจิ่วเหลียนซานจะไม่เคยเผยโฉมมาก่อน

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกเหม่อลอย ความจริงแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่รู้ว่าใครคือศิษย์ของเขาจิ่วเหลียนซานที่แท้จริง และหรือเคยพบเห็นเจ้าสำนักเขาจิ่วเหลียนซานจริงๆ นั้นคงมีอยู่ไม่กี่คน

สีหน้าของหม่าหมิงชุนดูบึ้งตึง เขาน่ะคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเลยเชียวนะ ทอดสายตามองออกไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเขานั้น อาศัยนิ้วห้านิ้วก็นับได้หมด อีกทั้งเขามีกองทัพส่วนกลางอยู่ในมือ ยิ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอื่นๆ ทั้งห้ากองทัพ

อาศัยธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่สำนักเจ้าลัทธิทั่วไปเลย แม้แต่หนึ่งในห้าแกร่งใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องให้เกียรติเขาอยู่สามส่วน ตัวของหม่าหมิงชุนเป็นผู้ที่สามารถบงการสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้

แต่ทว่า มาวันนี้เขายกทัพใหญ่มาประชิด และร้องท้าทายเขาจิ่วเหลียนซาน ปรากฏว่าเขาจิ่วเหลียนซานกลับไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อย มันเป็นการหยามเขาอย่างโจ่งแจ้งชัดๆ ไม่มองเขาอยู่ในสายตาเลย

หม่าหมิงชุนในฐานะผู้ดำรงอยู่สถานะเช่นนี้ หากจะบอกว่าภายในใจของเขาไม่บังเกิดความโกรธเลยแม้แต่น้อยย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น บุตรชายของเขาเพิ่งถูกฮ่องเต้องค์ใหม่สังหารไปได้ไม่นาน ซึ่งเป็นบุตรโทนของเขาที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ในเวลานี้เขาจึงเรียกได้ว่ามีเพลิงโกรธสุมอยู่เต็มอก

ดังนั้น นาทีนี้หม่าหมิงชุนที่มีเพลิงแห่งความโกรธสุมเต็มอกจึงมีสีหน้าบึ้งตึง กล่าวน่าเกรงขามขึ้นว่า “ขอถามเขาจิ่วเหลียนซานจะเอาแต่ให้การปกป้องคนแซ่หลี่อย่างเดียวเลยใช่หรือไม่? เอาแต่เป็นศัตรูกับผู้ผู้คนทั่วหล้าอย่างเดียวเช่นนั้นรึ?”

แม้ว่าเวลานี้หม่าหมิงชุนจะมีเพลิงโกรธที่สุมอยู่เต็มอก คำพูดค่อนข้างตรง แต่ยังคงใช้คำว่า ‘ขอ’ ในคำพูด จะอย่างไรเสีย เขาจิ่วเหลียนซานยังคงมีความสำคัญในใจของผู้คนจำนวนมาก

ถึงแม้ว่าหม่าหมิงชุนในขณะนี้จะมีเพลิงโกรธที่สุมอยู่เต็มอก เหมือนหากคุยกันไม่เข้าหูก็จะส่งกำลังทหารบุกเข้าไปในเขาจิ่วเหลียนซานอย่างนั้น แต่ทว่าเขาจิ่วเหลียนซานยังคงเงียบสงบ ไม่มีใครก้องออกมาตอบหม่าหมิงชุนสักคน ไม่ปรากฏกระทั่งศิษย์ธรรมดาๆ สักคน เหมือนว่าเขาจิ่วเหลียนซานขี้คร้านจะไปตอบหม่าหมิงชุนอย่างนั้น

“หากเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็ได้เจรจาด้วยเหตุด้วยผลแล้วค่อยใช้กำลัง ข้าได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างเต็มที่แล้ว อย่าหาว่าข้าไม่ให้ความเคารพก็แล้วกัน” ภายใต้การร้องท้าทายเช่นนี้ของตนนับว่าได้ให้ความเคารพนับถือต่อเขาจิ่วเหลียนซานมากแล้ว แต่ทว่า เขาจิ่วเหลียนซานกลับไม่สนใจใยดี หม่าหมิงชุนที่เดิมเพลิงโกรธสุมเต็มอกอยู่แล้วพลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นอย่างรุนแรง

ในเวลานี้เอง หม่าหมิงชุนไม่เพียงถูกเพลิงความโกรธที่ต้องการแก้แค้นสุมอยู่เต็มอก ขณะเดียวกันก็ถูกการเหยียดหยามจากเขาจิ่วเหลียนซานทำให้บังเกิดเป็นเพลิงความโกรธที่ดั่งคลื่นยักษ์ขึ้นมา

“ตั้งค่าย…” ในขณะนี้ ดวงตาทั้งสองของหม่าหมิงชุนดูไม่เป็นมิตร เผยให้เห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมาสบัดมือทีหนึ่ง ร้องตวาดเสียงทุ้มต่ำออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล