ในจังหวะที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่ได้สติกลับคืนมาจากการศึกที่สะเทือนเลื่อนลั่นจากดาบอริยะกวานไห่ และฉินเจี้ยนเหยา ด้านนอกของเขาจิ่วเหลียนซานพลันปรากฏการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวนี้ได้สร้างความหวั่นไหวไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ จากนั้นติดตามด้วยเสียงตูม ตูม ตูมที่ดังตูมตามขึ้นมาไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง อากาศธาตุถึงกับสั่นเทากับสิ่งนี้
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่พุ่งเข้ามาภายใต้เสียงตูมดังสนั่น มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่ส่งประกายสีเงินแวบวับเสมือนดั่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าสูง ภายใต้เสียงตูมดังสนั่น จากนั้นก็วิ่งห้อมายังทิศทางที่ตั้งเขาจิ่วเหลียนซาน
ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย สั่นคลอนต่อฟ้าดิน ทำให้ภูเขาแม่น้ำโคลงแคลง ด้วยอิทธิพลที่อันธพาลและบ้าระห่ำ ทำเอาบรรดาสิงสาราสัตว์ตกใจจนทยอยกันหมอบอยู่กับพื้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้ และหรือหลบซ่อนอยู่ภายในรังไม่กล้าโผล่หัวออกมา
การที่น้ำจากทางช้างเผือกพุ่งลงมาจากท้องฟ้านั้น พลันสร้างความแตกตื่นให้กับสำนักต่างๆ ทั่วหล้า ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากถูกทำให้แตกตื่น ต่างทยอยกันจ้องมองไปยังน้ำจากทางช้างเผือกที่วิ่งห้อเข้ามา
ท่ามกลางเสียงดังตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเป็นระลอกนั้น มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกเสมือนดั่งน้ำหลากที่เอ่อล้นจากเขื่อนแตก ไหลพุ่งทยานไม่หยุดคล้ายเป็นสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ขณะที่น้ำจากทางช้างเผือกที่น่ากลัววิ่งห้อเข้ามานั้น เหมือนว่าสามารถพุ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ระหว่างทาง
“นั่นมันกองทัพส่วนกลาง…” ผู้ที่ตาแหลมมองเห็นได้อย่างชัดเจนแต่ไกล ขณะที่น้ำจากทางช้างเผือกที่วิ่งห้อเข้ามา ต้องร้องเสียงดังออกมาอย่างช่วยไม่ได้
แรกทีเดียวที่มองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่เทลงมาจากฟ้าและวิ่งห้อมายังเขาจิ่วเหลียนซาน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน ผู้คนจำนวนมากยังเข้าใจว่าเป็นภัยพิบัติอะไรสักอย่างที่เข้ามา ถึงกับขนลุกซู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้
แต่ทว่า เมื่อมองดูให้ละเอียดแล้ว นั้นมันน้ำจากทางช้างเผือกที่ไหนกัน มันเป็นกองทัพมหึมากองทัพหนึ่ง เป็นกองทัพที่มีไพร่พลนับล้านวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีที่คำรามก้อง เดินทัพด้วยความรวดเร็วดั่งพายุ เดินทัพรวดเร็วทำลายสิ่งกีดขวางทุกอย่าง
“เป็นกองทัพส่วนกลางจริงๆ ด้วย…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยตื่นตระหนกยิ่งในใจ อดที่จะร้องเสียงดังออกมาไม่ได้เมื่อมองเห็นน้ำจากทางช้างเผือกที่วิ่งห้อเข้ามาได้อย่างชัดเจน
กองทัพส่วนกลางวิ่งห้อเข้ามาด้วยท่าทีที่ดุดัน ทั้งกองทัพล้วนแล้วแต่สวมเสื้อเกราะสีเงิน แม้แต่ม้าศึกที่ขี่มาด้วยก็สวมเสื้อเกราะสีเงินเช่นเดียวกัน เสื้อเกราะทุกชุดล้วนแล้วแต่ประดับด้วยอัญมณีแต่ละเม็ดที่ประดุจดั่งดวงดาว เปล่งประกายที่สุกใสแวบวับภายใต้แสงตะวัน ดูคล้ายเป็นดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กองทัพที่มีไพร่พลนับล้านวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีร้องคำรามเสียงดัง พวกเขาก็เหมือนดั่งน้ำจากทางช้างเผือกที่ลงมาจากท้องฟ้าอย่างนั้น พวกเขาก็คล้ายดั่งน้ำหลากที่มาจากเขื่อนแตก และวิ่งห้อมาถึงนั้น มีท่าทีที่ทำลายล้างอย่างรุนแรง ไร้สิ่งใดต้านทานมันได้
กองทัพที่วิ่งเข้ามาลักษณะเช่นนี้อย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทีที่ยิ่งใหญ่มาก ฟ้าดินแตกตื่น ขณะที่กองทัพส่วนกลางเดินทัพเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น ตลอดทางที่ผ่านมาปราศจากผู้คน และสำนักใดๆ กล้าขวางทาง พลันที่มองเห็นกองทัพนับล้านที่เสมือนดั่งน้ำหลากแล้ว ผู้คนที่สัญจรในทาง และหรือสำนักต่างๆ ต่างหลีกหนีไปไกลนับพันลี้ เป็นเส้นทางที่สะอาดหมดจดไร้ผู้คนขวางทางแม้แต่คนเดียว
มองเห็นกองทัพส่วนกลางที่วิ่งห้อเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดุจดั่งเป็นสัตว์ร้ายที่คำรามเสียงดัง ผู้ที่รู้จักกาลเทศะต่างก็รู้ว่ากองทัพนี้เปี่ยมด้วยเพลิงแห่งความโกรธ โดยทั้งกองทัพเสมือนหนึ่งถูกเผาผลาญด้วยเพลิงแห่งความโกรธ ใครขวางทางต้องถูกสังหารโดยไม่มีการละเว้นอย่างแน่นอน
ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกน่ากลัวคือผู้เฒ่าที่นำอยู่ด้านหน้าสุดคนนั้น ผู้เฒ่าที่อยู่ด้านหน้าสุดของกองทัพส่วนกลางผู้นี้ คล้ายเป็นตัวเขานั่นแหละที่นำพาน้ำหลากที่น่ากลัววิ่งห้อมาด้วยท่าทีที่ทำลายล้างรุนแรงมาตลอดทาง
ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดเกราะสีเงิน ชุดเกราะทั้งชุดพวยพุ่งประกายสีเงินที่เจิดจ้าละลานตา คล้ายเป็นดวงจันทราแต่ละดวงที่ลอยขึ้นมา ประกายสีเงินที่เจิดจ้าละลานตาทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกเหมือนทิ่มแทงจนดวงตาทั้งสองเจ็บปวดขึ้นมา
สิ่งนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่น่ากลัวที่สุดคือ ร่างทั้งร่าง่ของผู้เฒ่าพวยพุ่งอานุภาพเทพแท้จริงขั้นอมตะออกมา ปรากฏเจดีย์วิเศษที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ โดยเจดีย์วิเศษดังกล่าวล้อมรอบด้วยกลิ่นอายขมุกขมัว พลังดั่งมหาสมุทรที่น่าเกรงขามออกมา
ขณะที่เจดีย์วิเศษเช่นนี้ลอยอยู่เหนือศีรษะนั้น เสมือนดั่งสามารถกดดันหล่าชั้นฟ้า ทำให้ผู้คนหายใจไม่สะดวก เหมือนว่าขอเพียงเจดีย์วิเศษที่ลงมา ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือเช่นใด ก็จะถูกสยบและสังหารจนกลายเป็นหมอกเลือดไป
“หม่าหมิงชุน แม่ทัพของกองทัพส่วนกลาง!” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ พึมพำว่า “นี่คือระดับอมตะนะเนี่ย ระดับอมตะที่จริงแท้แน่นอน”
หม่าชุนหมิง แม่ทัพแห่งกองทัพส่วนกลาง และคือหนึ่งในระดับเทพแท้จริง ขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ความแข็งแกร่งของหม่าชุนหมิงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของห้าแกร่ง
สามารถกล่าวได้ว่า หม่าชุนหมิงคือแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของหกกองทัพของราชวงศ์โต่วเซิ่น ยกเว้นกองทัพหยินมี่ และด้วยเหตุนี้เอง หม่าชุนหมิงจึงได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพอีกหกกองทัพใหญ่ของราชวงศ์โต่วเซิ่น
“กองทัพส่วนกลางจะยกไปปราบใครกันล่ะ? เป็นใครกันแน่ที่ไปหาเรื่องกองทัพส่วนกลางเข้าแล้ว?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างผวาดผวาและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นกองทัพส่วนกลางที่มีไพร่พลนับล้านภายใต้การนำของหม่าหมิงชุน อาศัยท่าทีที่คำรามเสียงดังดั่งสิงโตที่โกรธและวิ่งห้อมาตลอดทาง ต่อให้ผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ต้องถอยห่างไปให้ไกล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...