“ดาบอริยะ ไม่พบกันเสียนาน” ฉินเจี้ยนเหยาก็ไม่ได้รู้สึกตระหนกเมื่อเห็นดาบอริยะกวานไห่ก้าวเพียงก้าวเดียวก็มาถึง และไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด ยืนกอดกระบี่สงบนิ่งไม่สะทกสะท้านและเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสมือนดั่งเทพธิดาที่อยู่เหนือกิเลสทั้งปวง
“เทพธิดาฉิน ไม่พบกันเสียนาน” ดาบอริยะกวานไห่ก็นำเอาดาบโบราณที่อยู่ด้านหลังลงมา เสมือนดั่งเป็นภูเขาที่สูงตระหง่าน ขณะที่กอดดาบโบราณเอาไว้ ทันใดนั้นให้ความรู้สึกผู้คนที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้
“ไม่พบกันหลายปี วิถีดาบของดาบอริยะใกล้จะปราศจากผู้ต่อกรแล้ว ในยุคปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่สามารถชื่นชมวิถีดาบกับดาบอริยะได้เล่า” ฉินเจี้ยนเหยาจ้องมองดูดาบอริยะกวานไห่แล้ว ต้องกล่าวทอดถอนใจออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เทพธิดาฉินชมเกินไปแล้ว ใต้หล้ากว้างใหญ่ มังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ แค่วิถีดาบเช่นนี้ไหนเลยคู่ควรจะนำมาทะนงตนได้” ดาบอริยะกวานไห่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ครั้งนั้น ขณะอยู่ที่ตระกูลหลี่นั้น ราชันแท้จริงต้วนยวี่ฟันเข้ามาตามอารมณ์ ก็คือวิถีดาบที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทำให้ข้าได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว หากจะพูดถึงวิถีดาบที่ปราศจากผู้ต่อกร เท่ากับเป็นการอวดดีแล้วล่ะ”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดของดาบอริยะกวานไห่ ต่างมองหน้าซึ่งกันและกันในเวลานี้
ผู้คนจำนวนมากต่างก็เคยได้ยินเรื่องที่ดาบอริยะกวานไห่ประลองศึกษาซึ่งกันและกันและอภิปรายธรรมกับราชันแท้จริงต้วนยวี่ และราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แต่เป็นแค่ได้ยินมาเท่านั้น มาวันนี้ดาบอริยะกวานไห่พูดขึ้นมาเองย่อมจะเป็นเรื่องจริง
ราชันแท้จริงต้วนยวี่ และราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในยุคนี้แล้ว ต่างก็เป็นราชันแท้จริงเหมือนกัน แต่กำลังความสามารถของพวกเขาทั้งสองเหนือกว่ากันมากเมื่อเทียบกับราชันแท้จริงปาเจิ้น
ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่มีสิทธิ์ประลองศึกษาซึ่งกันและกันและอภิปรายธรรมกับพวกเขา สิ่งนี่เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าเขามีความแข็งแกร่งเช่นใด จะอย่างไรเสียใช่ว่าใครก็มีสิทธิ์ไปอภิปรายธรรมกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเฉกเช่นราชันแท้จริงต้วนยวี่กับราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้อยู่แล้ว
“ราชันแท้จริงต้วนยวี่คือผู้ที่มีความสามารถล้ำเลิศซึ่งสวรรค์ประทานมาให้” ฉินเจี้ยนเหยาอดที่จะพยักหน้า และกล่าวว่า “พลันลงมือด้วยกระบวนท่าละมั่งแขวนเขา ปราดเปรื่องน่าทึ่ง แต่ว่าระดับความลึกซึ้งด้านวิถีดาบของดาบอริยะยังคงยากจะมีผู้เทียบเทียม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่”
“เทพธิดาฉินยังคงช่างจำนรรจา” ดาบอริยะกวานไห่อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และกล่าวว่า “ยากนักที่คราวนี้ข้าได้กลับมาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่สักครั้ง มาวันนี้ได้พบกับเทพธิดาฉินอีกครั้งนับเป็นวาสนาต่อกัน ข้ากับเทพธิดาฉินร่วมศึกษาซึ่งกันและกันบ้างจะเป็นเช่นใด? ความยอดเยี่ยมด้านวิถีกระบี่ของเทพธิดาฉิน นับว่าทำให้ข้าหวนคะนึงถึง”
“ในเมื่อดาบอริยะมีอารมณ์สุนทรี เจี้ยนเหยาจะกล้าขัดได้อย่างไรเล่า?” ฉินเจี้ยนเหยาที่ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้มดุจดั่งร้อยบุปผาบานเบ่งพร้อมกัน งดงามยิ่งนัก ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยจิตใจหวั่นไหว
“เชิญ…” ดาบอริยะกวานไห่ก็ไม่เกรงใจ ก้าวเท้าเข้าไปยังเกาะเซียงหลีในก้าวเดียว
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดโต้ตอบของดาบอริยะกวานไห่กับฉินเจี้ยนเหยา ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองหน้ากันและกัน และทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยทอดถอนใจกับสิ่งนี้
“ดาบอริยะกวานไห่ย่อมเป็นดาบอริยะกวานไห่ การที่เขาได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้หาใช่พวกหยางฝู่ฝานสามารถเทียบเคียงได้” กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกสะเทือนอารมณ์ยิ่ง กล่าวทอดถอนใจออกมา
สมควรทราบว่า ขณะหยางฟู่ฝานขอเข้าพบฉินเจี้ยนเหยานั้น มาด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งนัก แม้แต่ทังเฮ่อเสียงที่ขอพบฉินเจี้ยนเหยาก็ต้องวางท่าทีค่อนข้างต่ำ ไม่เหมือนเช่นดาบอริยะกวานไห่ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับฉินเจี้ยนเหยาอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าดาบอริยะกวานไห่มีฐานะที่สูงกว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับทังเฮ่อเสียง
แม้ว่าทังเฮ่อเสียงจะเป็นระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นห้า แม้ว่าเขาจะมีทหารองครักษ์วังหลวงอยู่ในมือ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกองทัพทั้งหก แต่ในด้านของฐานะแล้ว ยังคงไม่สามารถเทียบได้กับดาบอริยะกวานไห่
“วิถีดาบของดาบอริยะกวานไห่ต่อสู้ชี้ขาดกับวิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยา ใครแพ้ใครชนะเล่า?” มีผู้กล่าวด้วยความอดที่จะสงสัยไม่ได้ เมื่อเห็นดาบอริยะกวานไห่และฉินเจี้ยนเหยาทั้งสองคนหายเข้าไปอยู่ในเกาะเซียงหลี
กล่าวสำหรับปัญหาข้อนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างจ้องตากันและกัน ไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ได้มาตรฐาน
“คงมีเพียงบุคคลอย่างดาบอริยะกวานไห่ ราชันแท้จริงปาเจิ้นจึงมีสิทธิ์ตัดสินว่าใครเหนือกว่าใครกับเทพธิดาฉิน วิถีกระบี่ของเทพธิดาฉินนั้นเสมือนดั่งห่านฟ้าบนท้องนภา แม้ว่าจะมองเห็นเพียงแวบเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนยากที่จะลืมเลือน” มีผู้ที่ได้เคยพบเห็นฉินเจี้ยนเหยาลงมือมาก่อนพูดออกมาจากใจ
ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง เมื่อมีการพูดถึงวิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยา
ฉินเจี้ยนเหยานั้นใช่ว่านางแค่มีรูปโฉมงดงามเท่านั้น ใช่ว่านางมีชาติกำเนิดจากวัดจิ้งเหลียนกวานก็ดูสูงส่ง และได้รับการติดตามสรรเสริญเยินยอจากผู้อื่น
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ความงดงามและชาติกำเนิดของฉินเจี้ยนเหยาทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าไม่อาจเอื้อม แต่ทว่า นางหาใช่เป็นแจกันที่งามเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
ที่ฉินเจี้ยนเหยามีอยู่ในตัวใช่เพียงความงดงาม และใช่เพียงมีชาติกำเนิดที่สูงส่งเท่านั้น ความจริงแล้วกำลังความสามารถของฉินเจี้ยนเหยานั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
ฉินเจี้ยนเหยาคือผู้ที่ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาเจียมี่ และเลียดมี่ของวัดจิ้งเหลียนกวานมา ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยุคปัจจุบัน ผู้ที่ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่พร้อมกันทีเดียวสองเคล็ดวิชามีสักกี่คน? เรียกได้ว่ามีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
ขณะที่ฉินเจี้ยนเหยาอาศัยเคล็ดวิชาเจียมี่ และเลียดมี่ที่เป็นสองเคล็ดวิชาจิ่วมี่เป็นธาตุแท้ภายใน เป็นตัวสนับสนุน ซุ่มฝึกปรือวิถีกระบี่ ซึ่งทำให้นางได้รับโชคที่น่าตกใจอย่างยิ่งในด้านวิถีกระบี่
แม้จะกล่าวว่า ฉินเจี้ยนเหยานั้นน้อยครั้งนักที่ออกท่องอยู่ในยุทธภพ และน้อยครั้งที่ลงมือ แต่สำหรับผู้ที่เคยเห็นนางลงมือ ก็จะมีความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนเกี่ยวกับวิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยา มันช่างปราดเปรื่องน่าทึ่งมากเหลือเกิน
ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มคนรุ่นใหม่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ที่หาญกล้าท้าสู้กับฉินเจี้ยนเหยาจริงๆ นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ต่อให้เป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นหากคิดจะท้าสู้กับฉินเจี้ยนเหยาแล้ว เกรงว่าคงต้องกระทำการอย่างรอบคอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...