สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่าชั้นฟ้าคุกเข่าและใช้สองมือยกสะพานหยกเอาไว้ อานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงตลบอบอวล โดยที่พวกมันไม่ได้แสดงสุดยอดอานุภาพออกมา แต่ว่าอานุภาพเหล่านั้นยังคงสร้างความหวาดหวั่นต่อจิตใจผู้คนได้เพียงนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้อยู่สูงสุด ยิ่งแสดงให้เห็นว่าอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า อยู่เหนือเหล่าเทพ มีเพียงข้าที่เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
ภาพเช่นนี้นับว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนได้มากเหลือเกิน ทำให้ผู้คนอดที่จะมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความประทับใจ ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถมีความรูหราได้เช่นนี้
สะพานหยกลักษณะเช่นนี้ที่ทอดข้ามตรงไปยังบริเวณกึ่งกลางของทะเลสาบ ขณะที่สะพานหยกเช่นนี้ผงาดทอดข้ามบนท้องฟ้าและเข้าไปอยู่ในเมฆา เหมือนว่ามีเพียงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดเท่านั้นที่สามารถก้าวเดินอยู่บนนั้นได้
เวลานี้หลี่ชิเย่เดินอยู่บนสะพานหยกตามอารมณ์ยิ่ง ช่างเป็นอะไรที่ตามใจและเป็นธรรมชาติ ช่างผ่อนคลายและอิสระเสรีอะไรอย่างนั้น ขณะที่หลิ่วชูฉิงคล้องแขนหลี่ชิเย่ติดตามก้าวเดินไปอย่างช้าๆ
ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินอยู่บนสะพานหยกนั้น เมฆลอยอยู่ใต้เท้านั่นเอง นาทีนี้เขาก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด เป็นฮ่องเต้ของเหล่าเทพ อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า ปกครองหมื่นยุค เมื่อยืนอยู่บนสะพานหยกและก้มมองลงมาด้านล่าง ยอดฝีมือหมื่นยุคก็เป็นได้เพียงแค่มดปลวกเท่านั้นเอง
ด้วยสะพานหยกที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเช่นนี้ หลี่ชิเย่กลับก้าวเดินได้ตามอารมณ์ยิ่ง เสมือนหนึ่งเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเองอย่างนั้น เสมือนดั่งเดินอยู่บนสะพานหินที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาเช่นใดอย่างนั้น
แม้ว่านาทีนี้บนตัวของหลี่ชิเย่ไม่ได้มีอานุภาพที่สะเทือนเลื่อนลั่น ไม่มีท่าทีที่ดั่งคลื่นยักษ์ ท่าทางที่ตามอารมณ์สุดๆ นั้น ดูไปแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับบุคคลธรรมดาแต่อย่างใด
แต่ว่า ด้วยตัวเขาที่ธรรมดาเช่นนี้ เวลาเดินอยู่บนสะพานที่ได้รับการเคารพสูงสุดในขณะนี้ กลับมีความเข้ากันได้ที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมอย่างหนึ่ง ไม่ได้เหนือความคาดคิดสำหรับผู้คนแม้แต่น้อย เหมือนว่าสะพานหยกที่ได้รับความเคารพสูงสุดเช่นนี้มีเพียงคนธรรมดาๆ อย่างเขาเท่านั้นที่สามารถก้าวเดินอยู่บนนั้นได้อย่างตามอารมณ์
ทั่วฟ้าดินดูเงียบสงัดในขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่อดที่จะมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหม่อลอย ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเรียกสติกลับมาจากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ผู้คนจำนวนมากกว่าถูกสยบด้วยอานุภาพที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้
ลองนึกดู บรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากเหล่าชั้นฟ้าล้วนแล้วแต่คุกเข่ากับพื้นมือยกสะพานหยก ให้การต้อนรับการมาถึงของหลี่ชิเย่ด้วยความเคารพ ด้วยอำนาจบารมีเช่นนี้ ทอดสายตามองไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งแดนลัทธิราชันทั้งหมดก็ไม่มีใครสามารถทำได้ ต่อให้เป็นฮ่องเต้ไท่ชิงขณะมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้มีอานุภาพถึงเพียงนี้
“นี่ นี่ นี่ไม่ใช่ภาพเพ้อฝันกระมัง ใช่วิชากำบังตาหรือไม่นะ?” มีผู้บำเพ็ญตนอดที่จะพูดขึ้นมาแผ่วเบา เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ขณะเดินอยู่บนสะพานหยกอย่างตามอารมณ์ยิ่ง
มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่อยากจะเชื่อ ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ดุจดั่งสวะเช่นนี้สามารถได้รับการคุกเข่าต้อนรับจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าชั้นฟ้าได้รึ? มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องเช่นนี้กระทั่งฮ่องเต้ไท่ชิงก็ทำไม่ได้
ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างรุ้สึกว่าสิ่งนี้อาจเป็นวิธีการเล็กน้อยๆ ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สำแดงขึ้นมา ดูไปแล้วหรูหราน่าตกใจเท่านั้นเอง
“ไม่เหมือนที่ว่า แต่ ก็ไม่เหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง” ระดับปรมาจารย์ของตระกูลขุนนางโบราณได้เปิดเนตรฟ้าขึ้น แต่ก็มองภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ขาด ถึงกับพึมพำขึ้นมา และกล่าวว่า “ภาพเพ้อฝันจะไม่มีอานุภาพลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว ถ้าหากจะมี จะต้องได้รับอานุภาพที่แข็งแกร่งมากกว่านี้มาให้การสนับสนุน สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็มีความแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถเรียกว่าเป็นภาพเพ้อฝันง่ายดายเช่นนี้ได้ แต่เป็นภาพประหลาด แต่ว่า สิ่งนี้ไม่เหมือนภาพเพ้อฝันที่อาศัยวิชากำบังตาอะไรนั่น อานุภาพสายนี้เป็นอานุภาพที่จริงแท้แน่นอน”
“ไม่ใช่ภาพเพ้อฝันแล้วมันคืออะไร?” ยังคงมีผู้คนจำนวนมากไม่เชื่อว่าฮ่องเต้องค์ใหม่สามารถประคับประคองเหตุการณ์ประหลาดที่ทรงพลังเช่นนี้เอาไว้ได้ และกล่าวว่า “ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่แข็งแกร่งได้เช่นนี้จริง คงไม่ถึงกับต้องตกต่ำอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอกนะ”
ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากกว่าต่างก็เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สามารถแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นฉินเจี้ยนเหยา ดาบอริยะกวานไห่เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ก็อดที่จะเพ่งสายตาไปข้างหน้า เนื่องจากพวกเขาดูออกว่า นี่หาใช่ภาพเพ้อฝันที่เกิดจากการใช้วิชากำบังตาอะไรนั่น
ยิ่งทังเฮ่อเสียงด้วยแล้วดวงตาของเขาเพ่งไปข้างหน้า รูม่านตาหดตัวลง เผยให้เห็นถึงท่าทางที่น่าเกรงขาม ยิ่งไปกว่านั้นลึกเข้าไปในรูม่านตายังได้เบ่งบานปณิธานการฆ่าออกมาเป็นสา ในเวลานี้ปณิธานการฆ่าในใจของเขายิ่งมีความมั่นคงมากขึ้น
กล่าวสำหรับทังเฮ่อเสียงแล้ว เขาย่อมต้องการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ฮ่องเต้ ด้วยสถานการณ์ใต้หล้าในปัจจุบัน ถ้าหากเขายังคงไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ได้ล่ะก็ หลังจากนี้ก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย อย่างไรก็ตาม หากเขาคิดจะก้าวขึ้นบัลลังก์ฮ่องเต้ แน่นอนที่สุดฮ่องเต้องค์ใหม่คือเครื่องกีดขวางสำหรับตัวเขา หากฮ่องเต้องค์ใหม่ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร มีธาตุแท้ภายในที่หนาแน่นมากขิ่งขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลคุกคามต่อเขามากขึ้น
ดังนั้น กล่าวสำหรับทังเฮ่อเสียงในเวลานี้แล้ว ต้องกำจัดฮ่องเต้องค์ใหม่ให้ได้ มิฉะนั้นแล้วหากทอดเวลายาวนานออกไปจะต้องเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมาแน่ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อแผนการในอนาคตอย่างยิ่ง
ท่าทีของปิงฉือหานยวี่ก็ดูหนักแน่นจริงจัง จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินไปตามอารมณ์อยู่บนสะพานหยก แววตาของนางดูจะมีความสลับซับซ้อนอยู่บ้างขณะมองดูหลี่ชิเย่ สำหรับฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นก่อนหน้านี้นางเชิดใส่ และที่มีมากกว่าก็คือความสะอิดสะเอียนอย่างหนึ่ง
กล่าวสำหรับผู้ชายที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม บ้าผู้หญิงเจ้าชู้ โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถแล้ว จะอยู่ในสายตาของนางที่เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน ภายในใจของนาง ผู้ชายประเภทนี้ไม่ต่างอะไรกับหนอนแมลงวันสักเท่าไร ดังนั้น ภายในใจของนางจึงมีความสะอิดสะเอียนในตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เข้มข้นมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...