ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2495

สรุปบท ตอนที่ 2495 ปกครองใต้หล้า: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2495 ปกครองใต้หล้า – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 2495 ปกครองใต้หล้า ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2495 ปกครองใต้หล้า
การส่งเสียงดังขึ้นมาพร้อมๆ กันว่า “ฮ่องเต้เสด็จ” เสมือนดั่งสร้างความหวั่นไหวต่อเหล่าชั้นฟ้า สยบต่อหมื่นอาณาจักร ทันใดนั้นเองไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดหวั่นในใจ ความหวาดหวั่นนั้นบังเกิดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจโดยสัญชาตญาณ ทำให้บางคนถึงกับเข่าอ่อน อดที่จะคุกเข่าลงกับพื้นโดยตรง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่าชั้นฟ้าคุกเข่าและใช้สองมือยกสะพานหยกเอาไว้ อานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงตลบอบอวล โดยที่พวกมันไม่ได้แสดงสุดยอดอานุภาพออกมา แต่ว่าอานุภาพเหล่านั้นยังคงสร้างความหวาดหวั่นต่อจิตใจผู้คนได้เพียงนั้น

ด้วยเหตุนี้เอง ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้อยู่สูงสุด ยิ่งแสดงให้เห็นว่าอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า อยู่เหนือเหล่าเทพ มีเพียงข้าที่เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว

ภาพเช่นนี้นับว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนได้มากเหลือเกิน ทำให้ผู้คนอดที่จะมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความประทับใจ ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถมีความรูหราได้เช่นนี้

สะพานหยกลักษณะเช่นนี้ที่ทอดข้ามตรงไปยังบริเวณกึ่งกลางของทะเลสาบ ขณะที่สะพานหยกเช่นนี้ผงาดทอดข้ามบนท้องฟ้าและเข้าไปอยู่ในเมฆา เหมือนว่ามีเพียงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดเท่านั้นที่สามารถก้าวเดินอยู่บนนั้นได้

เวลานี้หลี่ชิเย่เดินอยู่บนสะพานหยกตามอารมณ์ยิ่ง ช่างเป็นอะไรที่ตามใจและเป็นธรรมชาติ ช่างผ่อนคลายและอิสระเสรีอะไรอย่างนั้น ขณะที่หลิ่วชูฉิงคล้องแขนหลี่ชิเย่ติดตามก้าวเดินไปอย่างช้าๆ

ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินอยู่บนสะพานหยกนั้น เมฆลอยอยู่ใต้เท้านั่นเอง นาทีนี้เขาก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด เป็นฮ่องเต้ของเหล่าเทพ อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า ปกครองหมื่นยุค เมื่อยืนอยู่บนสะพานหยกและก้มมองลงมาด้านล่าง ยอดฝีมือหมื่นยุคก็เป็นได้เพียงแค่มดปลวกเท่านั้นเอง

ด้วยสะพานหยกที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเช่นนี้ หลี่ชิเย่กลับก้าวเดินได้ตามอารมณ์ยิ่ง เสมือนหนึ่งเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเองอย่างนั้น เสมือนดั่งเดินอยู่บนสะพานหินที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาเช่นใดอย่างนั้น

แม้ว่านาทีนี้บนตัวของหลี่ชิเย่ไม่ได้มีอานุภาพที่สะเทือนเลื่อนลั่น ไม่มีท่าทีที่ดั่งคลื่นยักษ์ ท่าทางที่ตามอารมณ์สุดๆ นั้น ดูไปแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับบุคคลธรรมดาแต่อย่างใด

แต่ว่า ด้วยตัวเขาที่ธรรมดาเช่นนี้ เวลาเดินอยู่บนสะพานที่ได้รับการเคารพสูงสุดในขณะนี้ กลับมีความเข้ากันได้ที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมอย่างหนึ่ง ไม่ได้เหนือความคาดคิดสำหรับผู้คนแม้แต่น้อย เหมือนว่าสะพานหยกที่ได้รับความเคารพสูงสุดเช่นนี้มีเพียงคนธรรมดาๆ อย่างเขาเท่านั้นที่สามารถก้าวเดินอยู่บนนั้นได้อย่างตามอารมณ์

ทั่วฟ้าดินดูเงียบสงัดในขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่อดที่จะมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหม่อลอย ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเรียกสติกลับมาจากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ผู้คนจำนวนมากกว่าถูกสยบด้วยอานุภาพที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้

ลองนึกดู บรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากเหล่าชั้นฟ้าล้วนแล้วแต่คุกเข่ากับพื้นมือยกสะพานหยก ให้การต้อนรับการมาถึงของหลี่ชิเย่ด้วยความเคารพ ด้วยอำนาจบารมีเช่นนี้ ทอดสายตามองไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งแดนลัทธิราชันทั้งหมดก็ไม่มีใครสามารถทำได้ ต่อให้เป็นฮ่องเต้ไท่ชิงขณะมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้มีอานุภาพถึงเพียงนี้

“นี่ นี่ นี่ไม่ใช่ภาพเพ้อฝันกระมัง ใช่วิชากำบังตาหรือไม่นะ?” มีผู้บำเพ็ญตนอดที่จะพูดขึ้นมาแผ่วเบา เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ขณะเดินอยู่บนสะพานหยกอย่างตามอารมณ์ยิ่ง

มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่อยากจะเชื่อ ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ดุจดั่งสวะเช่นนี้สามารถได้รับการคุกเข่าต้อนรับจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าชั้นฟ้าได้รึ? มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องเช่นนี้กระทั่งฮ่องเต้ไท่ชิงก็ทำไม่ได้

ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างรุ้สึกว่าสิ่งนี้อาจเป็นวิธีการเล็กน้อยๆ ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สำแดงขึ้นมา ดูไปแล้วหรูหราน่าตกใจเท่านั้นเอง

“ไม่เหมือนที่ว่า แต่ ก็ไม่เหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง” ระดับปรมาจารย์ของตระกูลขุนนางโบราณได้เปิดเนตรฟ้าขึ้น แต่ก็มองภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ขาด ถึงกับพึมพำขึ้นมา และกล่าวว่า “ภาพเพ้อฝันจะไม่มีอานุภาพลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว ถ้าหากจะมี จะต้องได้รับอานุภาพที่แข็งแกร่งมากกว่านี้มาให้การสนับสนุน สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็มีความแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถเรียกว่าเป็นภาพเพ้อฝันง่ายดายเช่นนี้ได้ แต่เป็นภาพประหลาด แต่ว่า สิ่งนี้ไม่เหมือนภาพเพ้อฝันที่อาศัยวิชากำบังตาอะไรนั่น อานุภาพสายนี้เป็นอานุภาพที่จริงแท้แน่นอน”

“ไม่ใช่ภาพเพ้อฝันแล้วมันคืออะไร?” ยังคงมีผู้คนจำนวนมากไม่เชื่อว่าฮ่องเต้องค์ใหม่สามารถประคับประคองเหตุการณ์ประหลาดที่ทรงพลังเช่นนี้เอาไว้ได้ และกล่าวว่า “ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่แข็งแกร่งได้เช่นนี้จริง คงไม่ถึงกับต้องตกต่ำอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอกนะ”

ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากกว่าต่างก็เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สามารถแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้

แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นฉินเจี้ยนเหยา ดาบอริยะกวานไห่เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ก็อดที่จะเพ่งสายตาไปข้างหน้า เนื่องจากพวกเขาดูออกว่า นี่หาใช่ภาพเพ้อฝันที่เกิดจากการใช้วิชากำบังตาอะไรนั่น

ยิ่งทังเฮ่อเสียงด้วยแล้วดวงตาของเขาเพ่งไปข้างหน้า รูม่านตาหดตัวลง เผยให้เห็นถึงท่าทางที่น่าเกรงขาม ยิ่งไปกว่านั้นลึกเข้าไปในรูม่านตายังได้เบ่งบานปณิธานการฆ่าออกมาเป็นสา ในเวลานี้ปณิธานการฆ่าในใจของเขายิ่งมีความมั่นคงมากขึ้น

กล่าวสำหรับทังเฮ่อเสียงแล้ว เขาย่อมต้องการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ฮ่องเต้ ด้วยสถานการณ์ใต้หล้าในปัจจุบัน ถ้าหากเขายังคงไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ได้ล่ะก็ หลังจากนี้ก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย อย่างไรก็ตาม หากเขาคิดจะก้าวขึ้นบัลลังก์ฮ่องเต้ แน่นอนที่สุดฮ่องเต้องค์ใหม่คือเครื่องกีดขวางสำหรับตัวเขา หากฮ่องเต้องค์ใหม่ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร มีธาตุแท้ภายในที่หนาแน่นมากขิ่งขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลคุกคามต่อเขามากขึ้น

ดังนั้น กล่าวสำหรับทังเฮ่อเสียงในเวลานี้แล้ว ต้องกำจัดฮ่องเต้องค์ใหม่ให้ได้ มิฉะนั้นแล้วหากทอดเวลายาวนานออกไปจะต้องเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมาแน่ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อแผนการในอนาคตอย่างยิ่ง

ท่าทีของปิงฉือหานยวี่ก็ดูหนักแน่นจริงจัง จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินไปตามอารมณ์อยู่บนสะพานหยก แววตาของนางดูจะมีความสลับซับซ้อนอยู่บ้างขณะมองดูหลี่ชิเย่ สำหรับฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นก่อนหน้านี้นางเชิดใส่ และที่มีมากกว่าก็คือความสะอิดสะเอียนอย่างหนึ่ง

กล่าวสำหรับผู้ชายที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม บ้าผู้หญิงเจ้าชู้ โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถแล้ว จะอยู่ในสายตาของนางที่เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน ภายในใจของนาง ผู้ชายประเภทนี้ไม่ต่างอะไรกับหนอนแมลงวันสักเท่าไร ดังนั้น ภายในใจของนางจึงมีความสะอิดสะเอียนในตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เข้มข้นมาก

“ฮึ ควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรม? อาศัยเขารึ?” ทังเฮ่อเสียงจ้องมองดูหลี่ชิเย่ที่กำลังก้าวเดินอยู่บนสะพานหยกด้วยท่าทีเย็นชา และส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา

แม้ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรมากความ แต่ท่าทีได้บอกชัดเจนทุกอย่างแล้ว ส่วนลึกๆ ในใจของทังเฮ่อเสียงยังคงดูแคลนในฮ่องเต้องค์ใหม่ที่โง่เขลาเบาปัญญาคนนี้ จะอย่างไรเสียฮ่องเต้องค์ใหม่เคยถูกพวกเขาขับไล่ลงมาจากบัลลังก์ ถูกชิงบัลลังก์ สวะลักษณะเช่นนี้กล่าวสำหรับทังเฮ่อเสียงแล้วถูกมองว่าเป็นผู้ที่เคยพ่ายแพ้แก่ตนตลอดมา

“เขาสามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมรึ? ถ้าใช่ เพราะอะไรเขาจึงถูกขับออกมา” ปิงฉือหานยวี่อดที่จะพึมพำออกมาเบๆ ภายในใจของนางไม่ค่อยอยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่เรื่องราวกลับเหมือนว่าได้ต้อนให้พวกเขาไปยังทิศทางที่ไม่สามารถคาดคะเนได้ นางเองก็รู้สึกว่าหลี่ชิเย่กำลังเปลี่ยนไป ทำให้ภายในใจของนางอดที่จะขัดแย้งขึ้นมาบ้าง

ฉินเจี้ยนเหยาไม่ได้พูดอะไร สายตาของนางดูลึกล้ำ อดที่จะทอดถอนใจภายในใจเบาๆ ในเวลานี้นางรู้สึกเสียใจภายหลังกับการตัดสินใจในวันนั้นยิ่งนัก บางทีฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้เย่เหมือนอย่างที่ผู้คนจินตนาการเอาไว้ บางที ฮ่องเต้องค์ใหม่จึงเป็นน้ำนิ่งไหลลึกอย่างแท้จริง การกระทำในอดีตเป็นเพียงกากรปั่นหัวผู้คนเล่นเท่านั้นเอง ในเวลานี้เอง ภายในใจของนางมีรสชาติที่บอกไม่ถูก

สุดท้าย ท่ามกลางสายตาของทุกๆ คน หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินมาจนถึงกึ่งกลางทะเลสาบ แม้ว่าทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขา ก็ยังคงดูอิสระเสรีและตามอารมณ์อย่างนั้น เขาก็คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะผู้ที่อยู่สูงสุด เหล่าผู้คนทั้งหมดดั่งมดปลวก

ช่าาาเสียงน้ำดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นทะเลสาบที่มีน้ำสีเหลืองทองพลันลอยขึ้น เหมือนว่าน้ำทะเลสาบได้ผ่านการหลอมสร้างมาอย่างนั้น น้ำทะเลสาบที่ลอยขึ้นกลางอากาศพลันจับตัวกันกลายเป็นพระราชอาสน์ขึ้นมา

พระราชอาสน์นี้มีมังกรเก้าตัวพันเอาไว้ มังกรแท้จริงคาบแก้ว โดยที่ตัวของพระราชอาสน์เสมือนดั่งสร้างขึ้นโดยทองคำหนักห้าร้อยกิโลกรัม อีกทั้งเป็นการขึ้นรูปสำเร็จในครั้งเดียว ดั่งเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้มีร่องรอยของการแกะสลักใดๆ โดยที่พระราชอาสน์ดูไปแล้วเปี่ยมด้วยความพาล มีท่วงทำนองที่สูงสุด เหมือนว่ามีเพียงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดจึงมีสิทธิ์นั่งอยู่บนนั้นได้

พระราชอาสน์ลักษณะเช่นนี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ได้เปล่งประกายสีทองออกมา ทำให้ผู้ที่พบเห็นถึงกับกลืนน้ำลาย กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว การนั่งอยู่บนพราชอาสน์เช่นนี้จำเป็นต้องอาศัยความกล้าหาญเป็นอันมาก

แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับหย่อนก้นลงนั่งบนพระราชอาสน์นี้ตามอารมณ์อย่างยิ่ง ทั้งยังตามใจและอิสระเสรี

ท่ามกลางเสียงน้ำที่ดังช่าาาที่ดังขึ้น ด้านหน้าของพราะราชอาสน์ได้ปรากฏมีการจับตัวกลายเป็นโต๊ะทองคำขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง เสมือนหนึ่งเป็นโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับฮ่องเต้ใช้พิจารณาฎีกาที่ส่งมาจากทั่วหล้า

…………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล