“ทำไมรึ ล้วนแล้วแต่มาทำความบรรลุความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของเขาจิ่วเหลียนซานสักหน่อยรึ?” หลี่ชิเย่กล่าวและยิ้มตามอารมณ์
“ทะเลสาบทั้งเก้าเปลี่ยนสีเป็นโอกาสที่หาได้ยาก รุ่นพวกเราก็จะมาดูสักหน่อย ไม่ให้พลาดโอกาสอันดีนี้ไป” ฉินเจี้ยนเหยาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ฝ่าบาทมาที่นี่ก็ด้วยความลับยิ่งใหญ่ของทะเลสาบทั้งเก้ารึ?” มาคราวนี้ท่าทีของฉินเจี้ยนเหยามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างลึกซึ้ง ในการพบกันครั้งแรกที่เขาจิ่วเหลียนซานนั้น นางยังคงเรียกขานว่า ‘ฝ่าบาท’ ต่อมาภายหลังได้ใช้คำว่า ‘คุณชายหลี่’ หลังจากนั้นอีกเปลี่ยนเป็น ‘ท่าน’ เวลานี้ได้กลับมาเรียกคำว่า ‘ฝ่าบาท’
ย่อมไม่ต้องสงสัย อาศัยสรรพนามที่ฉินเจี้ยนเหยาใช้เรียกก็สามารถดูออกได้ว่า ท่าทีของฉินเจี้ยนเหยาที่มีต่อหลี่ชิเย่กำลังเปลี่ยนไป
“โอกาสและวาสนาจากทะเลสาบทั้งเก้าจากปากของพวกเจ้านั้น กล่าวสำหรับข้าแล้วไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่มองดูฉินเจี้ยนเหยาทีหนึ่งและยิ้มกล่าว
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้สีหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนไป เนื่องจากการมายังเขาจิ่วเหลียนซาน ของผู้คนจำนวนเท่าไรก็เพื่อต้องการรอคอยการเปลี่ยนสีของทะเลสาบทั้งเก้าซึ่งหาได้ยากยิ่ง และต้องการบรรลุโอกาสและวาสนา
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดว่าไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง มิเท่ากับเป็นดูถูกพวกเขาทั้งหมดรึ? โดยไม่ได้เห็นพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสายตา
ถ้าหากว่าถูกดูถูกโดยสุดยอดอัจฉริยะบุคคลก็ยังพอจะรับได้ แต่ว่า ถูกสวะลักษณะเช่นนี้ดูถูกขนาดนี้ ย่อมทำใหภายในใจของผู้คนจำนวนมากไม่สบอารมณ์แล้ว
“พูดไปแล้วเหมือนว่าเจ้าสามารถบรรลุความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ภายในอย่างนั้น” ปิงฉือหานยวี่ เหลือบมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง อดที่จะกล่าวคำประชดประชันหลี่ชิเย่ไปคำหนึ่ง
หลี่ชิเย่เหล่ปิงฉือหานยวี่ทีหนึ่ง หัวเราะพลางและกล่าวว่า “ดูไปแล้วเจ้านี่นับว่าเป็นประเภทอกโตไร้สมองจริงๆ เทียบกับนังหนูฉินแล้ว ใช่เพียงห่างไกลกันแค่โยชน์สองโยชน์เท่านั้น แม้ว่านังหนูฉินนั้นจะดูพื้นๆ จนไม่อาจรับได้ แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดนางไม่โง่ แต่จะว่าไปแล้ว เห็นแก่เจ้าที่อกโต ก็นับว่าโง่ได้สมเหตุสมผลแล้วล่ะ”
“เจ้า…” เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ พลันทำให้ปิงฉือหานยวี่โกรธยิ่งนัก ใบหน้าแดงก่ำ อดไม่ได้ที่จะจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ
ความจริงแล้ว หน้าอกของปิงฉือหานยวี่นับว่าใหญ่มาก คงไม่มีกี่คนที่สามารถใหญ่กว่านางได้อีกแล้ว ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังได้แอบเหล่หน้าอกของปิงฉือหานยวี่ไปทีหนึ่ง
ปิงฉือหานยวี่ในขณะนี้บังเกิดความโกรธอย่างรุนแรง ภายใต้ความโกรธทำให้หายใจถี่และเร็ว หน้าอกจึงกระเพื่อมขึ้นลง ลองนึกภาพดู เฉกเช่นหน้าอกของปิงฉือหานยวี่ที่ใหญ่โตเช่นนั้น เมื่อมีการขึ้นลงอย่างรวดเร็วนับว่ามันคือคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดโดยแท้ เป็นภาพเหตุการณ์ที่อลังการเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยความยั่วยวนยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิงฉือหานยวี่นั้นคือหญิงงามแต่กำเนิด สวยหยาดเยิ้มเข้าไปถึงภายในกระดูก บุคลิกลักษณะที่ทำให้ผู้คนหลงใหลแบบนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล เวลานี้นางที่พลันโกรธขึ้นมา มันคือลักษณะที่เย้ายวนใจอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับร้อนรุ่มในใจ ผู้ที่ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนักถึงกับลมปราณไหลย้อนขึ้น เลือดทะลักออกจากจมูก เป็นภาพที่เสียหน้า และน่าอายอย่างยิ่ง
“หรือข้าพูดผิดตรงไหน?” ท่าทางหลี่ชิเย่ดูเป็นอิสระเสรียิ่งนัก มองดูหน้าอกที่อวบอัดดั่งคลื่นยักษ์โหมสาดซัดนั้นอย่างเต็มตา ดูกำเริบเสิบสานยิ่งและกระทำการโดยไม่มีการหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด เปี่ยมด้วยความล่วงเกินก้าวล่วง
“เจ้าอย่าลืมไปสิ นางเป็นคู่หมั้นของราชันแท้จริงปาเจิ้น ถ้าหากเจ้ามีความคิดเช่นนี้ล่ะก็ให้เลิกล้มความตั้งใจเร็วไวเถอะ” เมื่อดาบอริยะกวานไห่มองเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่ที่จ้องมองดูหน้าอกของปิงฉือหานยวี่อย่างไม่มีความหวั่นเกรงใดๆ จึงออกปากกล่าวเตือนไป
การที่ดาบอริยะกวานไห่ไม่เงื้อดาบฟาดฟันใส่หลี่ชิเย่ก็นับว่าบุญแล้ว ศิษย์น้องของเขายังอยู่เคียงข้างกายของเขา แต่เขายังคงทำกำเริบเสิบสานไปจ้องมองดูหน้าอกของปิงฉือหานยวี่อย่างละเอียด นับว่าเกินไปแล้ว
“มันจะไปมีอะไร” หลี่ชิเย่ท่าทางอย่างไรก็ได้ ยิ้มและกล่าวด้วยท่าทีตามอารมณ์ว่า “อย่าว่าแต่แค่คู่หมั้นเลย ต่อให้แต่งงานแล้วมันจะเป็นอะไรไป? ถ้าหากข้าต้องการก็ยังคงแย่งเอามาตรงๆ มาอุ่นเตียงให้กับข้า อย่าลืมไปสิ ข้าคือฮ่องเต้โหดที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม! การชิงภรรยาของผู้อื่น ครอบครองเมียชาวบ้านนั่นแหละสนุกนัก เวลาทำแล้วจึงสนุกมากขึ้น!”
พลันที่พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตาค้างพูดอะไรไม่ออก เวลานี้ทุกคนต่างฟังด้วยความงุนงง
แม้ว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดสกปรกเช่นนี้ แต่ ก็ไม่กล้าพูดออกจากปาก ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการพูดออกมาต่อหน้าสาธารณะชนใต้หล้าเช่นนี้
“คำพูดนี้ของเจ้าดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง” ดาบอริยะกวานไห่ตะลึงนิดหนึ่ง หลังจากได้สติกลับมาแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “จะอย่างไรเสียก็คือฮ่องเต้โง่เขลาเบาปัญญา ยังมีเรื่องที่ยิ่งกว่านี้จะทำไม่ได้?”
เมื่อดาบอริยะกวานไห่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากซึ่งตะลึงงันอยู่ได้สติกลับมา เมื่อนึกๆ ดูให้ละเอียดแล้ว เหมือนว่ามันก็มีเหตุผลอยู่
เรื่องที่ฮ่องเต้องค์ใหม่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม เจ้าชู้ไร้ความสามารถเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปทั่วหล้าสำหรับเรื่องนี้ เวลานี้ต่อให้เขาคิดอยากจะชิงตัวปิงฉือหานยวี่ไป มันก็หาใช่เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยกระทำมาแล้วครั้งหนึ่ง
ครั้งนั้น ขณะที่เขายังคงเป็นฮ่องเต้อยู่ก็ได้ส่งหกกองทัพไปแย่งชิงผู้หญิงที่ตระกูลขุนนางปิงฉือ
“เหลวไหล…” เวลานี้ ทังเฮ่อเสียงส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา กล่าวเสียงน่าเกรงขามว่า “แผ่นดินอันงดงามของราชวงศ์โต่วเซิ่นต้องเสียไปด้วยน้ำมือของเจ้า ทำให้ทั่วหล้าเกิดศึกสงครามต่อเนื่อง ชีวิตผู้คนล้มตาย เจ้านับว่าเป็นคนบาปของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่…”
“เอาล่ะ อย่าทำเป็นวางท่าทางมาดเข้มดูเป็นคนดีต่อหน้าข้า” หลี่ชิเย่โบกมือกล่าวตัดบททังเฮ่อเสียง กล่าวเรียบเฉยว่า “ต่อให้เจ้าคุยโม้สักแค่ไหน หาเหตุผลที่ดูดีให้กับตนเองร้อยแปดพันเก้า แม้ว่าเจ้าพยายามหาทางไปลบล้างมันอย่างเต็มที่ ก็ล้างตัวเองให้มันสะอาดไม่ได้…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...