ในฐานะคู่หมั้นของราชันแท้จริงปาเจิ้น ขณะที่นางพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ก็เท่ากับเป็นตัวแทนของราชันแท้จริงปาเจิ้นที่หมายมั่นปั้นมือจะครองบัลลังก์ให้จงได้
ภายในใจของทุกๆ คนต่างก็รู้ว่า เป็นความจริงที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นมีสิทธิ์เข้าชิงตำแหน่งฮ่องเต้ เพียงแต่จะประกาศออกมาหรือไม่ก็เป็นคนละเรื่องกัน
ทังเฮ่อเสียงเพียงส่งเสียงฮึเบาๆ ขึ้นมาสำหรับคำพูดเช่นนี้ของปิงฉือหานยวี่ และไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมามากมายนัก ในฐานะที่เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอีกผู้หนึ่งในการเข้าชิงตำแหน่งฮ่องเต้ เขาย่อมจะไม่พอใจสำหรับคำพูดเช่นนี้ของปิงฉือหานยวี่
“นับว่ามีเหตุผลจริงๆ อยู่บ้าง” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะขึ้นมา มองดูปิงฉือหานยวี่ทีหนึ่ง และยิ้มกล่าวว่า “ดูท่าเจ้ามีความมั่นใจในคู่หมั้นจริงๆ นะเนี่ย เพียงแต่ คาดหวังยิ่งมาก ผิดหวังก็จะยิ่งมาก”
“อาศัยเพียงเจ้ารึ?” ปิงฉือหานยวี่มองหลี่ชิเย่ด้วยความเย้ยหยัน กล่าวอย่างทระนงว่า “เทียนจือสมควรผู้อื่นให้ความเชื่อถือ สนับสนุนเขา ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้ผู้อื่นต้องผิดหวัง”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่คู่ควรให้คนอื่นให้ความเชื่อถือ ไม่คู่ควรให้ผู้อื่นสนับสนุนล่ะ? เพียงแค่เพราะว่าทุกคนบอกว่าข้าเป็นฮ่องเต้ที่โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถ ดังนั้น พวกเจ้าก็อาศัยองค์หญิงตัวปลอมมาทำตามสัญญาหมั้นหมายครั้งนี้หรอกรึ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมา
“ลูกพี่ลูกน้องหยิ่งเจี้ยนคู่กับเจ้า เพียงพอแล้ว” ปิงฉือหานยวี่กล่าวอย่างทะนงตนขึ้นมา
“พูดอย่างนี้แสดงว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้าแล้วสิ” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “เมื่อเป็นอย่างนี้ก็น่าสนใจแล้วสิ ตามความหมายของเจ้าคือต้องราชันแท้จริงปาเจิ้นคนนั้นจึงคู่ควรกับเจ้า”
“ถูกต้อง” ปิงฉือหานยวี่ตัดสินใจเด็ดขาด กล่าวเสียงเย็นชาว่า “คนเราควรจะรู้ตัวเอง! เจ้าควรรู้ว่ามันยากและละทิ้งเสีย”
ในเมื่อทุกสิ่งล้วนแล้วแต่แน่นอนแล้ว ปิงฉือหานยวี่ก็ไม่แก้ต่างอะไรให้กับตนเอง คำตอบที่ตอบจึงง่ายๆ และตรงประเด็น
“ข้ากลับมีความคิดหนึ่งขึ้นมากะทันหัน” หลี่ชิเย่เอามือลูบคาง และกล่าวด้วยท่าทีสบายอกสบายใจว่า “ในเมื่อเจ้าคิดว่ายอดเยี่ยมเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะสังหารราชันแท้จริงปาเจิ้นเสีย แล้วให้เจ้ามาเป็นวัวเป็นควาย เจ้าคิดว่าอย่างไร? ข้ากลับรู้สึกขึ้นมากะทันหันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความหมายยิ่ง”
“เจ้าน่ะหรือ?” ปิงฉือหานยวี่เข้าไปดูหลี่ชิเย่ใกล้ๆ กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ข้าปิงฉือหานยวี่ไม่อวดดียกตนข่มท่าน แต่ก็ไม่ดูถูกตัวเอง คู่ครองของข้าก็คือราชันแท้จริง ต้องการให้ข้าสยบจะต้องเป็นมังกรแท้จริงบนฟ้า…” เวลานี้คำพูดของปิงฉือหานยวี่เรียกได้ว่ายกตนข่มท่าน เย็นชาอวดดี แต่ทว่า นางเองก็มีสิทธิ์เย็นชาอวดดีได้อย่างแท้จริง เดิมทีนางก็คือกิ่งทองใบหยกในฐานะที่เป็นองค์หญิงของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉืออยู่แล้ว เลือดที่ไหลรินอยู่ในกายของนางคือสายเลือดที่สูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้น ตัวของนางเองมีพรสวรรค์ที่สูงมากอยู่แล้ว เป็นความจริงนางที่เป็นหญิงงามแต่กำเนิดก็นับว่าหาใช่ผู้ชายทั่วไปสามารถคู่ควรกับนางได้
มาถึงวันนี้ การหมั้นหมายระหว่างปิงฉือหานยวี่กับราชันแท้จริงปาเจิ้นได้กำหนดเอาไว้แล้ว ดังนั้น นาทีนี้ปิงฉือหานยวี่จึงไม่ลังเลที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของราชันแท้จริงปาเจิ้น สร้างกระแสให้กับราชันแท้จริงปาเจิ้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าหยิ่งทะนงตน” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งกล่าวตัดบทปิงฉือหานยวี่ และกล่าวว่า “แต่ทว่า ขอเพียงข้าลงมือ ไม่มีผู้หญิงที่ข้าสยบไม่ได้”
“ฝันเฟื่องของคนปัญญาอ่อน…” ปิงฉือหานยวี่ยิ้มเย็นชา และกล่าวท่าทีเย็นชาว่า “เจ้าสามารถดีเด่นมากไปกว่าราชันแท้จริงรึ? สามารถโดดเด่นยิ่งกว่าอัจฉริยบุคคลที่ยอดเยี่ยมรึ…หาไม่แล้ว เอาอะไรให้ข้าสยบ!”
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยุคปัจจุบันนี้ ผู้ชายที่สามารถทำให้นางยินยอมแต่งด้วย ผู้ชายที่ทำให้นางยินดีไปปรนนิบัติด้วยก็มีเพียงราชันแท้จริงปาเจิ้นเท่านั้น ผู้ชายเฉกเช่นฮ่องเต้องค์ใหม่คิดจะให้นางสยบ มันคือการฝันเฟื่องของคนปัญญาอ่อนชัดๆ
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว วันนี้ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่โบกมือทีหนึ่งและกล่าวว่า “รอให้เรื่องราวที่นี่เสร็จสิ้นแล้วให้ข้าสั่งสอนเจ้าอย่างดี วางใจเถอะ ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักว่าเป็นผู้หญิงต้องทำอย่างไร จะอย่างไรเสียเฉกเช่นเจ้าที่เป็นผู้หญิงงดงามที่สวยหยาดเยิ้มเช่นนี้ การจะสอนให้ดีคงเหนื่อยน่าดู”
“เจ้า…” เมื่อถูกหลี่ชิเย่ใช้คำพูดที่หยาบเช่นนี้ พลันทำให้ปิงฉือหานยวี่เพลิงแห่งความโกรธทะลักออกมา ใบหน้าแดงก่ำ จะอย่างไรเสียงนางก็เป็นสาวเป็นแส้คนหนึ่ง พลันที่ฟังคำเช่นนี้ก็รู้ว่ามันหยาบคาย
ฮึ…พลันที่หลี่ชิเย่ใช้คำพูดที่หยาบคายพูดออกมา ทำให้ผู้เฒ่าทั้งสองที่อยู่ข้างกายปิงฉือหานยวี่ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา หนึ่งในสองได้ก้าวออกมาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร กล่าวน่าเกรงขามว่า “ทางที่ดีเจ้าพูดให้มันดีหน่อย!”
“ทำไมรึ? คิดจะต่อยตีกันรึ?” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะเสียงดังขึ้นมา และกล่าวว่า “พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลย ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อต่อยตี ในเมื่อพวกเจ้ารนมาหาถึงที่เอง เช่นนั้นแล้วข้าก็จะจับพวกเจ้าทั้งสองมา”
ผู้เฒ่าทั้งสองพลันโกรธจัดเมื่อหลี่ชิเย่ดูถูกพวกเขาขนาดนี้ พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าหยางฟู่ฝาน หม่าจินหมิง ดวงตาทั้งสองจึงเผยปณิธานการฆ่าออกมาทันที
“ผู้เฒ่าทั้งสองไม่ต้องโมโห” จังหวะที่ผู้เฒ่าทั้งสองมีความคิดจะลงมือ ปิงฉือหานยวี่ได้ขวางพวกเขาเอาไว้ จ้องมองหลี่ชิเย่และกล่าวเสียงเย็นชาว่า “เทียนจือกำลังจะมาถึงอยู่แล้ว ให้เขาเป็นผู้ลงมือจะดีกว่า”
ผู้เฒ่าทั้งสองส่งเสียงฮึเย็นชา ถอยกลับไปอยู่ข้างกายปิงฉือหานยวี่ช้าๆ
“เอาล่ะ วันนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่แล้ว” หลี่ชิเย่มองไปยังพวกเขาที่อยู่รอบๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ที่สมควรคิดบัญชีก็จะได้คิดเสีย ใครจะก้าวออกมาก่อนล่ะ? ถ้าหากเวลานี้ไม่ยังไม่ยอมก้าวออกมา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วคิดอยากจะเป็นฮ่องเต้ มิสู้หดหัวอยู่ในกระดองของตนเถอะ อย่าได้มีความคิดที่ฝันเฟื่องอีกเลย”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ สายตาได้ตกไปอยู่บนตัวของทังเฮ่อเสียง ท่าทางดูตามอารมณ์ยิ่ง แต่ความหมายนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...