สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2506 แค่คนเลวทรามต่ำช้าเท่านั้นเอง – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2506 แค่คนเลวทรามต่ำช้าเท่านั้นเอง ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“ดาบอริยะ ท่านต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ การเป็นศัตรูกับข้าหาใช่การกระทำที่ชาญฉลาด” ทังเฮ่อเสียงกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา ปณิธานฆ่าจากแววตาก็นับว่าไม่ได้สะทกสะท้านเลย
“ไม่ต้องพูดไร้สาระให้มากความ ออกมารับความตายเสีย” ดวงตาทั้งสองของดาบอริยะกวานไห่ดุดันไม่เป็นมิตร ปณิธานดาบไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเขาได้บังเกิดปณิธานฆ่าต่อทังเฮ่อเสียงขึ้นมาแล้ว ต่อให้ธาตุแท้ภายในของทังเฮ่อเสียงมีมากกว่านี้ ผู้ให้การสนับสนุนแข็งแกร่งมากกว่านี้ เขาก็จะสังหารทังเฮ่อเสียงให้ได้
ดาบอริยะกวานไห่ท่องเที่ยวไปทั่วหล้าผ่านอุปสรรคมานานัปการ เขาหาใช่ประเภทที่จะรับมือได้โดยง่าย เมื่อไรที่เขาได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว จะไม่สนใจว่าบุคคลผู้นี้เป็นศิษย์ของใคร มีผู้สนับสนุนเบื้องหลังอย่างไร ประหารก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ แน่นอน ถ้าหากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างดาบอริยะกวานไห่กับทังเฮ่อเสียงล่ะก็ ทุกคนต่างมั่นใจในตัวของดาบอริยะกวานไห่
จะอย่างไรเสีย ระหว่างพวกเขาคนหนึ่งคือระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า อีกคนคือเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นห้า กำลังความสามารถระหว่างพวกเขาห่างกันค่อนข้ามาก หากต่อสู้กันตัวต่อตัว ทังเฮ่อเสียงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของดาบอริยะกวานไห่อย่างแน่นอน
แต่ว่า ดูจากท่าทีของทังเฮ่อเสียงแล้ว เขาไม่ได้แค่ต้องการต่อสู้กับดาบอริยะกวานไห่ตัวต่อตัว ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อยว่า ทังเฮ่อเสียงจะมีท่าไม้ตายอะไรกันแน่
ฮึ…ทังเฮ่อเสียงส่งเสียงฮึน่าเกรงขามขึ้นมา ทวนยาวในมืออดที่กระแทกพื้นทีหนึ่ง ดวงตาทั้งสองเผยปณิธานฆ่าออกมา เขาเองก็ใช่ว่าจะเป็นผู้อ่อนแอที่ปล่อยให้ใครต่อใครมาบีบเล่นได้ตามอำเภอใจ
“เอาล่ะ เจ้าถอยไปก่อนเถอะ” จังหวะที่ทังเฮ่อเสียงกับดาบอริยะกวานไห่กำลังตึงเครียดอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้โบกมือและสั่งการกับดาบอริยะกวานไห่ว่า “ชีวิตสุนัขของเขาข้าจองแล้ว เจ้ายืนดูอยู่ข้างๆ ก็พอ”
ดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที เพียงจ้องมองทังเฮ่อเสียงด้วยท่าทีเย็นชาอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “วันนี้นับว่าเจ้าโชคดี” พูดจบ เก็บดาบยาวแล้วถอยไปอยู่ด้านข้าง
ทังเฮ่อเสียงส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์กับดาบอริยะกวานไห่ยิ่งนัก ถูกดาบอริยะกวานไห่ดูถูกถึงเพียงนี้ เหมือนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของดาบอริยะกวานไห่อย่างสิ้นเชิงอย่างนั้น แล้วจะให้เขาสบอารมณ์ในใจได้รึ?
หลี่ชิเย่มองดูทังเฮ่อเสียงแวบหนึ่ง หลังจากที่ดาบอริยะกวานไห่ได้ถอยกลับไปแล้ว ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “เจ้าคิดอยากจะตายแบบไหน? ถ้าหากต้องการตายอย่างสบายใจก็จัดการตัวเองเสีย แต่หากให้ข้าลงมือล่ะก็พูดยาก ตายอย่างไร้ที่ฝังก็นับเป็นเรื่องที่ปรกติมาก”
สีหน้าของทังเฮ่อเสียงดูไม่จืดถึงขีดสุด เริ่มจากการถูกดาบอริยะกวานไห่ดูถูกก็ให้แล้วกันไป เวลานี้มาถูกหลี่ชิเย่ดูถูกถึงขนาดนี้อีก ภายในใจของเขาโมโหจนแทบระเบิดออกมา
สมควรทราบว่า ในอดีตเป็นตัวเขาเองที่ดูถูกหลี่ชิเย่ ฮ่องเต้องค์ใหม่ในอดีตเป็นเพียงสวะคนหนึ่งเท่านั้นเอง ถูกคนอื่นเขาไล่ลงมาจากบัลลังก์ แม้แต่แผ่นดินก็ต้องเสียไป
เวลานี้เอากับเขาสิ ต้องมาถูกหลี่ชิเย่ดูถูกต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าเช่นนี้ กระทั่งเชิดใส่ แม้ภายในใจของเขาก็รู้แล้วว่าหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ว่า ในใจก็ยังคงไม่สามารถสะกดความโกรธนั้นลงไปได้
“เจ้าคิดว่าเจ้าปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าอย่างนั้นรึ?” ทังเฮ่อเสียงส่งเสียงฮึเย็นชา แววตาเผยให้เห็นถึงความโกรธ
“ถูกต้อง ข้านี่แหละปราศจากผู้ต่อกร” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และมองดูรอบๆ ทีหนึ่งด้วยท่าทีที่ตามอารมณ์ยิ่ง กล่าวเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ใครคิดว่าสามารถท้าสู้กับข้าได้ ให้ก้าวเดินออกมาข้าน่ะยินดีต้อนรับทุกเมื่อ ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความไร้เทียมทานของข้าบ้างก็ดี”
การพูดต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าตรงๆ ว่าตนเองนั้นปราศจากผู้ต่อกร มันช่างเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่เพียงใด ช่างเป็นท่วงทำนองที่สูงเพียงใด ต่อให้ราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่กล้าทำตัวโอ้อวดถึงขั้นประกาศว่าตนเองนั้นไรเทียมทาน แต่ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับกล้าที่จะโอ้อวดประกาศว่าตนเองนั้นปราศจากผู้ต่อกร
ทุกคนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ ความจริงแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่เคยเปลี่ยน ขณะทุกคนยังเข้าใจว่าเขาเป็นผู้อ่อนแออยู่นั้น สิ่งที่เขาได้กระทำทุกคนต่างเข้าใจว่าเขาเป็นคนที่เหลวไหลโง่เขลาเบาปัญญา แต่ทว่า เวลานี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่าเขาแข็งแกร่งแล้ว สิ่งที่เขาได้กระทำลงไป ทุกคนได้แต่เปรียบเปรยด้วยคำๆ เดียว นั่นก็คือบ้าระห่ำ
ความจริงแล้ว ธาตุแท้ของฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดมา เพียงแต่ทุกคนต่างมองดูเขาในมุมมองที่แตกต่างกันเท่านั้น
“ทำไมรึ คงไม่เหมือนเช่นเมื่อครู่ทำตัวเป็นเต่าที่หดหัวอยู่แต่ในกระดองกระมัง?” หลี่ชิเย่มองดูทังเฮ่อเสียงและหัวเราะกล่าวว่า “แต่ว่า ต่อให้วันนี้เจ้าต้องการเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง ก็ไม่อาจตามใจเจ้าได้”
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ทังเฮ่อเสียงอีกครั้ง ในเวลานี้เอง หากทังเฮ่อเสียงยังไม่กล้ารับคำท้าอีก ย่อมส่งผลต่อชื่อเสียงและบารมีของเขา ซึ่งทำให้ฐานะในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของเขาเกิดผลกระทบในวงกว้างมาก ต่อให้สักวันหนึ่งเขาสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ เกรงว่าคงมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สยบให้กับเขา
“ตกลง…” ทังเฮ่อเสียงได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ดวงตาทั้งสองจ้องมองดูเหลี่ชิเย่ไม่เป็นมิตร เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเป็นแม่ทัพ ชำนาญการนำทัพจับศึก ข้าต่อสู้กับศัตรูล้วนแล้วแต่เป็นการบุกตะลุยเข้าโจมตีข้าศึก…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดจาอ้อมค้อม” หลี่ชิเย่โบกมือตัดบทคำพูดของทังเฮ่อเสียง และกล่าวว่า “เจ้าก็พูดออกมาตรงๆ ว่าต้องการอาศัยพวกมากเข้าตะลุมบอนก็พอแล้ว พูดเรื่องนำทัพจับศึกอะไรของเจ้า”
ทังเฮ่อเสียงอดที่จะมีใบหน้าที่แดงก่ำไม่ได้ เมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดดักคอเอาไว้ก่อน ที่เขาเกริ่นมามากมายก็เพื่อต้องการหาเหตุผลให้ตนพาคนลุยเข้าไปเป็นกลุ่ม
จะอย่างไรเสียภายในใจของทังเฮ่อเสียงก็รู้อย่างชัดเจนว่า ลำพังกำลังความสามารถของตนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว ธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือการร่วมมือกัน ดังนั้น เขาจึงต้องการให้กองทัพที่อยู่ด้านหลังของเขาร่วมมือกันเข้าต่อสู้กับหลี่ชิเย่ เพียงแต่เขินที่จะพูดออกมาเท่านั้น
สมควรทราบว่า ทหารที่ติดตามทังเฮ่อเสียงมาในวันนี้ไม่ใช่ทหารองครักษ์ แต่เป็นกองกำลังที่เกรียงไกรของกองทัพส่วนกลาง ขณะที่ทังเฮ่อเสียงนั้นเป็นแม่ทัพของกองทัพองครักษ์
ทั้งสองกองทัพประจำการอยู่กันคนละทิศคนละทาง เพราะอะไรทังเฮ่อเสียงกับกองกำลังที่เกรียงไกรของกองทัพส่วนกลางจึงสามารถร่วมมือเข้าขากันได้ดีขนาดนี้? การซักซ้อมเช่นนี้คงไม่ได้มีขึ้นชั่วคราว และคงไม่ได้ใช้เวลาเพียงแวบเดียว ต้องผ่านการซักซ้อมมาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนจึงมีผลอย่างที่เห็น
“อย่าลืมไปสิ ฮ่องเต้ไท่ชิงอยู่ในสภาพของไม้ใกล้ฝั่งมานานมากแล้ว เหลือเพียงลมหายใจเฮือกเดียวมานาน” จังหวะที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกแปลกใจอยู่นั้น ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ข้างๆ ได้ส่งเสียงลอยตามลมมาคำหนึ่ง
ทุกคนต่างรู้สึกสะดุ้งในใจ พลันที่ได้ยินคำพูดคำนี้
หากจะกล่าวว่า ครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ของราชวงศ์โต่วเซิ่น ใครบ้างที่มีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้มากที่สุด? คำตอบแทบจะออกมาอย่างชัดแจ้ง นั่นก็คือทังเฮ่อเสียง
สิ่งนี้ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า ขณะที่ฮ่องเต้ไท่ชิงยังไม่ทันสวรรคต ทังเฮ่อเสียงกับกองทัพส่วนกลางก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว มีการวางแผนเรื่องของบัลลังก์ฮ่องเต้เอาไว้นานแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงได้มีการร่วมมือที่เข้าขากันถึงเพียงนี้
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ในเวลานี้เองค่ายกลใหญ่ได้สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง มองเห็นร่างกายของทังเฮ่อเสียงในเวลานี้ที่เริ่มขยายใหญ่โตมากขึ้น มากขึ้นๆ อีกทั้งกองกำลังสายนั้นในขณะนี้ได้หลอมรวมเข้ากับค่ายกล และกลายเป็นโล่ขนาดยักษ์และไปอยู่ในมือของทังเฮ่อเสียง
ตูม…ตูม…ตูม…ท่ามกลางเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ร่างกายของทังเฮ่อเสียงที่มีขนาดใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย เสมือนหนึ่งเป็นภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง
นาทีนี้ ทังเฮ่อเสียงมีศีรษะที่ดันท้องฟ้า เท้าเหยียบผืนแผ่นดิน เมฆสีขาวที่ล่องลอยผ่านบริเวณเอวของเขาเท่านั้นเอง ขณะที่น้ำในทะเลสาบอยู่แค่บริเวณน่องของเขาเท่านั้นเอง
ด้วยร่างกายที่มีขนาดยักษ์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนต้องแหงนหน้ามอง
สำหรับโล่ยักษ์ที่อยู่ในมือของทังเฮ่อเสียงนั้น ก็เหมือนดั่งภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง โล่ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์เช่นนี้เมื่อกระแทกลงมาเหมือนว่าสามารถทุบจนทะเลสาบนี้แหลกละเอียดได้อย่างนั้น
…………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...