ในเวลานี้ ระหว่างที่มองดูเพียงแวบเดียวท่าทางทังเฮ่อเสียงทรงไว้ซึ่งกำลังอำนาจและลำพองใจ มีท่าทีที่ดูแคลนทั่วหล้า เหมือนว่ามีเพียงข้าที่เป็นใหญ่ปราศจากผู้ต่อกรในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอย่างนั้น
“เจ้าคนแซ่หลี่ ออกมาสู้กันสักครั้ง” ในเวลานี้เอง ท่าทางทังเฮ่อเสียงเปี่ยมด้วยความหยิ่งผยองเต็มที่ ดวงตาคู่นั้นดั่งตะเกียงศักดิ์สิทธิ์ที่แขวนอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงสว่างที่ถูกส่งลงมาดั่งน้ำตกที่เทราดลงมาจากดวงตาคู่นั้น ส่องสว่างไปทั่วแผ่นดิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลานี้ทังเฮ่อเสียงจงใจระเบิดอานุภาพที่สะเทือนเลื่อนลั่นของตนออกมา ยิ่งทำให้กลิ่นอายของเขาทะลักออกมาดั่งน้ำในมหาสมุทร ท่วมพื้นดินจนจมมิดอย่างนั้น
“เวลานี้ เขามีความแข็งแกร่งเช่นใดกันเล่า?” มองดูภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า มีผู้ที่อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าทุกคนไม่สามารถประเมินกำลังความสามารถของทังเฮ่อเสียงได้ในขณะนี้ แต่ก็สามารถยืนยันได้ว่า เมื่อหลอมรวมกับสุดยอดค่ายกลของกองทัพส่วนกลางแล้ว เห็นได้ว่าทังเฮ่อเสียงนั้นแกร่งขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลานี้เอง ทังเฮ่อเสียงไม่เพียงมีพลังที่เป็นของตนเอง ยิ่งกว่านั้นยังมีพลังของกองทัพทั้งกองทัพ ท่ามกลางค่ายกลดังกล่าว กองกำลังที่เป็นแกนหลักของกองทัพส่วนกลางจะเป็นกำลัง พลังลมปราณ พลังทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกรวบรวมอยู่ในตัวของทังเฮ่อเสียงแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ ทังเฮ่อเสียงในเวลานี้ได้หลอมรวมกับสุดยอดค่ายกลแห่งยุคนี้เป็นเนื้อเดียวกัน กองทัพทั้งหมดก็ได้กลายเป็นโล่ยักษ์ที่อยู่ในมือของเขา ซึ่งนอกจากจะทำให้พลังของตัวทังเฮ่อเสียงเองเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และหลอมรวมพลังของกองทัพทั้งกองทัพแล้ว ขณะเดียวกันก็มีพลังของค่ายกลทั้งหมด ซึ่งค่ายกลดังกล่าวนี้ทรงพลังยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อทังเฮ่อเสียงได้กลายเป็นมนุษย์ยักษ์โดยสิ้นเชิงแล้ว กำลังความสามารถของเขาจึงได้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“พูดยาก เป็นไปได้อาจไม่สูงไปกว่าเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า ส่วนจะทะลุไปถึงขั้นอมตะได้หรือไม่นั้นคงพูดยาก แต่ว่าโอกาสนั้นมีอยู่ไม่มาก จะอย่างไรเสียขั้นอมตะนั้นเป็นระดับที่สูงมาก ใช่ว่าจะทะลุผ่านไปได้ตามอารมณ์อยู่แล้ว” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิเอ่ยขึ้นขณะมองดูทังเฮ่อเสียงที่ได้กลายเป็นมนุษย์ยักษ์นั่น
“เจ้าคนแซ่หลี่ รีบๆ ออกมารับความตายเสีย!” เวลานี้ทังเฮ่อเสียงร้องท้าทายหลี่ชิเย่เสียงดัง ด้วยพลังที่น่าเกรงขาม หมางเมินทั่วหล้า เหมือนว่ามีความมั่นใจที่แกร่งอยู่เต็มเปี่ยม
“ด้วยมาตรฐานแค่นี้ก็คิดอยากจะชิงบัลลังก์ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ออกจะด้อยไปหน่อยกระมัง แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่เพียงเหลือบมองทังเฮ่อเสียงแวบหนึ่ง กล่าวเอ้อระเหยว่า “ขยะเช่นนี้ก็เป็นอัจฉริยะบุคคลของราชวงศ์โต่วเซิ่นได้ นับว่าทำขายหน้าราชวงศ์โต่วเซิ่นจนสิ้นอย่างแท้จริง”
“กล้าสู้กันสักครั้งหรือเปล่า!” ทังเฮ่อเสียงใบหน้าแดงก่ำ ร้องกล่าวขึ้นมา
“เจ้าออกจะสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งและกล่าวว่า “มดปลวกเช่นเจ้าแม้แต่เอามาอุ่นเครื่องยังฝืนๆ อยู่เลย ดาบอริยะกวานไห่ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าเจ้ากี่ส่วน”
สีหน้าของทังเฮ่อเสียงปั้นยากถึงที่สุด เมื่อถูกหลี่ชิเย่ดูถูกและเชิดใส่ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าเช่นนี้ กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมาว่า “หากมีฝีมือก็ออกมาสู้กันสักครั้ง ธาตุแท้ภายในของข้าไหนเลยเจ้าจะคาดการณ์ได้”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของทังเฮ่อเสียงทำให้ผู้คนจำนวนมากมองตากันและกัน ความแข็งแกร่งของฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคน เพราะอะไรทังเฮ่อเสียงถึงยังหาญกล้าพูดคำพูดที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจเช่นนี้ออกมาได้ เวลานี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างจ้องมองตากันและกัน ทังเฮ่อเสียงมีธาตุแท้ภายในเช่นใดกันแน่ ถึงกล้าร้องเอ็ดตะโรใส่ฮ่องเต้องค์ใหม่เช่นนี้
“ดี ข้าอยากจะดูว่าเจ้าจะมีธาตุแท้ภายในอะไร” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกวักมือไปตามอารมณ์ มองเห็นคลื่นยักษ์โหมสาดซัดขึ้นไปบนท้องฟ้า เสมือนดั่งน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในทะเลสาบล้วนแล้วแต่พุ่งขึ้นไปในพริบตาเดียวนั่นเอง
กรรร…เสียงคำรามของมังกรยักษ์ดังขึ้น กลิ่นอายมังกรที่น่ากลัวได้พวยพุ่งขึ้นมา เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองที่น่ากลัวยิ่ง ฉับพลันได้ปกคลุมไปทั่วฟ้าดินด้วยพลังทำลายล้างสูง
ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นบนท้องฟ้าปรากฏประกายสีทองแวบวับ ทุกคนแหงนหน้าขึ้นมอง เห็นมังกรยักษ์ตัวหนึ่งที่ยึดครองอยู่บนท้องฟ้า โดยที่มังกรตัวนี้แปลงขึ้นมาจากน้ำในทะเลสาบ เดิมทีน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็เป็นสีเหลืองทองเสมือนดั่งเป็นทองคำเหลวอย่างนั้น
เมื่อน้ำในทะเลสาบพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง และกลับกลายเป็นมังกรยักษ์ตัวหนึ่ง เมื่อเป็นดังนี้ มังกรยักษ์ตัวนี้ก็คือมังกรยักษ์ทองคำที่ประกายสีทองแวบวับตัวหนึ่ง
เกรงว่าลำตัวของมังกรยักษ์ทองคำที่ยึดครองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าตัวนี้จะมีขนาดยาวนับหมื่นลี้ มันมีสีทองแวบวับทั้งตัว ลำตัวของมันดุจดั่งหลอมสร้างขึ้นมาจากทองคำอย่างนั้น
ไม่ว่าจะมองจากเกล็ดมังกร หรือว่าหนวดมังกร และหรือกรงเล็บมังกรที่แหลมคมอย่างยิ่ง ล้วนแล้วแต่แลดูเหมือนจริงอย่างยิ่ง เสมือนดั่งเป็นมังกรทองคำที่ยึดครองผู้บนท้องฟ้าอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน มังกร่ยักษ์ตัวนี้ได้ปรากฏกลิ่นอายมังกรที่ทะลักออกมา กลิ่นอายมังกรที่เสมือนดั่งคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดเข้ามาเป็นลูกๆ เหมือนหนึ่งเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่อาละวาดทำลายล้างฟ้าดิน
“เป็นมังกรยักษ์ทองคำตัวหนึ่งจริงๆ รึ?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่ถูกภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ตกใจจนเซ่อไปเลย เมื่อมองเห็นภาพของมังกรทองคำที่มีขนาดยักษ์ปราศจากสิ่งเทียบเทียมที่ยึดครองอยู่บนท้องฟ้าตัวนี้ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านับว่าสร้างความหวั่นไหวได้มากเหลือเกิน
“ไม่ใช่ แต่ เหมือนจริงมากเหลือเกิน” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณ รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่มังกรยักษ์ทองคำตัวนี้ได้พวยพุ่งออกมา ต่างรู้สึกว่ามีศักยภาพที่สามารถอาศัยของปลอมมาปะปนกับของจริงได้แนบเนียน
“แค่ฝีมือเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” ทังเฮ่อเสียงไม่ใยดีต่อมังกรยักษ์ทองคำที่แปลงมาจากน้ำทะเลสาบตรงหน้า โดยเขามองว่าการอาศัยน้ำให้กลายเป็นมังกรนั้นเป็นเพียงฝีมือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ต่อให้ฝีมือเล็กน้อยนี้สามารถทำให้ได้งดงามและสมบูรณ์แบบเพียงใด มันก็แค่นำมาหลอกคนเท่านั้น อานุภาพที่สำแดงออกมาจะมี่จำกัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...