ก่อนหน้านั้น หม่าหมิงชุนก็ถูกฆ่า แต่ทว่า ยังไม่บังเกิดความรู้สึกเช่นที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นถูกฆ่า
ขณะที่หม่าหมิงชุนถูกฆ่านั้น บอกได้แต่เพียงผู้คนจำนวนมากรู้สึกสะเทือนหวั่นไหว และผู้คนจำนวนมากบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อฮ่องเต้องค์ใหม่
แต่ว่า แตกต่างจากราชันแท้จริงปาเจิ้น ราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้นเปรียบประดุจพระอาทิตย์ที่เพิ่งจะขึ้น อนาคตเปี่ยมด้วยความหวัง อนาคตเปี่ยมด้วยความน่าจะเป็น อนาคตยังสามารถก้าวไปยังระดับที่สูงมากกว่านี้
ขณะที่หม่าหมิงชุนนั้นเป็นพระอาทิตย์อัสดงแล้ว ชั่วชีวิตก็เป็นได้เท่านั้นแล้ว ดังนั้น การตายของเขากล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว ห่างไกลจากความรู้สึกหวั่นไหวต่อราชันแท้จริงปาเจิ้นมากทีเดียว
“ยุคนี้ปราศจากอัจฉริยะบุคคลอีกแล้ว…” มียอดฝีมืออดที่จะหัวเราะเจื่อนๆ อดรู้สึกขมขื่นไม่ได้
ความจริงแล้ว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกขมขื่นกับเรื่องนี้ ภายในใจมีความรู้สึกแปลกๆ ที่บอกไม่ถูก
ยกตัวอย่างราชันแท้จริงปาเจิ้นก็แล้วกัน มีชาติกำเนิดมาจากแคว้นว่านเจิ้น มีสายเลือดที่สูงส่งอย่างยิ่ง มีสุดยอดพรสวรรค์ที่เป็นหนึ่งไม่มีสองในหล้า ขณะที่เขาลืมตาดูโลกก็ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องมีความปราดเปรื่องน่าทึ่งยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านของได้รับการอบรมบ่มเพาะ หรือบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว ล้วนแล้วแต่เป็นมังกรและหงส์ในหมู่คน ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนต่างก็รู้ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ขยันบรรลุธรรม ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การที่เขามีความสำเร็จในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เรียกว่าสำเร็จเมื่อเงื่อนไขพร้อม ทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผลอยู่แล้ว
กล่าวได้ว่า ในทัศนะคติของผู้คนจำนวนมาก ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้รับการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมที่ดีเลิศอยู่ในครอบครอง มีภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยม ทุกคนต่างรู้สึกว่าตัวเขาคือแบบฉบับของความดีงาม เป็นแบบอย่างของทุกคน เป็นระดับที่ทุกคนใฝ่ฝันให้ได้มา
หันมามองดูฮ่องเต้องค์ใหม่ ชาติกำเนิดเป็นลูกนอกสมรส ฐานะไม่สามารถเปิดเผยได้ ถูกฮ่องเต้ไท่ชิง ดันขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้โดยไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ มาก่อน หลังจากดำรงตำแหน่งฮ่องเต้แล้ว มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม โหดร้ายทารุณไร้ซึ่งความปราณี ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ เป็นทรราชอย่างชัดเจน!
อาจกล่าวได้ว่า ในสายตาของผู้คนจำนวนมากแล้วเขาก็คือทรราชคนหนึ่ง ขณะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นคืออัจฉริยะบุคคล คือผู้มีความรู้ความสามารถเหนือผู้คน
แต่มาวันนี้อัจฉริยะบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถเหนือผู้คนกลับต้องตายน่าเวทนาภายใต้เงื้อมมือของฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เป็นทรราช ดูเหมือนเรื่องราวความเป็นจริงไม่ได้เหมือนดั่งนิทานสำหรับเด็กๆ อย่างนั้น ช่างโหดร้ายเหลือเกิน และเปี่ยมด้วยความประชดประชัน
ทว่าในเวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ และไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดผวาจนขนลุกซู่ในใจ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความรู้สึกตัวสั่นงันงก
เวลานี้ มีใครบ้างที่กล้าพูดคำว่า “ไม่” ต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ ในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ใครกล้าต่อต้านฮ่องเต้องค์ใหม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง เท่ากับเป็นการหาเรื่องให้สำนักของตนถูกทำลายล้างสำนัก
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ได้เก็บกระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มเอาไว้และยืนอยู่บนท้องฟ้า มองไปยังแคว้นว่านเจิ้นที่อยู่ระยะห่างไกลออกไป ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “นับว่ายังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของความเป็นปรมาจารย์อยู่บ้าง”
ทุกคนต่างรู้สึกตะลึงงันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ จากนั้นตามติดด้วยทุกคนได้สติคืนกลับมา ในขณะนี้ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองไปยังแคว้นว่านเจิ้น
นาทีนี้ทุกคนจึงได้นึกถึงปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้น ซึ่งปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นคือหนึ่งในห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดในยุคปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในห้าผู้ที่แกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เว้นแต่ฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว ก็ต้องเป็นห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
แต่ทว่า ในขณะที่หลี่ชิเย่ตัดสินชี้ขาดกับราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นไม่เคยลงมือตลอดมา ยิ่งกว่านั้นยังไม่ได้เข้าร่วมกับราชันแท้จริงปาเจิ้นลอบโจมตีต่อหลี่ชิเย่
จะอย่างไรเสีย ก่อนหน้านั้นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเช่นหม่าหมิงชุนก็เคยลงมือลอบโจมตีหลี่ชิเย่มาก่อน แต่ว่า ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นกลับไม่ได้ลงมือลอบโจมตีหลี่ชิเย่ตลอดมา
แม้ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นถูกสังหาร ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นยังคงเก็บตัวเงียบ และไม่ได้ลงมือเข้าช่วยเหลือ
“เพราะอะไรปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นจึงไม่ได้ลงมือเล่า?” มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่อดที่จะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
สิ่งนี้ส่งผลให้ระดับบรรพบุรุษภายในสำนักของพวกเขาส่งแววตามาหาในทันที โดยระดับบรรพบุรุษของพวกเขาได้เหลือบมองด้วยท่าทีเย็นชาและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้บำเพ็ญตนไม่เพียงต้องแบ่งด้านแข็งแกร่งและอ่อนด้อยเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นสมควรต้องมีความประพฤติของตนเอง! ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของสำนักๆ หนึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีงามของผู้เยาว์! ไหนเลยจะทำเรื่องที่ต่ำช้าเช่นนี้ได้! เป็นการกระทำที่เสื่อมเสียงต่อชื่อเสียงของบรรพชน และทำลายภาพลักษณ์ของสำนัก”
“สมควรเป็นเช่นนี้” ระดับบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งก็แสดงความเห็นด้วยว่า “จะอย่างไรเสีย ราชันแท้จริงปาเจิ้นกับฝ่าบาทเป็นการตัดสินชี้ขาดอย่างยุติธรรม ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ได้ปกป้องศักดิ์ศรีของเขาในฐานะราชันแท้จริง ไม่ควรแปดเปื้อนชื่อเสียงของราชันแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นไม่ควรเสื่อมเสียงอำนาจบารมีของตน”
พลันที่ระดับบรรพบุรุษทั้งสองได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกสะดุ้งในใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการลอบโจมตีของทังเฮ่อเสียงอยู่ก่อน จากนั้นก็มีการลอบโจมตีของหม่าหมิงชุน
ไม่ว่าจะเป็นทังเฮ่อเสียง หรือจะเป็นหม่าหมิงชุนต่างก็เป็นผู้มีฐานะและตำแหน่งที่สูงส่ง คนหนึ่งคือแม่ทัพของกองทัพองครักษ์ อีกคนคือแม่ทัพกองทัพส่วนกลาง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะอีกด้วย
ขณะที่พวกเขาทั้งสองได้ลอบโจมตีติดต่อกันนั้น ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกตกใจ และทำให้ผู้คนจำนวนมากเหยียดหยาม แต่ทว่า กลับมีกระแสความนิยมของสังคมที่ไม่ดีอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่
ในเมื่อแม้แต่บุคคลอย่างทังเฮ่อเสียงและหม่าหมิงชุนล้วนแล้วแต่ลอบโจมตีผู้อื่นได้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาที่เป็นเพียงบุคคลตัวเล็กๆ เท่านั้นทำไมจะลอบโจมตีผู้อื่นไม่ได้? ด้วยเหตุนี้เอง ความคิดที่น่ากลัวได้กัดกินความสง่าผ่าเผยในใจของบางคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...