“ดูท่าคงไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นนะเนี่ย” มีผู้ที่พึมพำออกมาว่า “ฮ่องเต้องค์ใหม่จบเกมแล้วจริงๆ เสียดาย เดิมทีถือเป็นฮ่องเต้ผู้สามารถแซงล้ำหน้าฮ่องเต้ไท่ชิงนะเนี่ย ต้องมาจบเกมเช่นนี้ดื้อเกินไปแล้ว”
“นับว่าน่าเสียดาย” ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันเอามือข้างหนึ่งจับมืออีกข้างหนึ่ง และทอดถอนใจขึ้นมาด้วยความรู้สึกเสียดาย ต่างรู้สึกว่าการที่ฮ่องเต้องค์ใหม่กระโดดลงไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ฆ่าตัวตายนับว่าน่าเสียดายเหลือเกิน นับว่าทำให้ผู้คนต้องเสียใจกับสิ่งที่มากเหลือเกิน
เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่ทุกคนต่างรู้สึกผิดหวังอยู่นั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่าฮ่องเต้ององค์ใหม่จะต้องตายอยู่ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์นั้น ปากถ้ำของคุกหลวงดึกดำบรรพ์พลันเปล่งประกายออกมา ประกายแต่ละสายที่พวยพุ่งออกมา ปรากฏประตูบานหนึ่งค่อยๆ เปิดออก
“ดูสิ นั่นมันคืออะไร” ในเวลานี้เอง ในที่สุด จังหวะที่ประตูค่ายๆ เปิดออกมาช้าๆ ก็มีผู้พบเห็นเขาแล้ว อดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาคำหนึ่ง พลันนำมาซึ่งการให้ความสนใจของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
“เป็นความจริง จะออกมาแล้วจริงๆ” หลิ่วชูฉิงที่เฝ้าอยู่ที่เขาหงฮวงซานทุกวันอดที่จะดีใจสุดขีด พึมพำขึ้นมาคำหนึ่ง
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว” ปิงฉือหานยวี่อดดีใจกับสิ่งนี้ไม่ได้ แน่นอน นางไม่รุ้สึกเหนือความคาดคิดกับการที่หลี่ชิเย่สามารถมีชีวิตกลับออกมา นางเชื่อในตัวของหลี่ชิเย่โดยไม่มีหลักการของตนเองอย่างยิ่ง
ปุเสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ทุกคนกำลังตั้งตาคอย ร่างเงาผู้หนึ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้า และลงมาอยู่บนเขาหงฮวงซานโดยพลัน
“เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่จริงๆ” ขณะที่ร่างเงาของคนผู้นี้ตกลงบนเขาหงฮวงซานนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างมองเห็นหน้าตาของเขาชัดเจน ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา
“เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่จริงๆ นะเนี่ย เหลือเชื่อจริงๆ นี่เป็นการทำลายคำสาปที่มีมาพันล้านปีนะเนี่ย” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณก็ต้องสะเทือนหวั่นไหว อดที่จะพึมพำขึ้นมา
“นี่นับเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ เกรงว่าคงเป็นคนแรกที่นับตั้งแต่มีการจดบันทึกของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เป็นต้นมากระมัง” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะก็สะเทือนหวั่นไหวกับสิ่งนี้ และรู้สึกเสียวสันหลังวาบ หากไม่เป็นเพราะเห็นกับตาของตนเองคงไม่เชื่อ
“ลึกล้ำสุดจะหยั่งถึง” เวลานี้นาทีนี้ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานลืมการดูดกล้องยาสูบไปแล้ว เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ มีชีวิตออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ อดที่จะพึมพำขึ้นมาว่า “ตาที่ฝ้าฟางคู่นี้ของข้ายังคงมองพลาดไป น่ากลัวยิ่งว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก ระดับปฐมบรรพบุรุษทุ่วไปไม่มีสิทธิ์ต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว”
“น่าเบื่อจริงๆ” หลี่ชิเย่ลงไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์และยิ้มเฉยเมย ยื่นมือออกและคว้าไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นคุกหลวงดึกดำบรรพ์ถูกถอนขึ้นมา และมีขนาดที่หดเล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้กลับกลายเป็นกรงขนาดเล็ก และตกไปอยู่บนมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ ทุกคนต่างเบิ่งตาจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ คนที่มีชีวิตรอดกลับออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ มันคือการสร้างปาฏิหาริย์ตลอดกาล สร้างความหวั่นไหวกับทุกๆ คน เวลานี้เขากลับถอนเอาคุกหลวงดึกดำบรรพขึ้นมาอย่างง่ายดาย ยึดเอาคุกหลวงดึกดำบรรพ์มาเป็นของตน บุรุษเช่นนี้เรียกว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว การยืนอยู่ที่ตรงนั้นของเขาก็คือบัญชาการทั่วหล้า สมควรที่ทุกคนต้องยอมศิโรราบต่อเขา
เสียงตูมดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ท่ามกลางเขาจิ่วเหลียนซานพลันพวยพุ่งเป็นลำแสงขึ้นมาสี่สาย โดยลำแสงทั้งสี่สายพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ฉับพลันก็ส่องสว่างไสวทั่วปฐพี เสมือนดั่งพระอาทิตย์สี่ดวงที่ลอยขึ้นมาช้าๆ
ภายใต้เสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวนี้ เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่ยิ่งสามร่างปรากฏขึ้นมา ยังมีหอโบราณหลังหนึ่งที่ลอยล่องอยู่ที่ตรงนั้น ด้วยฝีมือการก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมปราศจากสิ่งใดเทียม เสมือนดั่งสามารถสยบทั่วหล้าในทันที กลิ่นอายที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมพลันสยบเหล่าชั้นฟ้าจนราบคาบ เวลานี้ทั่วเขาจิ่วเหลียนซานคล้ายดั่งถูกกลิ่นอายอมตะที่น่ากลัวถมจนเต็มพื้นที่ไปแล้วอย่างนั้น
“สี่ยอดปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดจะลงมือแล้ว” ทุกคนต่างทยอยกันล่าถอยออกไป เมื่อเห็นการปรากฏตัวของร่างเงาสูงใหญ่ทั้งสาม และหอศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ รู้ว่าศึกยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
“โง่หาใดปาน” ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานดูดกล้องยาสูบดังฟูดดด ฟูดดด เหลือบมองดูร่างเงาที่สูงใหญ่และหอศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนท้องฟ้า หัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ยังคงเข้าใจว่าท่าไม้ตายของพวกเขาสามารถสยบเขาได้ ฝันกลางวันแท้ๆ เกรงว่าต่อให้เป็นปฐมบรรพบุรุษฟื้นคืนชีพก็สยบเขาไม่ได้ พวกสวะไร้สมองฝูงหนึ่งไม่รู้เลยว่าที่ตนเองเผชิญอยู่นั้นมีความสยองขวัญแค่ไหน มีความแข็งแกร่งเพียงใด”
“น่าสนใจอยู่บ้าง” หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เก็บคุกหลวงดึกดำบรรพ์เรียบร้อยแล้ว เหลือบมองดูร่างเงาที่สูงใหญ่และหอศักดิ์สิทธิ์แวบหนึ่ง เพียงยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง
เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด…ในเวลานี้เอง ประตูหินที่หนักอึ้งของหอศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ เปิดออก ขณะที่หอศักดิ์สิทธิ์กำลังเปิดออกอย่างช้าๆ นั้น มองเห็นด้านในมีคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น
เป็นผู้เฒ่าผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ บนตัวสวมชุดเกราะทั้งชุด โดยที่ชุดเกราะทั้งตัวดังกล่าวได้แผ่ปณิธานการสู้รบที่ดุร้ายน่ารเกรงขามออกมา แม้ว่าผู้เฒ่าผู้นี้จะขาวโพลนทั้งผมเผ้าและหนวดเครา แต่ดูไปแล้วยังคงมีกำลังวังชาที่ฮึกเหิม ปณิธานการต่อสู้ที่ฮึกเหิมยิ่งนัก คล้ายดั่งเป็นนักรบที่หนุ่มแน่นคนหนึ่งอย่างนั้น โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของเขาที่ปรากฏประกายเยือกเย็นเบ่งบาน ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก ทำให้ผู้ที่มองเห็นเขาแล้วอดที่จะลุกขึ้นด้วยความเคารพเลื่อมใส
‘โต้วจ้านหวง’ มีระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณจดจำตัวเขาได้ เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าคนที่นั่ง่ขัดสมาธิอยู่ภายในหอศักดิ์สิทธิ์ กล่าวด้วยท่าทางตื่นตระหนกว่า “เขาถึงกับยังคงมีชีวิตอยู่”
“โต้วจ้านหวงนะเนี่ย ฮ่องเต้หลายยุคสมัยก่อนหน้า” ผู้เฒ่าจำนวนไม่น้อยก็อดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้ และนึกถึงคนผู้นี้ได้เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว พึมพำขึ้นมาว่า “หลังจากที่เขาสละจากตำแหน่งฮ่องเต้แล้วก็เข้าร่วมอยู่ในคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ ภายหลังไดเกลายเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหอศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ฮ่องเต้ไท่ชิงยึดอำนาจในครั้งนั้นแล้วเขาก็หายสาบสูญไป ทุกคนยังเข้าใจว่าเขาได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของฮ่องเต้ไท่ชิงไปแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาถึงกับนำพาหอศักดิ์สิทธิ์ไปอาศัยอยู่อย่างสันโดษ”
ก่อนหน้ายุคของฮ่องเต้ไท่ชิง โต้วจ้านหวงก็เคยเป็นฮ่องเต้ของราชวงศ์โต่วเซิ่นมาก่อน เคยเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และราชวงศ์โต่วเซิ่นเองก็นับวันเจริญรุ่งเรื่องขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับยุคของฮ่องเต้ไท่ชิงที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ก็นับเป็นฮ่องเต้ที่ผลงานยิ่งคนหนึ่ง และตัวเขาเองก็เป็นระดับเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งมากคนคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...