สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2550 จะรุมยำรึ? – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2550 จะรุมยำรึ? ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
กล่าวสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ในความคิดของพวกเขามองว่า เฉกเช่นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดคือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด ทุกๆ คำพูดของพวกเขาล้วนแล้วแต่ดั่งกฎทองคำและข้อบัญญัติหยก มีใครบ้างที่กล้าฝ่าฝืน และอกตัญญูต่อปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด? มันคือการทำลายอนาคตของตนแท้ๆ
กล่าวสำหรับรุ่นอาวุโสแล้ว พวกเขากุมอำนาจของสำนักๆ หนึ่ง กุมอำนาจและอิทธิพลของสำนักๆ หนึ่ง พวกเขาย่อมหวั่นเกรงผู้เยาว์อกตัญญูต่อตน และท้าท้ายอำนาจบารมีของตน
ย่อมไม่ต้องสงสัย การที่ฉินเจี้ยนเหยาได้กระทำในสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าทำ และเป็นการกระทำในสิ่งที่ไม่ว่าสำนักใดก็ต้องถือว่าเป็นข้อห้ามอย่างยิ่ง
แต่ทว่า ฉินเจี้ยนเหยายังคงทำไปแล้ว ด้วยการตัดสินชี้ขาดกับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตน
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่ยาวของฉินเจี้ยนเหยาได้ออกจากฝัก จังหวะที่กระบี่ออกจากฝักนั้น ประกายกระบี่ส่องสว่างเก้าทวีป ประกายกระบี่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างกายของฉินเจี้ยนเหยาเหมือนหายตัวไปอย่างนั้น โดยร่างทั้งร่างของนางได้กลับกลายเป็นวิถีกระบี่สูงสุดและน่าเกรงขาม
ตึง ตึง ตึงเสียงกระบี่คำรามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย หนึ่งกระบี่กลับกลายเป็นหมื่นวิถี ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเพียงประกายกระบี่ที่บานเบ่ง เสมือนดั่งเป็นดอกบัวดอกหนึ่งที่เบ่งบานอย่างเต็มที่ บัวกระบี่ที่เบ่งบานเต็มที่พลันทำลายพันธนาการของช่องว่างจนแตกละเอียด ได้ยินเสียงคร๊ากกกที่เป็นเสียงแตกระเอียดดังขึ้น ขณะที่กระบี่ยังไม่ทันได้ลงมือ ช่องว่าก็ถูกบดขยี้จนละเอียดไปแล้ว
“วิถีบงกชกระบี่ม่วง…” จากการที่ฉินเจี้ยนเหยาส่งเสียงร้องขึ้นมา กระบี่กลับกลายหมื่นวิถีในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงคำรามของกระบี่ดังตึง ตึง ตึงขึ้นมา นาทีนี้ปรากฎบงกชกระบี่เป็นพันเป็นหมื่นดอกที่เบ่งบานขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน จังหวะที่บงกชกระบี่เป็นพันเป็นหมื่นดอกเบ่งบานเต็มที่ในพริบตาเดียวนั้น พลังกระบี่กระเพื่อมกวาดไปทุกทิศทุกทาง หนึ่งกระบี่ที่กวาดเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินจนสิ้น ทั่วฟ้าดินล้วนแล้วแต่ถูกวิถีกระบี่ที่น่ากลัวสยบและปราบด้วยการล็อกเป้าหมายเอาไว้ในพริบตาเดียว
“ไม่เจียมตัว” ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเบ่งบานเต็มที่ของบงกชกระบี่นับพันนับหมื่นดอก ในพริบตาเดียวนั่นเองเขาได้ลงมือแล้ว ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว พลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต หนึ่งกระบี่ขนานฟ้า ปณิธานกระบี่พลันท่วมฟ้าดินจนจมมิด แม้ว่าจะเป็นเพียงปณิธานกระบี่สายหนึ่งที่กวาดเข้ามา ก็เสมือนดั่งคลื่นที่สูงนับล้านล้านจ้างโหมสาดซัดเข้ามาอย่างบ้าคลั่งที่ซัดตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า พลันสามารถซัดจนดวงดาวบนท้องฟ้าแหลกละเอียดในทันที
ปัง ปัง ปังคลื่นยักษ์จากทะเลกระบี่ที่น่ากลัวพลันโหมสาดซัดเข้ามา ทำลายบงกชกระบี่นับพันนับหมื่นดอก แม้จะกล่าวว่าวิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยานั้นน่าเกรงขาม แต่ทว่า เมื่อเทียบกับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานแล้ว เรียกได้ว่าห่างไกลกันมากเหลือเกิน
เหมือนว่าบงกชกระบี่หมื่นพันดอกพลันถูกคลื่นที่โหมสาดซัดท่วมจนจมมิดอย่างนั้น ปณิธานกระบี่ที่น่ากลัวได้บดขยี้เข้ามาจนบงกชกระบี่แต่ละดอกแตกละเอียด สุดท้าย ได้ยินเสียงดังปัง วิถีกระบี่ถูกทำลายจนป่นปี้
ร่างของฉินเจี้ยนเหยาถูกแรงกระแทกปลิวออกไปจนตัวลอยสูงลิ่ว กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งดังแหว่ก
จังหวะวินาทีขณะฉินเจี้ยนเหยาปราศจากเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านนั้น มือขนาดใหญ่ของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานกำมือเข้า ได้ยินเสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง กลายเป็นเครื่องจองจำที่พันธนการอยู่บนตัวของฉินเจี้ยนเหยา พลันผนึกทักษะยุทธของนางเอาไว้
“ลงโทษขังเจ้าเอาไว้เป็นเวลาห้าร้อยปี” หลังจากที่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานได้ทำการสยบและพันธนาการฉินเจี้ยนเหยาเอาไว้แล้ว ถือโอกาสโยนตัวนางกลับไปยังวัดจิ้งเหลียนกวาน ขังฉินเจี้ยนเหยาเอาไว้ในคุกสำนึกตนของวัดจิ้งเหลียนกวานได้อย่างง่ายดาย
ภายในใจผู้คนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับหวั่นไหวในใจ รู้สึกเหมือนขวัญหนีดีฝ่อที่ฉินเจี้ยนเหยาถูกเอาชนะได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ถูกพันธนาการเอาไว้ในคุกของสำนัก สิ่งนี้กล่าวสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว นับว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจได้มากเหลือเกิน
กล่าวได้ว่าฉินเจี้ยนเหยาคือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดแล้วในความคิดของผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่รู้จำนวนเท่าไร เป็นยอดอัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งปราศจากผู้เทียบเทียม เรียกได้ว่าในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ยากจะมีผู้ใดสามารถต่อกรได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ระหว่างฉินเจี้ยนเหยากับดาบอริยะกวานไห่ก่อนหน้านี้ แม้ว่าทุกคนจะไม่สามารถเห็นกับตาตนเอง แต่ก็เข้าใจได้ว่า วิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยาได้ก้าวไปถึงระดับสูงที่สูงมากแล้ว
แต่ทว่า ฉินเจี้ยนเหยาจะอย่างไรเสียก็คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ แม้ว่าในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่นางปราศจากคู่ต่อสู้แล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะอย่างปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแล้ว ยังคงมีช่วงห่างที่ห่างไกลกันมาก แม้ว่าฉินเจี้ยนเหยาในวันนี้จะได้ก้าวข้ามธรณีประตูของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะไปแล้วก็ตาม เมื่อเปรียบกับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของสำนักตนแล้วยังคงเทียบกันไม่ได้ จะอย่างไรเสียปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกรผู้หนึ่งมานมนานแล้ว
“แข็งแกร่งมากเหลือเกิน นี่มันคือปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้” ไม่รู้ว่าภาพลักษณะเช่นนี้ได้สร้างความหวั่นไหวในใจให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไร ทำให้อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่บางคนรู้สึกสิ้นหวังในใจอยู่บ้าง แม้แต่ฉินเจี้ยนเหยายังดูช่างเปราะบางเหลือเกิน ไม่สามารถรับการโจมตีได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว พวกเขายิ่งไม่มีศักยภาพไปท้าสู้กับระดับปรมาจารย์แล้ว
“เรื่องนี้หาใช่เรื่องแปลก” มีผู้อาวุโสกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “มีความเป็นไปได้ที่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานอาจจะเป็นผู้ที่แกร่งที่สุดในบรรดาปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าแล้ว เขาเป็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดที่ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่มาถึงสองเคล็ดวิชา บางทีโต้วจ้านหวงอาจพอจะสู้กับเขาได้บ้าง”
คำพูดเช่นนี้ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างนิ่งเงียบ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดผู้หนึ่งที่ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่มาถึงสองเคล็ดวิชา แข็งแกร่งจนสุดจะจินตนาการ อีกทั้งภายในใจกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยรู้สึกสั่นเทาทีหนึ่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากคิดจะต่อต้านกับปรมาจารย์ของสำนักตนก็ต้องคำนึงถึงศักยภาพของตนเอง สุดยอดดั่งเทพธิดาฉินยังมีจุดจบที่ไม่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขา
“ฝ่าบาท สมควรแก่เวลาต้องตัดสินใจแล้วล่ะ” ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานได้กล่าวขึ้นช้าๆ หลังจากที่ได้สยบฉินเจี้ยนเหยาเอาไว้แล้ว
ย่อมไม่ต้องสงสัย การที่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานได้สำแดงพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรออกมา ก็เป็นการแสดงถึงท่าทีที่แข็งกร้าวออกมาด้วยเช่นกัน
“ข้าได้ตัดสินใจแล้ว” หลี่ชิเย่ทำท่าหาวทีหนึ่งและกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมาว่า “นั่นก็คือตัดหัวพวกเจ้าออกมาเสีย ถือโอกาสทำลายล้างสำนักของพวกเจ้าด้วย ง่ายๆ เพียงเท่านี้”
“วาจาสามหาวนัก…” ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นอดกลั้นไม่ไหวมานานแล้ว ร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ผู้เยาว์ แม้ว่าการสู้กันตัวต่อตัวพวกเราจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ พวกเราย่อมมีวิธีที่จะสยบเจ้าได้! มอบเชือกเก้าเซียนออกมาในเวลานี้ยังทัน”
“ว้าวต้องการจะรุมยำรึ? หรือเข้าใจว่ามีแต่พวกเจ้าเท่านั้นที่มีคนมากกว่าจริงๆ รึ?” ในเวลานี้เอง เสียงเยาะเย้ยเหน็บแนมเสียงหนึ่งดังขึ้น บนท้องฟ้าพลันปรากฏยายเฒ่าผู้หนึ่งแวบขึ้นมา นางก็คือเทพไฉไลหงส์พิษนั่นเอง
ไม่รู้ว่ามีผู้เยาว์จำนวนเท่าไรที่รู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ผู้ที่หาญกล้าเป็นศัตรูกับฮ่องเต้ไท่ชิงนั้นไม่มีผู้อ่อนแอแม้แต่คนเดียว ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีพลังยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม สามารถบงการใต้หล้าได้ทั้งสิ้น
“แหะสี่ต่อสี่เป็นอย่างไร?” วัวคลั่งหัวเราะเสียงดัง ทำท่ายืดเส้นยืดสายทีหนึ่ง และกล่าวว่า “วัวเฒ่าอย่างข้าถูกขังมานานขนาดนี้ เหมือนจะคันๆ มืออยู่บ้าง จะได้สู้กันสักครั้งพอดี”
พวกของปิงฉือเจี๋ยจุน โต้วจ้านหวงต่างรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง เมื่อเห็นพวกของวัวคลั่งสี่คนต่างทยอยกันโผล่ขึ้นมา ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น พวกเขาดูจะคำนวณผิดพลาดเสียแล้ว จะอย่างไรเสียท่าไม้ตายของพวกเขามีไว้จัดการกับหลี่ชิเย่โดยเฉพาะเท่านั้น
“พวกเจ้ายิ่งอยู่ไปยิ่งถอยหลัง เทียบกับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วนับว่าพวกเจ้าห่างชั้นมากเหลือเกิน มิน่าเล่าเขาสามารถเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า พวกเจ้าไม่กล้าแม้แต่จะผายลมออกมา ได้แต่ก้มหัวศิโรราบแต่โดยดี” ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่อาศัยไม้เท้าก้าวเดินมาอย่างเชื่องช้า มองด้วยท่าทีเหยียดหยามต่อโต้วจ้านหวงและพวกปิงฉือเจี๋ยจุนทีหนึ่ง
“เขาเป็นใครรึ?” กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยต่างเอ่ยถามผู้อาวุโสของตนด้วยความงุนงง เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าที่ไม่สะดุดตาเอาเสียเลย ถึงกับดูแคลนต่อพวกของโต้วจ้านหวง
ขณะที่ผู้อาวุโสของพวกเขามองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้ว อ้าปากกว้าง ไม่สามารถเรียกสติกลับมาในเวลานี้
“ปิ้งจวิน…” สีหน้าของโต้วจ้านหวง และพวกปิงฉือเจี๋ยจุนเปลี่ยนไปมากทีเดียว ต่างก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ขณะที่พวกของวัวคลั่งสี่คนปรากฏตัวนั้น แม้ว่าพวกของโต้วจ้านหวงจะตกใจ แต่ก็ไม่ทำให้พวกเขากลัวได้ ทว่า พวกเขาถูกทำให้หวาดกลัวอย่างแท้จริง ต่างถูกทำให้ตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เมื่อเห็นหน้าปิ้งจวิน
“ปิ้งจวิน…” มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิอดใจหายใจคว่ำไม่ได้เมื่อจดจำปิ้งจวินขึ้นมาได้ ต้องก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยสัญชาตญาณ และหวาดกลัวจนขนลุกซู่
“เขาแข็งแกร่งมากรึ?” ผู้เยาว์ถึงกับแปลกใจ เมื่อเห็นบรรพบุรุษของตนมีท่าทางที่หวาดกลัวถึงเพียงนี้
“แข็งแกร่งมากๆ” ท่าทางของบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิหนักแน่นจริงจังอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “เขาเคยทำลายสำนักๆ หนึ่งด้วยการเป่าลมออกมาทีหนึ่ง ไร้รูปไร้เงา และปราศจากกระบวนท่าใดๆ”
“น่ากลัวขนาดนี้เชียว?” ทำเอาบรรดาผู้เยาว์ทั้งหลายต่างตกใจยิ่งนัก เมื่อได้ยินคำพูดคำนี้แล้ว
……………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...