“ปิ้งจวินน่ะ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่หวาดกลัวนะเนี่ย” ระดับบรรพบุรุษอดที่จะมีสีหน้าที่หวาดผวาไม่ได้ และพึมพำขึ้นมา
ผู้เยาว์รู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นว่าระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักตนเองยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อเอ่ยถึง “แข็งแกร่งขนาดนั้นจริงหรือ?”
“ไหนเลยแค่อาศัยคำว่าแข็งแกร่งมาเปรียบเปรย ใช้คำว่าสยองขวัญก็ไม่เกินเลย” ระดับบรรพบุรุษผู้นี้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ และกล่าวว่า “เขาคือศัตรูที่แข็งแกร่งมากที่สุดของฮ่องเต้ไท่ชิง กระทั่งมีผู้กล่าวว่าเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ สมควรทราบว่า ครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงร่วมมือกับราชันแท้จริงจิ่วหนิงเพื่อจับเป็นตัวเขา ส่งคนจำนวนมากและสิ้นเปลืองพลังงานไปไม่น้อยจึงสามารถจับตัวเขามาได้”
แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว…เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับฮ่องเต้ไท่ชิง ทุกคนก็มีภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับศักยภาพของปิ้งจวินได้แล้ว ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องตัวสั่นงันงกภายใต้อำนาจฮ่องเต้ของเขา การที่ปิ้งจวินไม่ได้ด้อยไปกว่าฮ่องเต้ไท่ชิง ย่อมสามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของปิ้งจวินได้แล้ว
“อีกทั้งปิ้งจวินยังมีฐานะเป็นศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิง ครั้งนั้นพรสวรรค์ของเขาสูงกว่าปราดเปรื่องน่าทึ่งกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก หากไม่เป็นเพราะเขาออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ด้วยตนเอง เกรงว่าฮ่องเต้ไท่ชิงคิดจะช่วงชิงอำนาจก็คงทำได้ยาก” ระดับบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งที่แก่หง่อมยิ่งกว่าได้เอ่ยขึ้นช้าๆ
“ยังมีเรื่องทำนองนี้ด้วยหรือ?” ยอดฝีมือรุนอาวุโสจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
เมื่อรับรู้ถึงความแข็งแกร่งเช่นนี้ของปิ้งจวินแล้ว ผู้ที่จ้องมองไปที่ตัวเขาต่างมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป หวาดกลัวจนขนลุกซู่ อดที่จะขนลุกซู่อยู่ในใจ เสมือนดั่งเวลานี้นาทีนี้คือฮ่องเต้ไท่ชิงคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้อย่างนั้น
สำหรับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามและโต้วจ้านหวงแล้ว ยิ่งรู้สึกหัวใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง พวกเขาคือยอดฝีมือผู้ยืนอยู่จุดสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ พวกเขามีความเข้าใจในตัวของปิ้งจวิน และมีความชัดเจนมากยิ่งกว่าผู้อื่น มีรึที่พวกเขาจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของปิ้งจวิน?
โดยเฉพาะโต้วจ้านหวงหากลำดับเรื่องของอาวุโสแล้ว เขานับเป็นผู้อาวุโสของปิ้งจวิน ในครั้งนั้น ขณะปิ้งจวินยังอยู่ในวัยหนุ่ม พรสวรรค์ที่ปรากฏออกมาให้เห็นนั้น เรียกได้ว่าช่างปราดเปรื่องน่าทึ่งมากเหลือเกิน หากไม่เป็นเพราะเขาออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ไม่แน่นัก ความสำเร็จของเขาอาจจะเหนือกว่าราชันแท้จริงจิ่วหนิงเสียอีก อย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่าราชันแท้จริงจิ่วหนิง
“พวกเจ้าที่เป็นสวะกลุ่มหนึ่งคิดจะปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ หากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่เสื่อมลงนับว่าเป็นเรื่องแปลก” ปิ้งจวินจ้องมองพวกของโต้วจ้านหวงแวบหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชาและเหยียดหยาม
คำพูดที่ดูแคลนเช่นนี้ของปิ้งจวินพลันทำให้สีหน้าของพวกโต้วจ้านหวงแดงก่ำ แม้ว่าในใจของพวกเขาจะไม่สบอารมณ์ แม้ว่าพวกเขาจะมีเพลิงแห่งความโกรธสุมเต็มอกก็แสดงอาการโกรธไม่ได้ และพูดคำพูดนักเลงออกมาไม่ได้
เรื่องนี้ว่าไม่ได้ พวกเขาล้วนแล้วแต่เคยเป็นผู้พ่ายแพ้ต่อปิ้งจวินมาแล้วทั้งสิ้น แม้แต่โต้วจ้านหวงก็ไม่เว้น พวกเขาทั้งสี่คนถ้าหากสู้กันตัวต่อตัว ไม่มีสักคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของปิ้งจวินได้ แม้จะกล่าวว่าพวกเขามีท่าไม้ตาย แต่ว่า สมควรทราบว่าปิ้งจวินนั้นมีชาติกำเนิดมาจากการเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ไม่แน่นัก เฉกเช่นระดับอย่างปิ้งจวินอาจมีวิธีที่จะหลบเลี่ยงท่าไม้ตายของพวกเขาก็เป็นได้
“แหะ ปิ้งจวิน เมื่อท่านโผล่หน้าออกมาทุกอย่างก็ไม่สนุกแล้วล่ะ คิดจะต่อยตีก็ยากแล้ว” เมื่อวัวคลั่งมองเห็นพวกของโต้วจ้านหวงดูจะตกใจเป็นยิ่งนัก อดที่จะบ่นขึ้นมาไม่ได้
“ต่อยตีอะไร” ปิ้งจวินเพียงจ้องมองพวกของโต้วจ้านหวงแวบหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชา และกล่าวว่า “ข้าท้าหนึ่งต่อสี่ พวกเจ้าเข้ามาเลย”
พลันที่ปิ้งจวินพูดออกมาด้วยท่าทีเปี่ยมด้วยความพาล เป็นการดูแคลนพวกของโต้วจ้านหวงอย่างสิ้นเชิง
พวกของโต้วจ้านหวงถูกปิ้งจวินพูดดูแคลนเช่นนี้ อึดอัดจนใบหน้าแดงก่ำ แม้ว่าพวกเขาคิดจะว่ากล่าวปิ้งจวินด้วยความโกรธ แต่ทว่า พวกเขาเคยเป็นผู้พ่ายแพ้ต่อปิ้งจวินมาก่อน จะพูดออกไปก็ไม่แกร่งพอ เว้นแต่พวกเขาจะใช้ท่าไม้ตาย มิฉะนั้นล่ะก็ พวกเขาหาใช่คู่ต่อสู้ของปิ้งจวิน
อย่างไรก็ตาม ท่าไม้ตายของพวกเขาไม่ได้เตรียมมาเพื่อปิ้งจวิน เตรียมมาเพื่อหลี่ชิเย่โดยเฉพาะ
มองดูพวกของโต้วจ้านหวงที่อึดอัดจนใบหน้าแดงก่ำ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ปิ้งจวินนับว่าแข็งแกร่งจนน่ากลัวยิ่ง มิฉะนั้นล่ะก็ ด้วยฐานะของพวกโต้วจ้านหวงคงระเบิดอารมณ์ออกมานานแล้ว
“ปิ้งจวิน อย่าได้เหยียดคนอื่นและลำพองใจมากเกินไป” โต้วจ้านหวงกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ถูกฮ่องเต้ไท่ชิงจับเจ้าโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ยังไม่เพียงพออีกรึ? นี่แหละคือผลของเหยียดคนอื่นและลำพองใจของเจ้า”
“ฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วอย่างไร” ปิ้งจวินกล่าวด้วยท่าทีเย็นชาและเรียบเฉยว่า “ขณะที่ข้าอยู่ในยุครุ่งเรืองสุดขีด เมื่อฮ่องเต้ไท่ชิงพบข้ายังต้องอ้อมไปอีกทาง! ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีเพียงราชันแท้จริงจิ่วหนิงที่สามารถปราบข้าลงได้ ส่วนที่เหลือหากสู้กันตัวต่อตัวไม่เห็นจะต้องหวั่น”
คำพูดเช่นนี้ของปิ้งจวินดูเย็นชาเรียบเฉย แต่เปี่ยมด้วยความพาล เป็นการหมางเมินต่อใต้หล้าชัดๆ ปิ้งจวินเป็นผู้ที่มีปณิธานกว้างไกล ระมัดระวังควบคุมความประพฤติตนอย่างมั่นคง แม้ว่าจะถูกกักขังอยู่ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์มายุคหนึ่ง ยังคงมีความระมัดระวังและควบคุมความประพฤติตนได้อย่างมั่นคงยิ่งนัก
ย่อมไม่ต้องสงสัย แม้ว่าในครั้งนั้นปิ้งจวินจะถูกฮ่องเต้ไท่ชิงจับเป็นเอาไว้ได้ แต่ว่ายังคงไม่ยอมสยบต่อฮ่องเต้ไท่ชิง ซึ่งสามารถเข้าใจได้ เดิมทีเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงอยู่แล้ว ครั้งนั้นหากไม่เป็นเพราะราชันแท้จริงจิ่วหนิงลงมือ ใครจะเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำยังไม่แน่
“ราชันแท้จริงจิ่วหนิงแข็งแกร่งจริงๆ” ครั้นได้ฟังคำพูดเช่นนี้ของปิ้งจวินแล้ว ทุกคนก็สามารถเทียบเคียงและเข้าใจได้ว่าราชันแท้จริงจิ่วหนิงนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก
“มันก็สมควรอยู่หรอก เกรงว่าราชันแท้จริงจิ่วหนิงในเวลานี้คงเป็นราชันแท้จริงขั้นสิบสองลัคนาไปแล้ว” มีผู้กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...