แม้ว่าการถอยกลับออกไปของพวกปิ้งจวินทำให้โต้วจ้านหวงหายใจด้วยความโล่งอก แต่ ก็ได้ทำให้ในใจของพวกโต้วจ้านหวงเครียดขึ้นมา แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นปิ้งจวินยังแสดงออกถึงการให้ความเคารพอย่างยิ่งต่อหลี่ชิเย่ เกรงว่าสิ่งนี้หาใช่เพียงแค่หลี่ชิเย่ได้ช่วยพวกเขาออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์เท่านั้น หรือบางทีอาจเป็นตามที่พวกเขาได้คาดเดาเอาไว้ก่อนหน้าว่า หลี่ชิเย่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึงจริงๆ ?
ก่อนหน้านั้น พวกของโต้วจ้านหวงไม่ได้มีความมั่นใจมากนักในกำลังความสามารถของตนสักเท่าไร และไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะสามารถสยบหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีความหวังก็คือท่าไม้ตายของพวกเขา จะอย่างไรเสียท่าไม้ตายของพวกเขาทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมอย่างแท้จริง มิฉะนั้นล่ะก็ การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ พวกเขาคงไม่สามารถอยู่มาได้อย่างปลอดภัยแล้ว
ด้วยเหตุที่ท่าไม้ตายของพวกเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอนี้เอง แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงก็หวั่นเกรงอยู่สามส่วน ไม่กล้าทำอะไรพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่สร้างความมั่นใจได้มากที่สุดสำหรับการมาของพวกเขาในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาต้องการเชือกเก้าเซียนไว้ในมือให้ได้ เนื่องจากหากปล่อยให้หลี่ชิเย่บรรลุเชือกเก้าเซียนได้ในวันใด ก็จะส่งผลกระทบสั่นคลอนต่อฐานะของพวกเขาได้โดยตรง และทำให้ท่าไม้ตายที่อยู่ในมือของพวกเขาสูญเสียอานุภาพไป
เมื่อปราศจากการสยบของท่าไม้ตาย และหลี่ชิเย่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แล้ว ใช่เพียงแค่สยบพวกเขาเท่านั้น เกรงว่าสามารถทำลายสำนักของพวกเขาได้ทุกเมื่อ หากไม่มีพลังและธาตุแท้ภายในอย่างเพียงพอไปสยบหลี่ชิเย่เอาไว้ พวกเขาก็จะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
ดังนั้น พวกเขาสามารถสนับสนุนให้หลี่ชิเย่เป็นฮ่องเต้ได้ แต่ต้องมอบเชือกเก้าเซียนออกมา พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ของอย่างเชือกเก้าเซียนมาสั่นคลอนท่าไม้ตาของพวกเขา!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าได้เห็นท่าไม้ตายของพวกเจ้าก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ที่ตรงนั้น มองดูพวกของโต้วจ้านหวงแวบหนึ่ง ยิ้มกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
ในเวลานี้ พวกของโต้วจ้านหวงสี่คนต่างมองตากันและกัน สุดท้าย โต้วจ้านหวงได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ฝ่าบาท พวกเราไม่จำเป็นต้องอาศัยกำลังมาแก้ไขเสมอ จะอย่างไรเสียพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้ากับฝ่าบาทต่างก็กำเนิดจากราชวงศ์โต่ว่เซิ่นเช่นกัน”
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่อดที่จะเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา สำหรับคำพูดที่เจรจาสงบศึกและอ่อนข้อให้ของโต้วจ้านหวง
“พวกเราไม่ได้มีอคติ และไม่ได้คิดร้ายใดๆ ต่อฝ่าบาท” โต้วจ้านหวงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เพียงแต่เชือกเก้าเซียนคือชีพจรชีวิตระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเรา พวกเรามีจิตผูกพันอยู่กับใต้หล้า เมื่อครู่นี้เพียงแต่ใจร้อนไปนิดหนึ่งกระทำการบุ่มบ่าม หากมีสิ่งใดล่วงเกิน ขอฝ่าบาทโปรดให้อภัย”
“จากนั้นล่ะ?” หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาด้วยซ้ำ เขาทำตัวเสมือนหนึ่งเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น โดยที่เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ท่าทางเหมือนกำลังดูความคึกครื้นอย่างนั้น
“พวกเราต่างยินดีสนับสนุนฝ่าบาท ยินดีศิโรราบให้กับฝ่าบาท ทหารทั่วหล้าล้วนแล้วแต่สวามิภักดิ์ต่อฝ่าบาท ขอเพียงฝ่าบาทมีบัญชา เหล่าสำนักทั่วหล้าไม่กล้าขัดรับสั่ง” โต้วจ้านหวงเอ่ยขึ้นช้าๆ
พลันที่โต้วจ้านหวงพูดคำๆ นี้ออกมา ได้ทำให้ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กระซิบในใจว่า “หรือพวกของโต้วจ้านหวงต้องการเจรจาสงบศึกกับฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วรึ?”
“เพียงแต่มีเงื่อนไข ให้ข้ามอบเชือกเก้าเซียนออกมา” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมา
“จะพูดว่าฝ่าบาทมอบเชือกเก้าเซียนออกมาก็ไม่ถูก” โต้วจ้านหวงเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เชือกเก้าเซียนคืออาวุธสำคัญปราศจากผู้ต่อกรใต้หล้า สิ่งของลักษณะเช่นนี้คือชีพจรชีวิตของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ สมควรมีผู้คอยดูแลควบคุม พวกเราแค่เชิญปรมาจารย์ทั่วหล้าร่วมกับรับภาระหนักอึ้งนี้เอาไว้เท่านั้น เชือกเก้าเซียนยังคงเป็นของฝ่าบาท ยามที่ฝ่าบาทต้องการ ยังคงอัญเชิญเชือกเก้าเซียนออกมาได้ ยังคงสามารถกุมเชือกเก้าเซียนอยู่ในมือได้”
“หากฝ่าบาทยินดีให้เชือกเก้าเซียนได้รับการควบคุมดูแล ก็เป็นการประกาศให้ทราบทั่วกันว่าฝ่าบาทไม่ได้มีจิตที่เห็นแก่ตน แต่มีจิตที่ผูกอยู่กับใต้หล้า ทำเพื่อความสุขของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ผู้คนใต้หล้าล้วนแล้วแต่ยินดีรับการบัญชา ไม่เว้นแม้แต่พวกเรา เมื่อถึงตอนนั้น ขอเพียงฝ่าบาทมีบัญชา วัดจิ้งเหลียนกวานทุกระดับชั้นของพวกเรายินดีไปตายแทนฝ่าบาท” ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานก็เอ่ยขึ้นช้าๆ
“ถูกต้อง ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือก็ยินดีรับใช้” ปิงฉือเจี๋ยจุนก็แสดงท่าทีขึ้นมาทันที และกล่าวว่า “เพียงมีบัญชาการ ศิษย์จำนวนสิบล้านคนยินดีไปตาย”
“แคว้นว่านเจิ้นทุกระดับชั้นก็ยินดีรับการบัญชา” ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแคว้นว่านเจิ้นก็กล่าวแสดงท่าทีขึ้นมา
บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อได้ยินพวกของโต้วจ้านหวงต่างทยอยกันแสดงท่าทีออกมา มีผู้ที่กระซิบแผ่วเบาว่า “การค้าเช่นนี้ฟังดูเหมือนไม่ได้เสียเปรียบอะไร เพียงแค่ควบคุมดูแลเท่านั้นเอง แลกมาซึ่งการสวามิภักดิ์ทั่วหล้า มันช่างเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกิน”
ระดับบรรพบุรุษส่วนหนึ่งที่มองไปไกลมากกว่านั้นได้แต่หัวเราะเยาะคำหนึ่ง เมื่อขาดสิ่งที่สามารถสั่นคลอนต่อท่าไม้ตายของพวกเขาได้ ต่อให้ใต้หล้าให้การสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ตาม จะมากหรือน้อยก็ต้องสูญเสียสิทธิในการเป็นฝ่ายรุกไปบ้าง สิ่งนี้เองที่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฮ่องเต้ไท่ชิงไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
“จะว่าไปแล้ว ฝ่าบาทก็ไม่ได้เสียหายอะไร เชือกเก้าเซียนแค่มีผู้ควบคุมดูแลเท่านั้น ขณะที่ฝ่าบาทกลับได้รับการยอมรับจากอาณาประชาราษฎร์ทั่วหล้า เปิดศักราชที่เจริญรุ่งเรืองสุดขีด ล้ำหน้าคนก่อนหน้าและไม่มีใครเทียบในอนาคต มีชื่อเสียงเลื่องลือตลอดกาล ฝ่าบาทเห็นเป็นเช่นใดเล่า?” ในเวลานี้ โต้วจ้านหวงได้ชี้นำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อหลอกล่อหลี่ชิเย่อยู่
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉวยโอกาสที่หลี่ชิเย่ยังไม่ทันได้บรรลุเชือกเก้าเซียนด้วยการให้เขามอบเชือกเก้าเซียนออกมาก่อน มิฉะนั้นล่ะก็ วันใดที่เขาบรรลุได้เป็นผลสำเร็จ สถานการณ์ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป เมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว ไม่แน่นักใต้หล้าก็จะไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเขา คณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ดี ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือก็ช่าง เกรงว่าจะต้องหายวับไปกับตาในชั่วพริบตา
เหมือนดั่งเช่นฮ่องเต้ไท่ชิงในครั้งนั้นอย่างนั้น หรือฮ่องเต้ไท่ชิงในครั้งนั้นไม่เคยคิดที่จะสังหารพวกเขาทิ้งไป กวาดห้าแกร่งให้ราบคาบ? ฮ่องเต้ไท่ชิงย่อมเคยคิด เพียงแต่เขามีความหวั่นเกรงอยู่เท่านั้นเอง มิฉะนั้นล่ะก็ ฮ่องเต้ไท่ชิงคงสร้างราชวงศ์ที่มีตัวเขาเป็นผู้อยู่สูงสุดที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...