ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2561

ตอนที่ 2561 การปรากฎตัวอีกครั้งของซุนเหลิ่งหยิ่ง
แม้ว่าจางเจี๋ยตี้จะได้รับการชื่นชมเช่นนี้จากหลี่ชิเย่ จางเจี๋ยตี้ยังคงคุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้น ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ตรงนั้น

“ทำไมรึ เจ้าตัดสินใจแล้วจริงๆ รึ?” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับหัวเราะและจ้องมองไปที่จางเจี๋ยตี้

“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไร้ความสามารถ ถึงรั้งอยู่ข้างกายฝ่าบาทก็ไม่สามารถสร้างผลงานอะไรได้ ขอฝ่าบาทส่งเสริม” จางเจี๋ยตี้ที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น น้ำเสียงคำพูดหนักแน่น ดูท่าเขาได้ตัดสินใจแล้วจริงๆ

หลี่ชิเย่มองดู*จางเจี๋ยตี้พยักหน้า และกล่าวว่า “เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าคิดจะลาออกจากราชการไปอยู่อย่างสันโดษ ข้าก็จะไม่ฝืนใจเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าอนุญาตก็แล้วกัน เจ้าสามารถไปอยู่อย่างสันโดษที่ใดก็ได้”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท…” ครั้นจางเจี๋ยตี้ได้รับอนุมัติจากหลี่ชิเย่แล้ว ได้ก้มกราบกับพื้น โขกศีรษะดังสามครั้งด้วยความเคารพ และเอาจริงเอาจัง ด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง

“ไปเถอะ ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ” เมื่อเห็นท่าทางของจางเจี๋ยตี้แล้ว หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “หากถูกใจของวิเศษชิ้นใดในวัง ให้หยิบเอาไปได้เลย”

“ข้าน้อยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ฝ่าบาททรงดีต่อข้าน้อยแล้ว บุญคุณนี้ประเมินค่าไม่ได้ ข้าน้อยพอใจแล้ว” จางเจี๋ยตี้กล่าวต่อหลี่ชิเย่ด้วยความเคารพ

“เอาเถอะ ตามใจเจ้า” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ อนุญาตการลาออกของจางเจี๋ยตี้

“ฝ่าบาท ถนอมพระวรกายด้วย” จางเจี๋ยตี้ก้มกราบอีกครั้งด้วยความเคารพและจริงใจ

ตามหลักแล้ว ในวันนี้จางเจี๋ยตี้ยิ่งสมควรรั้งอยู่ต่อไปจึงจะถูก จะอย่างไรเสีย เขาก็คือขุนนางผู้จงรักภักดีที่อยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ตลอดมา และมีความภักดีซื่อสัตย์ต่อหลี่ชิเย่มาโดยตลอด เวลานี้ ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า หากจางเจี๋ยตี้รั้งอยู่ต่อไป ย่อมก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง ได้รับตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ แต่แล้ว ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้จางเจี๋ยตี้กลับขอลาออกกลับไปยังบ้านเกิด

ในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อกับการพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป แต่ว่า มีเพียงหลี่ชิเย่ที่ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด เมื่อเห็นว่าจางเจี๋ยตี้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว จึงไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ

“รักษาตัวด้วย” หลี่ชิเย่พยักหน้ากับจางเจี๋ยตี้ และไม่ได้พูดมากความอีก

หลังจากที่จางเจี๋ยตี้กราบอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงได้ลุกขึ้นและอำลาจากไป เพียงแต่ ขณะจางเจี๋ยตี้ก้าวเดินไปถึงหน้าประตูแล้วก็ได้หยุดและหันหลังกลับมา

“เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยเมื่อเห็นจางเจี๋ยตี้หยุดอยู่ตรงนั้น

จางเจี๋ยติ้อ้าปากทำท่าจะพูด แต่ก็มีคำพูดบางคำพูดออกมาไม่ได้ และมีความกังวลอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

“ฝ่าบาท ขณะที่กระหม่อมหลบหนีจากไปนั้น เคยเห็นกองทัพหยินมี่ พวกเขาเฝ้าอยู่นอกระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ล่วงเลยมาถึงวันนี้ยังคงอยู่หรือไม่กระหม่อมไม่ทราบแล้ว” หลังจากที่คำพูดนี้ได้จุกอยู่ในลำคออยู่นาน ในที่สุดจางเจี๋ยตี้ได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา

“กองทัพหยินมี่น่ะ” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์ และกล่าวว่า “เรื่องอดีตนี้ออกจะเก่าไปนิดหนึ่ง ข้าเกือบจะจำไม่ได้แล้ว ช่างมันเถอะ จะเป็นกองทัพหยินมี่ก็ดี กองทัพจินมี่ก็ช่าง ล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง”

เมื่อจางเจี๋ยตี้ได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่แล้วอ้าปากจะพูด แต่คำพูดบางคำติดอยู่ในลำคอพูดออกมาไม่ได้ สุดท้ายเขาได้แต่กล่าวออกมาแผ่วเบาว่า “ขอฝ่าบาทโปรดระวังตัว ความปลอดภัยของฝ่าบาทเกี่ยวพันถึงความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมถอยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งมวล เกี่ยวพันถึงความสุขและเป็นประโยชน์ต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่”

“พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้ารู้อะไรบางอย่างแล้วสิ” หลี่ชิเย่เองก็ไม่รู้สึกแปลกใจ นั่งอยู่ตรงนั้น และยิ้มกล่าวท่าทีเรียบเฉย

จางเจี๋ยตี้อยากจะพูดออกมา แต่ว่า พูดอยู่ครึ่งค่อนวันพูดไม่ออกสักคำ เนื่องจากคำพูดบางคำเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่พูดออกมาอย่างนั้น เขาเป็นผู้ที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์

“ฝ่าบาท ระวังตัวนิดหนึ่ง บางทีผู้ที่ไม่มีตัวตนมักจะทำให้คาดไม่ถึงอยู่เสมอๆ” สุดท้ายจางเจี๋ยตี้ได้พูดขึ้นแผ่วเบาว่า “ไม่แน่นัก พลันที่หันกลับไป คนตายก็ยืนอยู่ด้านหลัง”

“ข้าเข้าใจแล้ว” หลี่ชิเย่พยักหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าก็ไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ ไปเถอะ”

“รักษาตัวด้วย” สุดท้ายจางเจี๋ยตี้ได้ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง มักมีเรื่องมากมายที่เขาจนด้วยเกล้าอยู่เสมอๆ ที่เขาสามารถทำได้ก็มีเพียงเท่านี้แล้ว แม้ว่ามีบางสิ่งเขาอยากจะเปิดเผยออกมา แต่ว่า เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี

ในขณะนี้ จางเจี๋ยตี้ได้คารวะอีกครั้ง จากนั้นก็ได้จากไป

หลังจากที่จางเจี๋ยตี้จากไปแล้ว หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเรียบเฉยและมองไปด้านนอก ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น

จังหวะที่หลี่ชิเย่เพิ่งจะกลับเข้าวังนั้น ณ สถานที่อีกที่หนึ่งของแดนลัทธิราชัน ซึ่งก็คือตระกูลมู่ และก็คือหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อชั้นเสมอด้วยระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล