เมืองไป่หลานเฉิงเป็นเมืองโบราณที่มีประชากรอาศัยอยู่หลายหมื่นคน แน่นอน กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากแล้ว ประชากรหลายหมื่นคนเป็นเพียงสถานที่เล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น กระทั่งหมู่บ้านแห่งหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางแห่งก็มีประชากรขนาดนี้
แต่ทว่า สำหรับระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นในวันนี้ซึ่งได้เสื่อมลงแล้วนั้น เมืองไป่หลานเฉิงที่มีประชากรหลายหมื่นคนนั้น ถือเป็นเมืองใหญ่ที่มีอยู่จำนวนไม่มาก ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น เมืองที่มีขนาดใหญ่กว่านี้มีอยู่เพียงหนึ่งถึงสองแห่งเท่านั้น
ยามค่ำคืนของเมืองไป่หลานเฉิงดูสงบสุขเป็นพิเศษ และดูเงียบสงัดเป็นพิเศษ เนื่องจากมีผู้บำเพ็ญตนอยู่ไม่มาก ทั่วทั้งเมืองไป่หลานเฉิงจึงดูเรียบง่ายไม่มีการเสริมแต่งและเงียบสงบ เสมือนหนึ่งเป็นกล้วยไม้ที่บานสะพรั่งในยามค่ำคืนอย่างนั้น
ดึกแล้ว ประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเมืองไป่หลานเฉิงล้วนแล้วแต่เข้านอนกันแล้ว ต่างก็อยู่ท่ามกลางฝันหวานกันอยู่
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง จังหวะที่ทุกคนกำลังอยู่ในความฝันนั้น ทันใดนั้นเองเสียงดั่งสนั่นได้ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ทำเอาทุกคนที่อยู่ในเมืองไป่หลานเฉิงตกใจตื่น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น…” คนที่ถูกทำให้ตกใจตื่นร้องเสียงดังขึ้นมา แต่ ในเวลานี้ข้างหูปรากฎเสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก
“แย่แล้ว เมืองกำลังตกลงไป…” มีผู้ที่ได้สติกลับมาพบว่า ไม่เพียงแต่ตนเอง และไม่เพียงบ้านของตนเอง แต่เป็นผืนแผ่นดินทั้งผืนที่กำลังตกลงไปยังเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ทำให้ตกใจจนส่งเสียงหวีดร้องขึ้นมา
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ผืนแผ่นดินพลันปรากฏเป็นหลุมลึกขึ้นมาหลุมหนึ่ง เมืองไป่หลานเฉิงตกลงไปอย่างรวดเร็ว พลันร่วงหล่นลงสู่ใต้พื้นดินที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นหลุม
ผู้ที่ตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝันได้สติกลับมา ในเวลานี้ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว อดที่จะต้องส่งเสียงหวีดร้องขึ้นมา
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่เมืองไป่หลานเฉิงทั้งเมืองร่วงหล่นลงไปนั้น ปรากฏเสียงกระบี่คำรามไม่ขาดสาย ผู้บำเพ็ญตนที่แข็งแกร่งมากที่สุดของเมืองไป่หลานเฉิงพลันหนึ่งกระบี่ที่ค้ำยันฟ้า และพุ่งตัวขึ้นไปหวังจะหลบหนีออกจากเมืองไป่หลานเฉิงที่กำลังร่วงหล่นลงไป
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ยอดฝีมือผู้นี้ยังไม่ทันได้ออกไปจากเหวลึก ทันใดนั้น เสมือนหนึ่งมีมือที่ไร้รูปข้างหนึ่งพลันหักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ค้ำยันฟ้าของเขาทิ้ง ได้ยินเสียงดังปัง เสมือนดั่งใต้พื้นดินได้มีหนวดขนาดใหญ่ยื่นออกมา ขณะที่เขายังไม่ทันรู้ตัวก็ถูกพันเอาไว้อย่างแน่นหนา และถูกลากตัวลงไปในเหวลึกทันที
“ไม่…” ยอดฝีมือผู้นี้ตกใจจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา แต่ร่างของเขาก็หายไปพร้อมเสียงหวีดร้องของเขาในหุบเหวลึก
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จึงปรากฏเสียงดังปังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เหมือนว่าเมืองไป่หลานเฉิงทั้งเมืองได้ตกลงไปจนถึงก้นเหวลึกแล้วในที่สุด พื้นดินได้สั่นสะเทือนทีหนึ่ง
หลังจากนั้น มีแต่ความเงียบสงัด เมืองไป่หลานเฉิงหายไปกลางอากาศ เหลือไว้เพียงหลุมขนาดยักษ์บนพื้น มองลงไปด้านล่างลึกไม่เห็นก้นหลุม เหมือนหนึ่งเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์กำลังอ้าปากกว้างของมันอย่างนั้น
เมืองไป่หลานเฉิงหายไปเพียงชั่วข้ามคืน เหลือไว้เพียงหลุมขนาดยักษ์โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ประชากรจำนวนหลายหมื่นคนได้หายตัวไปอย่างสิ้นเชิงโดยไร้ร่องรอย
จังหวะที่เมืองไป่หลานเฉิงหายไปพริบตาเดียวนั้น ที่ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นพลันพวยพุ่งกลิ่นอายขึ้นมากะทันหัน โดยที่กลิ่นอายสายนี้น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่อยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ที่ห่างไกลออกไปแล้ว
แต่ว่า จังหวะที่เมืองไป่หลานเฉิงหายไปพริบตาเดียวนั้น และขณะที่กลิ่นอายสายนั้นพวยพุ่งขึ้นมา หลี่ชิเย่ที่เดิมกำลังฝึกปรืออยู่ภายในวังพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา จ้องมองไปข้างหน้า และในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ดวงตาทั้งสองของเขาได้พวยพุ่งประกายที่น่ากลัวอย่างยิ่งออกมา เสมือนดั่งก้าวข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและหมื่นอาณาจักร ฉับพลันก็ไปสาดส่องอยู่บนระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นอย่างนั้น
หลังจากที่หลี่ชิเย่ถูกทำให้ตื่นชั่วครู่หนึ่ง ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานที่เขาจิ่วเหลียนซานก็ถูกทำให้ตื่นขึ้นมา เขาอดที่จะเบิ่งตามองและพึมพำขึ้นมาว่า “กลิ่นอายนี้ดูจะคุ้นเคยอยู่บ้าง เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?”
นาทีนี้เอง หลี่ชิเย่ได้ออกมาจากห้องและมองไกลไปบนท้องฟ้า แววตาก้าวข้ามมิติ เสมือนหนึ่งตรงไปจนถึงบริเวณที่ไกลที่สุดบนโลก
“คุณชาย…” ปิ้งจวินที่คอยให้การคุ้มครองอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ออกมาจากการกักตน
หลี่ชิเย่มองดูท้องฟ้าในยามค่ำคืน จากนั้น ได้กล่าวกับหลิ่วชูฉิงและทุกกคนว่า “ข้าจะไปที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นสักหน่อย ที่นี่มอบให้พวกเจ้า รอให้เสร็จธุระแล้วข้าก็จะกลับมา”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลิ่วชูฉิงอดที่จะเอ่ยถามด้วยความกังวล เมื่อเห็นหลี่ชิเย่จะจากไปโดยไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน
หลี่ชิเย่ลูบไล้เส้นผมของนางแผ่วเบา มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ห่างไกลออกไป เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ขณะนี้ยังไม่รู้ แต่ว่าจะได้คำตอบเร็วๆ นี้แล้ว มันหาใช่เรื่องที่เป็นมงคล เจ้าวางใจรั้งอยู่ที่ตรงนี้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจ”
หลิ่วชูฉิงนั้นเป็นคนที่เชื่อฟัง และอ่อนโยนอย่างยิ่ง พยักหน้าเบาๆ
“คุณชายเดินทางด้วยความวางใจ ความปลอดภัยของพระนางมีพวกเรารับผิดชอบ” ก่อนที่หลี่ชิเย่จะออกเดินทาง พวกปิ้งจวินได้คำนับและคารวะต่อหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่พยักหน้า เมื่อมีพวกของปิ้งจวินนั่งควบคุมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ผู้ที่มีศักยภาพอย่างแท้จริงในแดนลัทธิราชันที่จะมารุกรานได้เรียกว่ามีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
หลี่ชิเย่ก้าวเท้าข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และหายไปท่ามกลางทะเลดวงดาวที่สุดลูกหูลูกตาในชั่วพริบตาเดียว
ที่เขาจิ่วเหลียนซาน เดิมชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานรู้สึกสนใจในกลิ่นอายที่ปะทุขึ้นมากะทันหันนี้ แต่ทว่า เมื่อเขาพบว่าหลี่ชิเย่ได้ออกเดินทางแล้วเขาจึงยกเลิกความตั้งใจนี้เสีย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...