หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เมื่อมองเห็นเมืองๆ หนึ่งหายไปอย่างฉับพลันทันทีต้องขวัญหนีดีฝ่อแน่นอน และรู้ว่าที่ตรงนี้ต้องมีอันตรายอย่างใหญ่หลวง สมควรหนีไปให้ไกลเสีย
แต่ทว่า ผู้หญิงคนนี้ทักษะยุทธสูงส่งและมีความกล้าหาญ หลังจากที่มองดูหุบเหวหมื่นจ้างด้านล่างแล้วก็เหินฟ้าลงไป ร่อนลงไปที่หุบเหวหมื่นจ้างช้าๆ
ไม่นานนัก ผู้หญิงคนนี้ก็ไปถึงที่ที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่ เมื่อผู้หญิงคนนี้พบกับหลี่ชิเย่อดที่จะตะลึงนิดหนึ่ง และรู้สึกแปลกใจ
เดิมทีผู้หญิงคนนี้เข้าใจว่าตัวเองจะต้องเป็นคนที่มาถึงที่ตรงนี้เป็นคนแรก ไม่นึกไม่ฝันว่าถึงกับมีผู้อื่นที่เร็วว่าตนก้าวหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง อดที่จะพินิจพิจารณาหลี่ชิเย่อย่างละเอียด ต้องการรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน
ขณะที่ผู้หญิงคนนี้กำลังพินิจพิจารณาหลี่ชิเย่อยู่นั้น สายตาของหลี่ชิเย่ก็ตกไปอยู่บนตัวของผู้หญิงคนนี้ และพินิจพิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตานั้นช่างเป็นไปตามอารมณ์เหลือเกิน ช่างตามอำเภอใจเหลือเกิน ในสายตาของผู้อื่นมองว่านี่เป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง
ผู้หญิงคนนี้มีความงดงามน่าประทับใจ เรียกได้ว่าความงดงามของนางทำให้ผู้คนไม่กล้ามองตรงๆ เวลาที่ผู้อื่นมองเห็นนางนั้นมักอดที่จะต้องแหงนหน้ามองไม่ได้ และเคารพยำเกรงอยู่ในใจ
รูปโฉมของผู้หญิงคนนี้นับว่างดงามโดยแท้ โครงหน้าที่งดงามละเอียดอ่อนเสมือนดั่งเป็นงานศิลปะที่บรรจงแกะสลักอย่างละเอียด ยากที่จะหาข้อตำหนิได้ นัยน์ตาคู่นั้นของนางเสมือนหนึ่งดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่งประกายแวบวับดุจดั่งประกายของอัญมณีอย่างนั้น
คิ้วงดงามสีดำเขียวดั่งภูเขาที่อยู่ห่างไกล เปี่ยมด้วยเสน่ห์น่าพิสมัย ทำให้ผู้ที่พาลพบเห็นแล้วก็ยากจะลืมเลือน ทำให้ผู้คนเปี่ยมด้วยจินตนาการ
ความงดงามของผู้หญิงผู้นี้ให้ความรู้สึกที่เหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แม้ว่าฉินเจี้ยนเหยาเองก็มีลักษณะที่หลุดพ้นจากโลกมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ว่า ยังคงให้ความรู้สึกถึงความไม่แท้อย่างหนึ่ง แต่ว่าความรู้สึกที่ผู้หญิงซึ่งอยู่ตรงหน้าดูช่างเป็นความจริงอะไรอย่างนั้น ทำให้สามารถรู้สึกได้อย่างสิ้นเชิง
ผู้หญิงคนนี้ประดุจชิ้นหยกที่งดงามท่ามกลางหุบเขาที่ลึกและเงียบ ดั่งหยกที่ทั้งอบอุ่นเยือกเย็นซึ่งกลมกลืนเข้ากันได้ดี ทั้งยังมีความสูงส่งและบริสุทธิ์ ด้วยหยกชิ้นงามลักษณะเช่นนี้ กล่าวได้ว่าคือของล้ำค่ายากจะได้พบเห็นในหล้า
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดที่หลากสีสัน งดงามตระการตาและยาวลากพื้น เสมือนดั่งนกยูงรำแพน แต่ก็ไม่ใช่สวยงามวิจิตตระการตาดั่งนกยูงแบบนั้น แต่เป็นความงดงามที่หลุดพ้นจากจารีตประเพณีทั่วไป
สิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คนโดยพลันหาใช่ความงดงามของนาง แต่เป็นพลังสายนั้นที่อยู่บนตัวของนาง บนตัวของนางมีพลังของการปกครองใต้หล้าอยู่สายหนึ่ง และมีกลิ่นอายที่เป็นหนึ่งแต่ผู้เดียวทั่วหล้า
ตามหลักแล้ว การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีพลังของการปกครองใต้หล้า และมีกลิ่นอายที่เป็นหนึ่งแต่ผู้เดียวทั่วหล้าบนตัวนั้น จะแลดูสูงส่งโดดเด่นยิ่งนัก แต่ก็เป็นเรื่องแปลก เมื่อกลิ่นอายลักษณะเช่นนี้อยู่บนตัวนางกลับไม่ได้มีความสูงส่งโดดเด่นแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีความพอเหมาะพอดีอีกด้วย
ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้ ให้ความรู้สึกถึงสู้ก็สู้เลย การเข่นฆ่าสังหารที่เด็ดขาด มีท่าทีที่สู้รบทั่วหล้าอย่างดุเดือดบ้าคลั่ง
ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้ดูจะขัดแย้งในตัวอย่างยิ่ง แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก การที่บนตัวของนางเปล่งกลิ่นอายลักษณะเช่นนี้ออกมา ทำให้ผู้คนบังเกิดความเคารพยำเกรงอยู่ในใจ
ผู้หญิงคนนี้เรียกว่าได้เก็บงำพลังของตนแล้ว แต่ทว่า ขณะเคลื่อนไหวยังคงมีท่าทีที่อยู่เหนือใต้หล้า นางต้องเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งมากคนหนึ่งแน่นอน
จังหวะที่หลี่ชิเย่พินิจพิเคราะห์ผู้หญิงคนนี้ ขณะเดียวกันผู้หญิงคนนี้ก็ได้พิจารณาหลี่ชิเย่อยู่เช่นกัน สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้มองเห็นตรงหน้าคือผู้ชายที่ธรรมดาๆ ไม่สะดุดตา สวมชุดธรรมดาเหมือนหนึ่งมนุษย์ทั่วไปคนหนึ่ง เหมือนว่าพร้อมจะกลืนหายไปท่ามกลางผู้คนจำนวนมากได้ตลอดเวลา
แต่ทว่า เมื่อมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง พบว่าผู้ชายคนนี้มีจิตใจที่ลึกและกว้างใหญ่ดั่งหุบเขา ลึกล้ำยากจหยั่งถึง ดวงตาคู่นั้นแม้ว่าไม่ได้มีอะไรที่สะดุดตามากเป็นพิเศษ แต่ว่า เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว ก็จะรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้ยิ่งใหญ่ไพศาลดั่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มีดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมอยู่เต็มพื้นที่
“ยวี่เจินละลาบละล้วง ไม่ทราบว่าพี่ท่านมีนามว่ากระใด?” ผู้หญิงคนนี้จ้องมองหลี่ชิเย่ และเปิดปากพูดขึ้นมา เสียงของนางไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก ก้องสะท้อนอยู่ท่ามกลางหุบเขา น่าฟังอย่างยิ่ง
ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่ายวี่เจินก็รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง นางกักตนมาช่วงหนึ่ง เหตุใดจึงมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงโผล่ขึ้นมาได้อย่างไรกัน ตามหลักแล้ว ผู้บำเพ็ญตนที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรทั่วทั้งแดนลัทธิราชันนางรู้หมด กระทั่งเรียกได้ว่ารู้จักด้วยซ้ำ
แต่ทว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า นางกลับไม่มีอยู่ในความทรงจำใดๆ เลย แม้ว่านางจะครุ่นคิดอย่างหนักก็ยังคงนึกไม่ออกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครกันแน่ ในความทรงจำไม่มีใครสามารถเทียบแล้วเข้ากันได้สักคน
“หลี่ชิเย่” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ทีหนึ่ง
“ที่แท้ก็คนบ้านเดียวกัน” ผู้หญิงคนนี้เผยรอยยิ้มเรียบๆ ขึ้นมา ดูงดงามยิ่งนัก ทำให้ผู้คนมีจิตใจหวั่นไหว และกล่าวว่า “น้องเองก็แซ่หลี่เหมือนกัน”
“นับเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้นำมาใส่ใจมากนัก ท่าทางตามอารมณ์ยิ่งนัก
ท่าทางลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันทำให้หลี่ยวี่เจินยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น ยิ่งทำให้นางอยากรู้อยากเห็น ในแดนลัทธิราชัน ถ้าหากนางแจ้งชื่อของตนออกมา เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่ไม่รู้จักชื่อของนาง กล่าวได้ว่า แดนลัทธิราชันในยุคปัจจุบันต่างก็รู้ว่านางเป็นใคร
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อรู้ว่านางเป็นใครแล้ว ท่าทีตื่นตระหนก เลื่อมใสศรัทธา เทิดทูนบูชาต่างๆ มีหมดทุกอย่าง แต่กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีความเป็นอิสระ นิ่งไม่สะทกสะท้าน นางเพิ่งจะได้พบเห็นเป็นครั้งแรก
“พี่ท่านทราบหรือไม่ว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายใดมาอาละวาดอยู่ที่นี่?” เมื่อหลี่ยวี่เจินได้สติกลับมาจึงเอ่ยถามหลี่ชิเย่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...