ความจริงแล้ว กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เขาไม่ได้แคร์ว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงจะอยู่หรือไป จะอย่างไรเสีย นับแต่อดีตเป็นต้นมาเขาได้เห็นการล่มสลายมามากเหลือเกิน ต่อให้เมืองหมิงลั่วเฉิงที่เป็นเมืองเล็กๆ ขนาดนี้ล่มสลายลง ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ยาวไกล ไม่สามารถก่อเกิดแม้กระทั่งฟองคลื่นเพียงเล็กน้อย
ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา เคยมีการสิ่งมีชีวิตต้องเสียชีวิตไปกี่สิบล้าน แต่ทว่า ก็ไม่ได้มีการบันทึกอะไรเอาไว้ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา
แค่เมืองหมิงลั่วเฉิงเล็กๆ กับประชากรสองสามแสนเท่านั้นเอง เมื่อใดที่ล่มสลายก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างมากที่สุดมีคนบางคนเอ่ยถึงขึ้นมาบ้าง ณ ขณะนั้นเท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ถูกผู้คนลืมเลือนไป
จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับโลกผู้บำเพ็ญตนแล้ว สำนักเจ้าลัทธิแห่งใดแห่งหนึ่งล่มสลาย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีหลายแสนชีวิตที่ต้องหายวับไปกับตาในพริบตาตามไปด้วย กล่าวได้ว่า แค่การล่มสลายของเมืองหมิงลั่วเฉิง จะก่อเกิดผลกระทบขึ้นมาได้เท่าไรในแดนลัทธิราชันกันเล่า?
ดังนั้น หลี่ชิเย่จึงไม่ค่อยจะใส่ใจต่อการล่มสลายของเมืองหมิงลั่วเฉิงเท่าไรนัก การคงอยู่หรือล่มสลายของเมืองหมิงลั่วเฉิงไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเท่าไรนัก เขาให้ขอทานเอาข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ถือว่าได้พยายามบ้างแล้วก็เท่านั้นเอง
เพียงแต่ หลินยี่เสวี่ยนังหนูคนนี้ดูน่าสนใจอยู่บ้าง ดังนั้นหลี่ชิเย่จึงได้กล่าวเตือนนางคำหนึ่ง มิฉะนั้นล่ะก็ หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปใส่ใจอยู่แล้ว
“ฮึพูดเพ้อเจ้ออีกแล้ว” หลินยี่เสวี่ยหันหลังกลับมา ส่งเสียงฮึเย็นชาและกล่าวว่า “เมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเราจะไม่ล่มสลายอย่างเด็ดขาด”
“เชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้า” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะพูดให้มากความ ยิ้มนิดหนึ่งและก็หลับตาลงช้าๆ
ท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้หลินยี่เสวี่ยที่เดิมทีคิดจะไปจากกลับไม่ไปแล้ว นางจ้องเขม็งที่หลี่ชิเย่และส่งเสียงฮึออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “เจ้ามีเหตุผลอะไรมาบอกว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเราจะล่มสลาย?”
หลี่ชิเย่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงนั่งนิ่งและหลับตาอยู่ตรงนั้น เหมือนว่านอนหลับไปแล้วอย่างนั้น
นี่เมื่อหลินยี่เสวี่ยเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่สนใจตน จึงกระทืบเท้าทีหนึ่ง มือเท้าเอวเอาไว้และจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ข้ากำลังพูดกับเจ้านะ อย่าแกล้งทำเฉย”
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่จึงค่อยๆ ลืมตาทั้งสองขึ้นมาอย่างช้าๆ มองดูหลินยี่เสวี่ยแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “ถ้าหากว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงกำลังจะล่มสลายแล้ว เจ้าจะทำอย่างไร?”
หลินยี่เสวี่ยที่เดิมทีต้องการระเบิดอารมณ์ใส่หลี่ชิเย่ เมื่อถูกถามด้วยคำถามเช่นนี้ ทำให้นางถึงกับตะลึงงันอยู่ตรงนั้น แน่นอน นางไม่เคยคิดว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงจะต้องล่มสลายมาก่อน
“ย่อมต้องร่วมเป็นร่วมตายกับเมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเรา” เมื่อหลินยี่เสวี่ยได้สติกลับมาแล้วตอบโดยไม่ต้องคิดมาก และกล่าวด้วยท่าทีเคืองๆ ว่า “ใครหน้าไหนกล้าทำลายเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเรา พวกเราจะต้องต่อต้านสู้ตายกับมัน!”
“แค่เมืองๆ หนึ่งเท่านั้นเอง หนีไปก็สิ้นเรื่อง” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยและเอ่ยขึ้น
“เหลวไหล” หลินยี่เสวี่ยตวาดเสียงดังกับหลี่ชิเย่ทันที ค้อนหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง ท่าทีจริงจังเข้มขรึม และกล่าวว่า “เมืองหมิงลั่วเฉิงคือสถานที่ที่ให้กำเนิดข้า ข้ากำเนิดที่นี้ โตที่นี่ ที่นี่คือบ้านของข้า ข้าย่อมต้องรักษามันให้ดีแม้ต้องแลกด้วยชีวิต”
“ขอเพียงมีชีวิตอยู่ ที่ใดเป็นบ้านไม่ได้?” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “เมื่อไร้ซึ่งชีวิต แล้วจะมีบ้านได้อย่างไรกัน?”
“ฮึ ฮึ ฮึเจ้าจะไปรู้อะไร” หลินยี่เสวี่ยแสดงความไม่พอใจ ส่งเสียงฮึเย็นชาและกล่าวว่า “เมืองหมิงลั่วเฉิงก็คือบ้านของพวกเรา เมื่อออกไปจากเมืองหมิงลั่วเฉิง สถานที่อื่นๆ ล้วนแล้วแต่เป็นดินแดนที่ไม่คุ้นเคย! ท้องฟ้าของพวกเรามีขนาดเพียงเท่านี้ บ้านอยู่คนอยู่ บ้านสิ้นคนม้วย!”
“น่าสนใจ” หลี่ชิเย่มองดูหลินยี่เสวี่ยแล้วกล่าวว่า “หรือว่าเจ้าไม่เคยคิดที่จะไปที่อื่นเลยรึ? และหรือบางทีเจ้าสามารถเปลี่ยนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ ใหม่ที่แข็งแกร่งมากกว่านี้”
“ทำไมจะต้องเปลี่ยน? ฮึถึงเปลี่ยนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหม่ พวกเรามิใช่ยังคงเป็นศิษย์ธรรมดาเหมือนกัน!” หลินยี่เสวี่ยอดที่จะค้อนหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวอย่างเคืองๆ ว่า “หรือว่าพวกเราเปลี่ยนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหม่แล้วจะได้เป็นราชันแท้จริงอย่างนั้นรึ? เมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเรามีกันหลายแสนคน หรือว่าทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถเปลี่ยนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหม่ได้อย่างนั้นรึ? ต่อให้เปลี่ยนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหม่ก็มิใช่เหมือนเดิม มิสู้พวกเรายังคงรั้งอยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเราต่อไป อย่างน้อยที่สุดที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกเรา!”
คำพูดของหลินยี่เสวี่ยทำให้หลี่ชิเย่ถึงกับนิ่งเงียบกับสิ่งนี้ อดที่จะมองไปยังที่ที่ห่างไกล
คำพูดของหลินยี่เสวี่ยไปสะกิดความทรงจำบางอย่างของหลี่ชิเย่ ทำให้เขานึกถึงคนบางคน นึกถึงเรื่องราวบางอย่าง
เฉกเช่นกองพันเลือดทระนงแห่งกองทัพจิ้งจอกเงิน หรือว่าพวกเขาไม่สามารถไปให้ไกลมากกว่านี้รึ? หรือว่าพวกเขาไม่สามารถไปตั้งถิ่นฐานยังที่อื่นรึ? เปล่าเลย พวกเขามีศักยภาพ และมีธาตุแท้ภายในที่จะมีความเป็นอยู่อย่างมีความสุขในสถานที่อื่นๆ แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาต่างกลับไปยังบ้านเกิด นั่นเป็นเพราะพวกเขารักผืนแผ่นดินผืนนั้นอย่างลึกซึ้ง ทำให้พวกเขาไม่อยากไปจาก
เหมือนดั่งที่หลินยี่เสวี่ยพูดเอาไว้อย่างนั้น ท้องฟ้าของพวกเขากว้างใหญ่เพียงเท่านี้เอง ภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา บางที พวกเขาอาจไม่รู้ว่ายังมีที่ที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงเสียอีก พวกเขาไม่รู้หรอกว่านอกจากระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นแล้ว ยังมีโลกที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าอีก
ในสายตาของหลี่ชิเย่มองว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงเป็นเพียงเมืองขนาดเล็กเท่านั้นเอง แต่ว่า ในสายตาของพวกเขามองว่า นั่นคือบ้านของพวกเขา เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา เป็นฟ้าดินของพวกเขา เป็นโลกของพวกเขา!
เนื่องจากพวกเขาเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้นเอง พวกเขากระโดดออกจากแผ่นฟ้านี้ไปไม่ได้ พวกเขามีชีวิตที่แสนจะสั้นเพียงน้อยนิดเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเมืองหมิงลั่วเฉิงเล็กๆ เมืองหนึ่งก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของพวกเขา
“บางที นี่ก็คือความสุขของคนที่ไม่มีความสำคัญกระมัง เมืองๆ หนึ่งก็คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต” หลี่ชิเย่อดที่จะปลงอนิจจังอยู่บ้าง และเอ่ยขึ้นช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...