“ของบางอย่าง ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป กิจการพื้นฐานบรรพบุรุษก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะรักษาเอาไว้ได้ หากมีความสามารถจริง ทำลายแล้วตั้งขึ้นมาใหม่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย
หวูโหย่วเจิ้งอดหัวเราะแห้งๆ ไม่ได้ รู้สึกละอาย และกล่าวว่า “ไม่เกรว่าคุณชายจะหัวเราะเยาะ ข้า ข้า ข้ายังจะมีความสามารถสร้างกิจการพื้นฐานเช่นนี้ของบรรพชนขึ้นมาได้อีก ข้า ข้าก็แค่หวังว่าเผื่อฟลุ๊คเท่านั้นเอง คาดหวังว่าจะผ่านเคราะห์กรรมนี้ไปได้ กิจการพื้นฐานของบรรพบุรุษยังคงอยู่”
ครั้นหวูโหย่วเจิ้งเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้ทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าอายุปูนนี้แล้ว ช้าหรือเร็วก็ต้องกลับกลายเป็นดิน ถือโอกาสที่ยังมีลมหายใจอยู่ทำประโยชน์ให้กับชนรุ่นหลังสักนิด ดูว่าจะรักษากิจการพื้นฐานนี้เอาไว้ได้หรือไม่ ถ้าหากรักษาไม่ได้ ข้าเองก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว…”
“…อีกอย่าง ถ้าหากสามารถตายอยู่ในบ้านของตนเองก็ไม่เสียใจอีกแล้ว สิ่งนี้ก็จะเป็นที่พักพิงสุดท้ายที่ดีที่สุดของข้า ข้าอยู่ที่นี่มาชั่วชีวิต สุดท้ายแล้วยังคงสามารถฝังอยู่ที่นี่ก็นับว่าชีวิตนี้สมบูรณ์แบบแล้ว” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วอดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น
ยามที่คนผู้หนึ่งต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน สามารถนำกระดูกมาฝังเอาไว้ในบ้านเกิด กลับจะกลายเป็นความฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่ง
หลี่ชิเย่เพียงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น และไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เพียงแต่เด็กคนนี้รั้นมาก” หวูโหย่วเจิ้งจ้องมองดูหลินยี่เสวี่ย ดูจะจนด้วยเกล้า หัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ข้าไม่ให้นางกลับมา แต่นางจะตามกลับมาให้ได้ นี่คือการตามข้ากลับมารนหาที่ตาย”
“อาจารย์…” หลินยี่เสวี่ยก้มหน้าและกล่าวว่า “ที่ ที่นี่ก็คือบ้านของข้านะ ข้า ข้า ข้าอยากจะรั้งอยู่ที่นี่ ถ้าหากข้าต้องตายอยู่ที่ตรงนี้ ข้า ข้า ข้าก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัว”
“เด็กโง่ เจ้าอายุยังน้อย” หวูโหย่วเจิ้งส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวท่าทางจนด้วยเกล้าว่า “อนาคตยังคงเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้และโอกาส”
หลินยี่เสวี่ยก้มหน้าไม่พูดไม่จา นางคือผู้ที่มีนิสัยดื้อรั้น เมื่อไรที่รั้นขึ้นมา ต่อให้ใช้วัวเก้าตัวก็ฉุดไม่กลับ
“เมืองหมิงลั่วเฉิงในเวลานี้หาใช่เมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเจ้าอีกแล้ว” หลี่ชิเย่มองหน้าพวกเขาด้วยท่าทีเรียบเฉยทีนึ่ง กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “พวกเจ้าคิดจะเฝ้ารักษากิจการพื้นฐานของบรรพบุรุษ ยังคงช่างเถอะ มันเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้น ถ้าหากมีผู้ต้องการจะได้ พวกเขาแค่ยื่นนิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถสังหารพวกเจ้าได้แล้ว”
หวูโหย่วเจิ้งอ้าปากจะพูด สุดท้ายเขาได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เขาเองก็เข้าใจ สิ่งที่หลี่ชิเย่พูดนั้นเป็นความจริง
ความจริงแล้ว ขณะที่เพิ่งกลับมาถึง หวูโหย่วเจิ้งก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก เขายังเข้าใจว่าตนเองนั้นมาผิดที่ เมืองหมิงลั่วเฉิงกลับกลายเป็นคึกคักถึงเพียงนี้ มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหมิงลั่วเฉิง ทำเอาหวูโหย่วเจิ้งรู้สึกงงงันไปทันที
โดยเฉพาะได้เห็นยอดฝีมือจำนวนมากมายเช่นนี้เข้าออกเมืองหมิงลั่วเฉิง อีกทั้งบรรดายอดฝีมือเหล่านี้มักจะเริ่มต้นที่ระดับเทพแท้จริงเป็นอย่างน้อย ในจำนวนนั้นมีไม่น้อยที่เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ สิ่งนี้พลันทำให้หวูโหย่วเจิ้ง รู้สึกขนลุกซู่ในใจ กระทั่งขนหัวลุก
ถ้าหากยอดฝีมือเหล่านี้ต้องการยึดครองกิจการพื้นฐานของบรรพบุรุษพวกเขาโดยใช้กำลัง หาใช่เป็นเรื่องยากเย็นอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งหากลงมือเมื่อไร การจะสังหารเขาย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก
“รั้งอยู่ที่นี่ชั่วคราวก็แล้วกัน ออกไปก็ไปรนหาที่ตาย” หลี่ชิเย่มองหน้าพวกเขาที่เป็นอาจารย์และศิษย์ กล่าวขึ้นมาเรียบเฉย
ทั้งหวูโหย่วเจิ้งและหลินยี่เสวี่ยถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง พวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าหลี่ชิเย่จะรับพวกเขาเอาไว้ จะอย่างไรเสียพวกเขากับหลี่ชิเย่ใช่ญาติหรือมิตร คราวก่อนสามารลงมือช่วยนิกายซูสือของพวกเขา ถือว่าเป็นความกรุณาอย่างยิ่งแล้ว
“ขอบคุณคุณชาย…” เมื่อหวูโหย่วเจิ้งศิษย์และอาจารย์ได้สติกลับมา รีบก้มกราบเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะหลินยี่เสวี่ยนั้นยิ่งรู้สึกดีใจอย่างยิ่งในใจ อดที่จะแอบเหลือบมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าจ้องมองมาก หลังจากแอบมองแวบหนึ่งก็รีบละสายตากลับมา และก้มหน้าลง
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงว่าภายในใจของหลินยี่เสวี่ยดีใจเช่นใด การได้รั้งอยู่ที่นี่ต่อให้ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ภายในใจของเขาก็ยังคงเบิกบานใจเหมือนเดิม
แน่นอน หวูโหย่วเจิ้งสองศิษย์อาจารย์ไม่ได้นอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ที่ตรงนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาศิษย์อาจารย์ยังคงลงมือสร้างบ้านไม้หลังเล็กๆ ขึ้นมาด้วยตนเอง ถือเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวของพวกเขาทั้งสามคน
แน่นอน กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว จะมีที่พักหรือไม่ก็ไม่แตกต่าง ถ้าหากเขาอยากได้ แค่ยกมือตามอารมณ์ก็สามารถผลักภูผาคว้าจันทรา หอคอยวิหารโบราณสามารถผุดขึ้นมาได้ทุกเวลา
ถึงแม้ว่ามันเป็นเพียงบ้านไม้หลังเล็กธรรมดาๆ เท่านั้น หลินยี่เสวี่ยยังคงดีใจอย่างยิ่ง จัดการเก็บกวาดจนสะอาดหมดจด หน้าต่างสะอาดเรี่ยม อาศัยหญ้าและดอกไม้มาประดับประดาจนและดูเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา
“คุณชาย เพราะอะไรจึงมีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิสำนักเจ้าลัทธิมาที่เมืองหมิงลั่วเฉิงเป็นจำนวนมาก?” หลังจากเข้าไปภายในบ้านไม้หลังเล็กแล้ว หวูโหย่วเจิ้งให้รู้สึกแปลกใจ อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้
หลังจากที่ได้สัมผัสมา หวูโหย่วเจิ้งพบว่า ความจริงแล้วแล้วหลี่ชิเย่เป็นผู้ที่สามารถพูดคุยกันได้ด้วยดี แม้ว่าการลงมือของเขาจะทระนงไร้ซึ่งความปราณี แต่สามารถเข้ากับคนได้ง่าย
“หรือจะเป็นความจริงว่ามีขุมทรัพย์จะปรากฏออกมาจริงๆ?” ขณะที่หวูโหย่วเจิ้งกลับเข้าเมืองก็ได้ยินคำเล่าลือเช่นนี้ กระทั่งได้เห็นผู้บำเพ็ญตนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยกำลังขุดหาอยู่ภายในเขตพื้นที่ของตน
“ขุมทรัพย์ เจ้าคิดว่าที่ตรงนี้มีขุมทรัพย์หรือไม่?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉย
“เรื่องนี้…” หวูโหย่วเจิ้งตรึกตรองนิดหนึ่ง ยิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ถ้าหากในเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเรามีขุมทรัพย์จริง เกรงว่าคงไม่ได้เหลือไว้ให้พวกเรา คงถูกคนยุคก่อนๆ ฉกฉวยไปนานแล้ว”
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเสื่อมมานานมากแล้ว เรียกได้ว่าผู้คนหลายยุคก่อนก็ยากจนกันจนจะคลั่งกันไปหมดแล้ว เคยมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนขุดหาในเมืองหมิงลั่วเฉิงมานานมากแล้ว หากมีของที่มีราคาล่ะก็คงถูกนำติดตัวไปนานแล้ว ยังจะเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังอย่างพวกเขาอีกรึ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...