สมควรทราบว่า เรือรบของฉางจินต้งพวกเขาเคยเกรียงไกรทั่วหล้าปราศจากผู้ต่อกร ไม่รู้ว่ามีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่หายวับไปกับตาในพริบตาภายใต้ปืนไฟจากกองเรือของพวกเขา
ยามที่กองเรือรบของพวกเขาไปปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณท้องฟ้าของแคว้นเจ้าลัทธิแห่งใดแห่งหนึ่ง ย่อมบ่งบอกว่าสำนักเจ้าลัทธินั้นจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว ด้วยเหตุนี้เอง ยามที่กองเรือรบของพวกเขาปรากฏ ยังไม่ทันได้เปิดศึก แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อยต่างก็ทิ้งเมืองยอมแพ้อยู่เสมอๆ
เนื่องจากบรรดาแคว้นเจ้าลัทธิเหล่านี้ต่างก็รู้ว่า เมื่อใดที่ถูกปืนไฟของฉางจินต้งระดมยิงอย่างบ้าคลั่งล่ะก็ ไม่เพียงสำนักของตนจะหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว ผืนแผ่นดินนี้ก็จะตกต่ำลงไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกเลย ทั่วทั้งแผ่นดินก็จะต้องถูกยิงถล่มจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี ถูกยิงจนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
ดังนั้น เมื่อฉางจินต้งประกาศสงครามกับสำนักเจ้าลัทธิแห่งใดแห่งหนึ่ง และเมื่อกองเรือรบได้แล่นเข้าไป มักจะสามารถได้รับการยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้รบอยู่เสมอๆ
อย่างไรก็ตาม มาวันนี้กองเรือรบที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาถึงกับถูกหลี่ชิเย่ทำลายจนพินาศย่อยยับไปในพริบตาเดียว สิ่งนี้ได้ทำให้ศิษย์ของฉางจินต้งงงงันอย่างสิ้นเชิง และเซ่อไปเลยในทันที เมื่อได้สติกลับมาแล้วต่างตัวสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
ครั้นศิษย์ของฉางจินต้งได้สติกลับมา ภายในใจของพวกเขาต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เจ้าหนูผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ ถึงกับมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ การลงมือถึงได้โหดถึงเพียงนี้ กล้าเป็นสัตรูกับฉางจินต้งของพวกเขา!
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นเรือรบยานแม่ลำหนึ่งปรากฏประกายขึ้นมา ท่ามกลางประกายดังกล่าวปรากฎร่างเงาผู้หนึ่ง ขณะที่ร่างเงาผู้นี้ปรากฏ ประกายสีทองได้โปรยลงมาเสมือนดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดองค์หนึ่ง มีท่าทีก้มมองเหล่าเวไนยสัตว์อย่างนั้น
“สิบวัชระ…” มีผู้ร้องเสียงหลงขึ้นมา เมื่อมองเห็นร่างเงาของคนผู้นี้ปรากฏ
“วัชรเหล็ก หนึ่งในสิบวัชระ” มียอดฝีมือที่จดจำตัวเขาได้ทันที ถึงกับร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
“เป็นความจริงที่สิบวัชระอยู่บนเรือรบ ข้ายังเข้าใจว่าสิบวัชระไม่ได้มานะเนี่ย มาแค่เรือรบของพวกเขาเท่านั้นเอง” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อเห็นร่างเงาของคนผู้นี้
“สิบวัชระมากันพร้อมหน้า จำเป็นต้องขนาดนี้เลยรึ? ด้วยกำลังเช่นนี้เท่ากับว่าฉางจินต้งยกออกมาทั้งหมดเลย พวกเขาทำเพื่ออะไร?” ยอดฝีมือสำนักเจ้าลัทธิถึงกับตกใจอยู่ในใจ
สี่พุทธา สิบวัชระของฉางจินต้ง เท่ากับเป็นผู้ค้ำจุนฉางจินต้งเอาไว้ทั้งหมด กล่าวได้ว่า สิบวัชระคือตัวแทนกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของฉางจินต้งแล้ว
บ่อยครั้งที่สิบวัชระจะไม่ออกปราบปรามด้วยตนเอง สามารถมีสามถึงห้าวัชระร่วมทัพปราบปรามก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว เวลานี้สิบวัชระมากันพร้อมหน้า แล้วจะไม่ให้ทุกคนต้องรู้สึกใจหายใจคว่ำได้อย่างไร ขบวนทัพแช่นนี้คือการออกปราบปรามระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในแดนลัทธิราชัน ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่คู่ควรให้ฉางจินต้งต้องขนเอายุทโธปกรณ์มามากมายเช่นนี้นับว่ามีอยู่ไม่มาก
สำหรับผู้บำเพ็ญตนบางคนที่รุ้สึกสงสัยว่าเพราะอะไรฉางจินต้งถึงได้ส่งขบวนทัพที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มานั้น มีผู้ที่เหลือบมองพวกเขาทีหนึ่ง และกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกท่านมาเมืองหมิงลั่วเฉิงเพื่ออะไร?”
สำหรับปัญหาข้อนี้ มีผู้ที่หัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้บำเพ็ญตนที่ถามปัญหาข้อนี้กลับกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “เรื่องนี้ใช่จะเป็นความลับอะไร มีอะไรไม่กล้าพูด? ก็เพื่อศิลาเซียนชิ้นหนึ่งที่ตามตำนานเล่าว่าซ่อนอยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิงน่ะสิ ทุกคนต่างก็มาด้วยเรื่องของศิลาเซียน”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองตากันและกัน แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้วทุกคนต่างนิ่งเงียบ ไม่ต้องการพูดออกมาว่ามาเพื่ออะไร
“เจ้าเป็นใคร…” ในเวลานี้เอง สายตาของวัชระเหล็กที่ปรากฏตัวอยู่บนเรือรบพลันพุ่งเป้าไปที่หลี่ชิเย่ เมื่อเขาลืมตาทั้งสองขึ้น ได้ส่งประกายศักดิ์สิทธิ์วูบวาบที่น่ากลัวออกมา เสมือนหนึ่งเป็นความร้อนแผดเผาที่ดั่งคลื่นยักษ์อย่างนั้น
เวลานี้ วัชระเหล็กไม่โกรธแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ ภายใต้การจ้องมองด้วยตาของเขา ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องร่างสั่นเทา ขณะที่ผู้ที่มีทักษะอ่อนด้อยต้องเข่าอ่อนทั้งสองข้าง และรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงภายใต้อำนาจบารมีของเขา
สิบวัชระของฉางจินต้งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแดนลัทธิราชัน พวกเขาเคยเกรียงไกรทั่วหล้า ปราบปรามเหล่าอาณาจักร ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือจำนวนเท่าไรที่ต้องตายอย่างอนาถภายใต้น้ำมือของพวกเขา ไม่รู้ว่ามีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่หายวับไปกับตาในพริบตาเดียวด้วยมือของพวกเขา กล่าวได้ว่า มือทั้งสองของสิบวัชระเต็มไปด้วยเลือด ผู้บำเพ็ญตนของแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากอดที่จะร่างสั่นเทิ้ม ขวัญหนีดีฝ่อเพียงแค่ได้ยินชื่อของสิบวัชระ
“คนเดินทางผ่านมาเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย
“ฉางจินต้งของข้ามีความแค้นอะไรกับเจ้า ถึงกับสังหารศิษย์นับล้านของพวกเราไป!” วัชระเหล็กลืมตาทั้งสองข้าง ดั่งวัชระที่โกรธแค้น ท่าทางข่มขวัญผู้คน ส่งเสียงดังน่าเกรงขามขึ้นมา กระทั่งปฐพียังสั่นไหวโคลงแคลงทีหนึ่ง
“อ๋อ มีจำนวนถึงล้านรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มท่าทางดูเบื่อหน่าย และกล่าวว่า “ความแค้นน่ะไม่มี เพียงแต่พวกเจ้ามีตาหามีแววไม่ รื้อบ้านไม้ของข้า ข้าไม่สบอารมณ์ในใจ ดังนั้นจึงจัดการสังหารสิ้นพวกเจ้า เหตุผลนี้เพียงพอมั้ย?” บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกงงงัน เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...