ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2591

สรุปบท ตอนที่ 2591 สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปตอน ตอนที่ 2591 สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว – จากเรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2591 สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ของนิยายActionเรื่องดัง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2591 สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
วัชระเหล็กถูกคำพูดของหลี่ชิเย่ยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือด พวกเขาสิบวัชระเกรียงไกรเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เคยถูกใครดูถูกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เคยถูกคนอื่นเชิดใส่เช่นนี้เมื่อไหร่กัน?

“ดี ดี ดี…” วัชระเหล็กโกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา หัวเราะเยาะและกล่าวว่า “พวกเราสิบวัชระผาดโผนทั่วหล้า ฉางจินต้งพวกเราเป็นใหญ่ตลอดกาล เป็นครั้งแรกที่พบเจอคนที่หาญกล้ากล่าววาจาอวดดีว่าจะสังหารพวกเรา!”

“บอกได้แต่เพียงพวกเจ้าขี้โม้เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “คนอื่นเขาไม่สังหารเจ้า เป็นการบ่งบอกว่าเจ้านั้นอ่อนเกินไป ไม่เข้าตา ถูกเขาเมินใส่”

“เจ้า…” สีหน้าของวัชระเหล็กดำคล้ำ เดิมทีเขาก็แค่พูดคำพูดที่โกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า พลันถูกหลี่ชิเย่ใช้คำพูดย้อนจนหน้าหงายกลับไป

ผู้คนจำนวนไม่น้อยแอบหัวเราะในใจ เมื่อเห็นวัชระเหล็กถูกยั่วโมโหจนใบหน้าดำคล้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิบวัชระล้วนแล้วแต่อันธพาลไร้เหตุผล มาวันนี้คนชั่วย่อมต้องมีคนชั่วมาปราบ เมื่อพบเจอกับคนชั่วอย่างคนโหดอันดับหนึ่งเข้า วัชระเหล็กก็ได้แต่โชคร้ายแล้ว

“ผู้เยาว์ ทำอะไรอย่าให้มันเกินไปนัก หากทำเรื่องให้ถึงขีดสุดมันจะเป็นการรนหาที่ตายเอง!” สีหน้าวัชระเหล็กดำคล้ำ กล่าวน่าเกรงขามว่า “เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะมีชาติกำเนิดอะไร มีเบื้องหลังอย่างไร เมื่อไหร่ที่ทำเรื่องถึงที่สุดแล้วล่ะก็ เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถคุ้มครองเจ้าได้ ถึงตอนนั้นแล้วเจ้าได้แต่ก้าวเดินสู่ทางตัน”

“ไม่…” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าไม่ต้องการความคุ้มครองอะไร อีกทั้งข้าชอบที่จะทำเรื่องให้ถึงที่สุดอย่างนี่แหละ ทำลายฉางจินต้งอะไรพวกเจ้าแล้วมันจะเป็นอย่างไรล่ะ? ก็แค่เหยียบรังมดรังหนึ่งให้แหลกละเอียดไปไม่ใช่รึ? เรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรได้ ถึงกับต้องให้ข้าคิดทบทวนอย่างนั้นรึ?”

วัชระเหล็กถูกยั่วโมโหจนตัวสั่น สีหน้าดำคล้ำยิ่งนัก การเปิดปากพูดทุกครั้งของหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่เด็ดขาด ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย…” ในเวลานี้เอง เสียงที่บ่งบอกถึงความดูแคลน และน่าครั่นคร้ามดังขึ้น “ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ วันนี้จะส่งเจ้าลงนรก”

จังหวะที่วัชระเหล็กถูกยั่วโมโหจนตัวสั่นเทาอยู่นั้น เสียงที่บ่งบอกถึงการดูแคลน เปี่ยมด้วยกลิ่นอายการฆ่าดังขึ้น เรือรบยานแม่อีกลำหนึ่งได้แผ่ประกายสีทองขึ้นมา เห็นร่างเงาของคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น พวยพุ่งประกายสีทองออกมา เสมือนดั่งเป็นพระพุทธรูปสีทององค์หนึ่งอย่างนั้น

‘วัชระทองคำ’ มีผู้อดที่จะร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นผู้ที่ทั่วร่างเปล่งประกายสีทองออกมา

คนผู้นี้ก็คือวัชระทองคำ หนึ่งในสิบวัชระนั่นเอง เป็นระดับบรรพบุรุษคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านความโหด

“เฮ่อ จะเป็นวัชระเหล็ก วัชระทองคำอะไรนั่น” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองหน้าพวกเขาสักครั้งหนึ่ง และกล่าวว่า “ล้วนแล้วแต่เศษเหล็กกองหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้ายังจะมีวัชรทองแดง วัชระเงิน วัชระหิน…อะไรก็ไสหัวออกมาให้หมดก็แล้วกัน ไม่ต้องออกมาทีละคนๆ ข้าจัดการเก็บกวาดพวกเจ้าเสียให้หมด จะได้เงียบสงบสักที”

ทุกคนอดที่จะหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง เหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตามเขาก็จะอวดดีปราศจากผู้เทียบเทียม ปริปากก็ดูแคลนต่อสิบวัชระโดยตรง ท่าทีไม่เคยเห็นสิบวัชระอยู่ในสายตาเลยอย่างนั้น

วัชระทองคำที่เพิ่งจะเผยโฉมออกมาก็มีสีหน้าที่ดูไม่จืดจนถึงขีดสุด พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมา

เสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์…แต่ละเสียงที่ดังขึ้น หลังจากที่หลี่ชิเย่เพิ่งจะพูดขาดคำ มองเห็นเรือรบยานแม่ทั้งสิบลำต่างทยอยกันเปล่งประกายออกมา ในเวลานี้เอง ร่างเงาแต่ละสายปรากฏขึ้น ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านาทีนี้สิบวัชระต่างเผยโฉมออกมาพร้อมกันแล้ว

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่สิบวัชระต่างปรากฏตัวขึ้นมานั้น กลิ่นอายที่น่ากลัวพลันปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมาถึงอย่างนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะสิบวัชระได้ล้อมเป็นวงนั้น พวกเขาเสมือนหนึ่งกำลังจะก่อให้เกิดพายุร้ายที่น่ากลัวที่สุดในโลกขึ้นมาอย่างนั้น นาทีนี้กลิ่นอายที่น่ากลัวของพวกเขาได้อาละวาดฟ้าดินอยู่ในขณะนี้ ท่าทีที่ดุจดั่งพายุร้ายของพวกเขาเหมือนต้องการฉีกฟ้าดินให้ขาดกระจุยอย่างนั้น

“น้อยครั้งนักที่สิบวัชระจะลงมือพร้อมกัน ทอดสายตามองออกไปในแดนลัทธิราชัน ใครบ้างสามารถรับมือกับการร่วมมือกันของสิบวัชระได้ เกรงว่าคงมีอยู่ไม่กี่คนกระมัง” มีผู้ที่อดจะกล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมาไม่ได้

“เป็นความจริงที่การร่วมมือของสิบวัชระนั้นน่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม ครั้งนั้น ขณะฮ่องเต้ไท่ชิง เผชิญหน้ากับการร่วมมือของสิบวัชระก็ไม่ต้องการเสี่ยงลงมือ” มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ในแดนลัทธิราชัน ผู้ที่สามารถต้านรับกับการร่วมมือของสิบวัชระได้อย่างแท้จริงมีอยู่ไม่มาก”

“คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส…” ในเวลานี้เอง การยืนอยู่ที่ตรงนั้นของสิบวัชระ เสมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์สิบลูกที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ ให้ความรู้สึกผู้คนไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ทำให้มีความรู้สึกที่พลุ่งพล่านต้องการกราบไหวและแหงนหน้ามอง

เวลานี้ สิบวัชระยืนอยู่ที่ตรงนั้นอย่างทระนง หนึ่งในสิบวัชระได้ก้มมองดูหลี่ชิเย่และกล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “มั่นใจในตนเองเป็นเรื่องดี แต่ ถ้ามั่นใจมากเกินไปก็คือโง่เขลา…”

“คำพูดไร้สาระมากเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาคุยเล่นสนุกสนานกับพวกเจ้า ในเมื่อพวกเจ้าต้องการก้มมองเหล่าเวไนยสัตว์ให้ได้ ก็เริ่มได้เลย”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ เห็นร่างของเขาแวบหนึ่งพลันหายตัวไปทันที

“อย่าได้กำแหง…” มีวัชระที่กางมือออก คว้าดาวจับจันทรา ม่านฟ้าแหดิน เสมือนดั่งเป็นสุดยอดกรงขังที่ยอดเยี่ยม ตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่าง หวังจะขังตัวหลี่ชิเย่เอาไว้

“แค่กรงเล็บนกเท่านั้นเอง…” มือของหลี่ชิเย่ที่ยื่นออกไป พลันจัดการบีบนิ้วทั้งห้าที่คล้ายดั่งเป็นกรงขังนั่นเอาไว้ ได้ยินเสียงดังคร๊ากกกเสียงหนึ่ง นิ้วมือทั้งห้าถูกจับหักจนปรากฎเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นเสียงหนึ่ง เลือดสาดเป็นทาง

“ไสหัวไปให้พ้น…” วัชระอีกผู้หนึ่งหวังจะจู่โจมเข้ามาทางด้านหลัง หลี่ชิเย่ยกเท้าฟาดกลับไป ได้ยินเสียงดังปัง เท้าข้างนั้นได้ฟาดเข้าบริเวณหน้าอกของเขา จัดการถีบเขาลงมาจากบนท้องฟ้า พุ่งชนเข้ากับพื้นดินอย่างจัง เหลือทิ้งไว้ให้เห็นเพียงหลุมลึกหลุมหนึ่ง

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง หลี่ชิเย่ควงหมัดไปตามอารมณ์จัดการทุบเอาเจดีย์ที่วัชระอีกผู้หนึ่งถืออยู่จนแหลกละเอียด…

การลงมือของหลี่ชิเย่นับว่ารวดเร็วเหลือเกิน เสมือนดั่งเป็นลำแสงสายฟ้าแลบอย่างนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็จัดการส่งวัชระแต่ละคนจนตัวปลิว ในเวลานั้นเองเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นลงสลับไม่หยุด และมองเห็นเลือดสดๆ ที่แตกกระจาย

อ๊ากกก…เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น มองเห็นวัชรคนสุดท้ายที่เพิ่งจะกระโดดเหินฟ้าขึ้นมา หลี่ชิเย่ยกเท้าข้างหนึ่งกระทืบลงไป เหมือนเหยียบลงบนหลังของนกตัวหนึ่งอย่างนั้น ได้ยินเสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง วัชระผู้นี้ถูกเท้าข้างหนึ่งถีบลงมาจากบนท้องฟ้า พุ่งชนกระแทกเข้ากับภูเขาลูกหนึ่ง ทำให้ภูเขาลูกนี้เริ่มแตกละเอียดจากส่วนบนสุดกระทั่งลงไปถึงตีนเขาจึงหยุด

พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือเสมือนดั่งเป็นพายุที่หอบกวาดเอาเมฆบนท้องฟ้าจนหายวับไปกับตา เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นก็ล้มสิบวัชระลงทั้งหมด

ภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น สิบวัชระคล้ายดั่งเป็นอุกาบาตรแต่ละลูกที่ถูกหลี่ชิเย่ยิงลงมาจากบนท้องฟ้า เลือดแตกกระจายย้อมท้องฟ้าจนแดงฉาน เสียงร้องน่าเวทนาดังสลับขึ้นมา เสียงกระดูกที่แตกหักยิ่งดูจะแสบแก้วหูยิ่งนัก

เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น บนท้องฟ้าดูโล่งไปหมดเหลือหลี่ชิเย่ยืนอยู่เพียงคนเดียว เสื้อของเขาปลิวสะบัดไปตามลม การยืนอยู่ตรงนั้นของเขาดูจะตามอารมณ์ยิ่ง ช่างมีอิสระสบายอารมณ์อะไรอย่างนั้น เหมือนว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ลงมืออะไร เป็นเพียงการเด็ดบุปผาดีดใบไม้ไปตามอารมณ์เท่านั้น

ในเวลานี้ เหมือนว่าสิ่งที่ถูกเขาโจมตีจนตกลงไปนั้นหาใช่สิบวัชระอะไร แต่เป็นการงอนิ้วมือแล้วดีดเอามดสิบตัวออกไปตามอารมณ์เท่านั้น และทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่ได้สิ้นเปลืองพลังงานอะไรเลย

………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล