“ดี ดี ดี…” วัชระเหล็กโกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา หัวเราะเยาะและกล่าวว่า “พวกเราสิบวัชระผาดโผนทั่วหล้า ฉางจินต้งพวกเราเป็นใหญ่ตลอดกาล เป็นครั้งแรกที่พบเจอคนที่หาญกล้ากล่าววาจาอวดดีว่าจะสังหารพวกเรา!”
“บอกได้แต่เพียงพวกเจ้าขี้โม้เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “คนอื่นเขาไม่สังหารเจ้า เป็นการบ่งบอกว่าเจ้านั้นอ่อนเกินไป ไม่เข้าตา ถูกเขาเมินใส่”
“เจ้า…” สีหน้าของวัชระเหล็กดำคล้ำ เดิมทีเขาก็แค่พูดคำพูดที่โกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า พลันถูกหลี่ชิเย่ใช้คำพูดย้อนจนหน้าหงายกลับไป
ผู้คนจำนวนไม่น้อยแอบหัวเราะในใจ เมื่อเห็นวัชระเหล็กถูกยั่วโมโหจนใบหน้าดำคล้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิบวัชระล้วนแล้วแต่อันธพาลไร้เหตุผล มาวันนี้คนชั่วย่อมต้องมีคนชั่วมาปราบ เมื่อพบเจอกับคนชั่วอย่างคนโหดอันดับหนึ่งเข้า วัชระเหล็กก็ได้แต่โชคร้ายแล้ว
“ผู้เยาว์ ทำอะไรอย่าให้มันเกินไปนัก หากทำเรื่องให้ถึงขีดสุดมันจะเป็นการรนหาที่ตายเอง!” สีหน้าวัชระเหล็กดำคล้ำ กล่าวน่าเกรงขามว่า “เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะมีชาติกำเนิดอะไร มีเบื้องหลังอย่างไร เมื่อไหร่ที่ทำเรื่องถึงที่สุดแล้วล่ะก็ เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถคุ้มครองเจ้าได้ ถึงตอนนั้นแล้วเจ้าได้แต่ก้าวเดินสู่ทางตัน”
“ไม่…” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าไม่ต้องการความคุ้มครองอะไร อีกทั้งข้าชอบที่จะทำเรื่องให้ถึงที่สุดอย่างนี่แหละ ทำลายฉางจินต้งอะไรพวกเจ้าแล้วมันจะเป็นอย่างไรล่ะ? ก็แค่เหยียบรังมดรังหนึ่งให้แหลกละเอียดไปไม่ใช่รึ? เรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรได้ ถึงกับต้องให้ข้าคิดทบทวนอย่างนั้นรึ?”
วัชระเหล็กถูกยั่วโมโหจนตัวสั่น สีหน้าดำคล้ำยิ่งนัก การเปิดปากพูดทุกครั้งของหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่เด็ดขาด ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย…” ในเวลานี้เอง เสียงที่บ่งบอกถึงความดูแคลน และน่าครั่นคร้ามดังขึ้น “ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ วันนี้จะส่งเจ้าลงนรก”
จังหวะที่วัชระเหล็กถูกยั่วโมโหจนตัวสั่นเทาอยู่นั้น เสียงที่บ่งบอกถึงการดูแคลน เปี่ยมด้วยกลิ่นอายการฆ่าดังขึ้น เรือรบยานแม่อีกลำหนึ่งได้แผ่ประกายสีทองขึ้นมา เห็นร่างเงาของคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น พวยพุ่งประกายสีทองออกมา เสมือนดั่งเป็นพระพุทธรูปสีทององค์หนึ่งอย่างนั้น
‘วัชระทองคำ’ มีผู้อดที่จะร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นผู้ที่ทั่วร่างเปล่งประกายสีทองออกมา
คนผู้นี้ก็คือวัชระทองคำ หนึ่งในสิบวัชระนั่นเอง เป็นระดับบรรพบุรุษคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านความโหด
“เฮ่อ จะเป็นวัชระเหล็ก วัชระทองคำอะไรนั่น” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองหน้าพวกเขาสักครั้งหนึ่ง และกล่าวว่า “ล้วนแล้วแต่เศษเหล็กกองหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้ายังจะมีวัชรทองแดง วัชระเงิน วัชระหิน…อะไรก็ไสหัวออกมาให้หมดก็แล้วกัน ไม่ต้องออกมาทีละคนๆ ข้าจัดการเก็บกวาดพวกเจ้าเสียให้หมด จะได้เงียบสงบสักที”
ทุกคนอดที่จะหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง เหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตามเขาก็จะอวดดีปราศจากผู้เทียบเทียม ปริปากก็ดูแคลนต่อสิบวัชระโดยตรง ท่าทีไม่เคยเห็นสิบวัชระอยู่ในสายตาเลยอย่างนั้น
วัชระทองคำที่เพิ่งจะเผยโฉมออกมาก็มีสีหน้าที่ดูไม่จืดจนถึงขีดสุด พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมา
เสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์…แต่ละเสียงที่ดังขึ้น หลังจากที่หลี่ชิเย่เพิ่งจะพูดขาดคำ มองเห็นเรือรบยานแม่ทั้งสิบลำต่างทยอยกันเปล่งประกายออกมา ในเวลานี้เอง ร่างเงาแต่ละสายปรากฏขึ้น ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านาทีนี้สิบวัชระต่างเผยโฉมออกมาพร้อมกันแล้ว
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่สิบวัชระต่างปรากฏตัวขึ้นมานั้น กลิ่นอายที่น่ากลัวพลันปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมาถึงอย่างนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะสิบวัชระได้ล้อมเป็นวงนั้น พวกเขาเสมือนหนึ่งกำลังจะก่อให้เกิดพายุร้ายที่น่ากลัวที่สุดในโลกขึ้นมาอย่างนั้น นาทีนี้กลิ่นอายที่น่ากลัวของพวกเขาได้อาละวาดฟ้าดินอยู่ในขณะนี้ ท่าทีที่ดุจดั่งพายุร้ายของพวกเขาเหมือนต้องการฉีกฟ้าดินให้ขาดกระจุยอย่างนั้น
“น้อยครั้งนักที่สิบวัชระจะลงมือพร้อมกัน ทอดสายตามองออกไปในแดนลัทธิราชัน ใครบ้างสามารถรับมือกับการร่วมมือกันของสิบวัชระได้ เกรงว่าคงมีอยู่ไม่กี่คนกระมัง” มีผู้ที่อดจะกล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมาไม่ได้
“เป็นความจริงที่การร่วมมือของสิบวัชระนั้นน่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม ครั้งนั้น ขณะฮ่องเต้ไท่ชิง เผชิญหน้ากับการร่วมมือของสิบวัชระก็ไม่ต้องการเสี่ยงลงมือ” มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ในแดนลัทธิราชัน ผู้ที่สามารถต้านรับกับการร่วมมือของสิบวัชระได้อย่างแท้จริงมีอยู่ไม่มาก”
“คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส…” ในเวลานี้เอง การยืนอยู่ที่ตรงนั้นของสิบวัชระ เสมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์สิบลูกที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ ให้ความรู้สึกผู้คนไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ทำให้มีความรู้สึกที่พลุ่งพล่านต้องการกราบไหวและแหงนหน้ามอง
เวลานี้ สิบวัชระยืนอยู่ที่ตรงนั้นอย่างทระนง หนึ่งในสิบวัชระได้ก้มมองดูหลี่ชิเย่และกล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “มั่นใจในตนเองเป็นเรื่องดี แต่ ถ้ามั่นใจมากเกินไปก็คือโง่เขลา…”
“คำพูดไร้สาระมากเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาคุยเล่นสนุกสนานกับพวกเจ้า ในเมื่อพวกเจ้าต้องการก้มมองเหล่าเวไนยสัตว์ให้ได้ ก็เริ่มได้เลย”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ เห็นร่างของเขาแวบหนึ่งพลันหายตัวไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...