ตอนที่ 2599 คนตายฟื้นคืนชีพ
ตำหนักทองแดงตั้งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ดูมีความเคร่งขรึมน่าเคารพและโอ่อ่าน่าเกรงขาม เสมือนดั่งเป็นตำหนักศักดิ์สิทธิ์ของผู้มีอำนาจสูงสุดสมัยดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ตำหนักทองแดงศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวได้เปล่งประกายเจิดจ้าละลานตาออกมา เหมือนว่าตำหนักทองแดงศักดิ์สิทธิ์หลังนี้ไม่ใช่ของโลกใบนี้ คล้ายลงมาจากแดนสวรรค์อย่างนั้น
ตำหนักทองแดงศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้สร้างขึ้นโดยอาศัยโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์ที่สุด ยิ่งกว่าผ่านการทุบตีเป็นร้อยครั้งพันครั้งเสียอีก ไม่เพียงไม่มีเศษสิ่งเจือปนแม้แต่น้อยนิด มันยังเป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์มากที่สุดนำมาหลอมกลั่นอีกครั้ง เรียกได้ว่าได้ล้ำเกินไปกว่าตัวของโลหะศักดิ์สิทธิ์เองไปแล้ว
ลองนึกภาพดู ด้วยตัวตำหนักทองแดงที่หลังขนาดใหญ่เช่นนี้ ประกอบด้วยวัตถุดิบที่เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่เท่าใด ดังนั้น จิตวิญญาณที่แผ่กระจายออกมาจึงมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก มีพลังในการสยบจิตใจของผู้คนได้ เมื่อยืนอยู่ด้านหน้าของตำหนักทองแดงเช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนบังเกิดอารมณ์อยากจะเข้ากราบสามครั้งโขกศีรษะเก้าครั้ง
ตำหนักทองแดงแลดูเป็นประกายเคลื่อนไหวและสีสันที่เอ่อล้น ทำให้ผู้พบเห็นอดที่จะใจเต้นตูมตามไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาปรมาจารย์ด้านการหลอมสร้างอาวุธ เมื่อได้เห็นตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้แล้วอดที่จำกลืนน้ำลายลงคอคำหนึ่ง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่สามารถครอบครองวัตถุดิบที่เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้อยู่แล้ว ถ้าหากพวกเขาได้ครอบครองวัตถุดิบเช่นนี้ แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยของตำหนักทองแดงนี้ ด้วยวัตถุดิบที่เป็นเพียงริมขอบเช่นนี้ พวกเขาก็สามารถหลอมสร้างเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดขึ้นมาได้
“อากาศร้อนอบอ้าวนัก ก็ดี จะได้มีสถานที่ที่สำหรับหลบร้อนตากลมที่ดีสักแห่ง” หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ปล่อยตำหนักทองแดงลงมาแล้ว ดูจะพึงพอใจอย่างยิ่ง ตบมือและหัวเราะขึ้นมา
คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้ทุกคนต้องอึ้ง ทุกคนล้วนแล้วแต่ยิ้มเจื่อนๆ ด้วยวัตถุดิบที่ล้ำค่ายิ่งของโลหะศักดิ์สิทธิ์นำมาสร้างเป็นตำหนักทองแดงหลังหนึ่ง มันก็เรียกว่าสิ้นเปลืองและเป็นการถลุงเงินดั่งเบี้ยมากพอแล้ว
ที่ใช้เงินเป็นเบี้ยมากยิ่งกว่าก็คือ ถึงกับใช้ตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้มาหลบร้อนตากลม มันช่างเป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือยมากเหลือเกิน
ตำหนักทองแดงหลังเช่นนี้เรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้ ไม่รู้ว่ามีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ หรือราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ครอบครองตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้มาเป็นพระตำหนักเพื่อการพักผ่อนเป็นครั้งคราว ถ้าหากมีตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้มาเป็นตำหนักที่ไว้พักผ่อนชั่วคราวจริงล่ะก็ ย่อมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง สามารถเป็นของล้ำค่าประจำตระกูลเลยทีเดียว
ทว่า ด้วยตำหนักทองแดงที่ประเมินค่าไม่ได้หลังนี้ หลี่ชิเย่เพียงแค่นำมาใช้หลบร้อนตากลมเท่านั้นเอง สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นสุดจะจินตนาการได้ ไม่สามารถประเมินได้ การใช้เงินดั่งเบี้ยเช่นนี้ได้เกินกว่าความรู้ทั่วไป่ของคนทั่วไปแล้ว มันเกินเลยกว่าขอบเขตการจินตนาการของทุกๆ คนไปแล้ว
ในเวลานี้ ทุกคนนอกจากยิ้มเจื่อนๆ แล้ว ก็คืออึ้งไปเลย บางทีอาจมีเพียงคนที่เหมือนเช่นคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นจึงใช้เงินเป็นเบี้ยเช่นนี้ และกระทำการฟุ่มเฟือยด้วยการเอาตำหนักทองแดงลักษณะเช่นนี้มาเป็นสถานที่สำหรับหลบร้อนตากลมแล้ว
หลี่ชิเย่ร่อนลงมาอย่างช้าๆ หวูโหย่วเจิ้ง และหลินยี่เสวี่ยรู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นเท้าทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่แตะพื้น พวกเขาก้มกราบกับพื้นไม่อาจลุกขึ้นอยู่เป็นเวลานาน
“ขอบคุณคุณชาย คุณชายคือผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของเมืองหมิงลั่วเฉิง เป็นพระเจ้าผู้ช่วยโลกของเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเรา คุณชายได้ช่วยราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเรา ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะทดแทน ได้แต่เป็นม้าเป็นควาย ทำงานให้กับคุณชายทุกชาติไป…” หวูโหย่วเจิ้งที่ก้มกราบอยู่กับพื้นซาบซึ้งจนน้ำตาไหลล้นเบ้าตา หากไม่มีหลี่ชิเย่ อย่าว่าแต่เมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเขา แม้แต่ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นก็ต้องหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว
มาวันนี้ได้หลี่ชิเย่ลงมือ เป็นการบ่งบอกว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเขาได้รับการประกันแล้ว ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นของพวกเขาได้รับการประกันแล้ว อย่างน้อยก็ไม่เหมือนดั่งเนื้อบนเขียงที่สุดแต่ผู้คนจะเชือดเฉือนตามอำเภอใจ
“บนโลกไม่มีพระเจ้าที่ช่วยโลก คนอื่นช่วยเจ้าได้ชั่วคราวก็ช่วยเจ้าตลอดไปไม่ได้ ท้ายสุดแล้วยังคงต้องพึ่งตนเอง” หลี่ชิเย่มองดูหวูโหย่วเจิ้งศิษย์อาจารย์ทีหนึ่ง และกล่าวท่าทีเฉยเมย จากนั้นหันหลังก้าวเดินเข้าไปในตำหนักทองแดง
ภายในใจของหวูโหย่วเจิ้งยังคงซาบซึ้งอย่างยิ่งแม้หลี่ชิเย่จะพูดเช่นนี้ก็ตาม กราบสามครั้งโขกศีรษะเก้าครั้ง สุดท้าย ค่อยลุกขึ้นยืนและก้าวตามหลี่ชิเย่เข้าไปในตำหนักทองแดง
“สิ้นสุดกันแล้ว” มีผู้ที่พูดแผ่วเบาขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่หนีไปบนท้องฟ้าจึงค่อยๆ เหินฟ้าลงมายังเมืองหมิงลั่วเฉิงช้าๆ และรู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่ง
ความจริงแล้วการศึกเมื่อครู่กินเวลาสั้นมาก นับแต่หลี่ชิเย่ลงมือถึงสงครามปิดฉากลง มันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง
แต่ทว่า ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้เอง เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากเหลือเกิน สิบวัชระตายอย่างอนาถ กองเรือรบทั้งกองของฉางจินต้งหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว เรื่องเช่นนี้หากแพร่ออกไป เป็นความจริงที่เป็นเรื่องสร้างความสะเทือนหวั่นไปทั่วทั้งแดนลัทธิราชันแน่นอน
หลังจากเหตุการณ์ที่สะเทือนเลื่อนลั่นเช่นนี้สิ้นสุดลงแล้ว เมืองหมิงลั่วเฉิงที่เดิมคึกคักก็เงียบสงบขึ้นอีกครั้ง ก่อนหน้านั้น หลังจากที่มีสำนักและระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจากภายนอกจำนวนเท่าไรมาถึงเมืองหมิงลั่วเฉิงแล้ว ช่างเป็นสภาพที่คึกคักเช่นใด แต่ในขณะนี้กลับกลายเป็นเงียบสงบยิ่งนัก
ก่อนหน้านั้น มีสำนักและระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนเท่าไรหลังจากมาถึงเมืองหมิงลั่วเฉิงแล้ว ช่างโอหังอวดดี และใช้อำนาจบาตรใหญ่อะไรขนาดนั้น พูดได้อย่างต็มปากว่า ยอดฝีมือจำนวนมากของสำนักและระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจากภายนอกหลังจากมาถึงเมืองหมิงลั่วเฉิงแล้ว เรียกได้ว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่เดินเกะกะขวางทางเหมือนดั่งปูอย่างนั้น ขณะเดินอยู่บนถนนเรียกได้ว่าเดินขวางทั้งนั้น ทำตามอำเภอใจชัดๆ
เนื่องจากกล่าวสำหรับบรรดายอดฝีมือของสำนักและระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจากภายนอก พวกเขาไม่เคยมองราษฎร และผู้บำเพ็ญตนดั้งเดิมของเมืองหมิงลั่วเฉิงอยู่ในสายตา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นได้ตกต่ำลงแล้ว เฉกเช่นราษฎร และผู้บำเพ็ญตนดั้งเดิมของเมืองหมิงลั่วเฉิงในสายตาของพวกเขามีสถานะเสมือนดั่งมดปลวกโดยแท้
ดังนั้น หลังจากที่พวกเขามาถึงเมืองหมิงลั่วเฉิงแล้ว สำนักและระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิบางแห่งจ่ายเงินจัดการซื้อเอาพื้นที่ของราษฎร และผู้บำเพ็ญตนดั้งเดิมของเมืองหมิงลั่วเฉิงโดยตรง โดยไม่สนใจว่าจะยินยอมขายหรือไม่ การกระทำเช่นนี้นับว่าเป็นวิธีการที่มีวัฒนธรรมมากแล้ว ที่โหดมากกว่านี้ก็คือจัดการขับไล่ราษฎร และผู้บำเพ็ญตนดั้งเดิมของเมืองหมิงลั่วเฉิงออกไป แล้วอาศัยกำลังยึดพื้นที่และบ้านเรือนของพวกเขาโดยตรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...