ตอนที่ 2634 เหยียบจนเละ
ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น คลื่นยักษ์ที่สูงเทียมฟ้านั้นหาใช่คลื่นยักษ์อะไรที่ถาโถมเข้ามา แต่เป็นเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วน ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง
เถาวัลย์ที่เลื้อยบุกเข้ามานั้นมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป มีขนาดเล็กที่เท่าท่อนแขน และขนาดใหญ่คล้ายดั่งเป็นมังกรเจียวหลงตัวหนึ่ง ด้วยเถาวัลย์จำนวนนับพันนับหมื่นเถาได้เลื้อยบุกออกมาจากป่า เป็นภาพเหตุการณ์ที่แลดูอลังการอย่างยิ่ง
เถาวัลย์ที่เลื้อยเข้ามาไม่เพียงมาจากภาคพื้นดินเท่านั้น ยังมีที่เลื้อยเข้ามาจากบนท้องฟ้า ดังนั้น ขณะที่เถาวัลย์นับพันนับหมื่นเถาเลื้อยบุกเข้ามานั้น บ้างมองดูคล้ายกองทัพนับพันนับหมื่นที่วิ่งห้อเข้ามา บ้างเหมือนมังกรเจียวหลงนับพันนับหมื่นตัวที่กำลังส่งเสียงคำราม
ดังนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง บนท้องฟ้าพลันมืดดำลง เถาวัลย์นับพันนับหมื่นเถาที่วิ่งห้อเข้ามาด้วยความเร็วที่ยากจะหาผู้ใดเทียม ทั้งหมดวิ่งตรงเข้าหาหลี่ชิเย่ ไม่เพียงต้องการปกคลุมตัวหลี่ชิเย่เอาไว้ และยังต้องการรัดตัวหลี่ชิเย่เอาไว้จนแน่น
การที่ลู่เคอะเวิงใช้วิธีการเช่นนี้ก็เพื่อต้องการฉกฉวยโอกาสขณะหลี่ชิเย่เสียสมาธิ แล้วช่วยหลูเหว่ยจวินออกมา
ที่น่ากลัวยังไม่ใช่เถาวัลย์นับพันนับหมื่นที่ส่งเสียงคำรามและเลื้อยบุกเข้ามาดั่งคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดเข้ามา ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ขณะที่เถาวัลย์นับพันนับหมื่นเถานี้ยังไม่ทันถึงตัวของหลี่ชิเย่ ก็ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา
นาทีนี้ ใต้พื้นดิน ข้างกายของหลี่ชิเย่ ขอเพียงที่ที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่ ถึงกับปรากฏหนวดขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนงอกขึ้นมา โดยที่หนวดจับเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นหนวดของเถาวัลย์ทั้งสิ้น โดยที่บรรดาหนวดเหล่านี้ได้งอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกมันคิดจะงอกบนตัวของหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียว ต้องการปกคลุมร่างของหลี่ชิเย่เอาไว้ และห่อหุ้มตัวของหลี่ชิเย่เอาไว้ให้แน่นหนา
ลู่เคอะเวิงคิดจะอาศัยวิธีการที่ทำให้โลกต้องตกใจก็เพื่อทำให้หลี่ชิเย่ต้องเสียสมาธิ จะได้ช่วยหลู่เหว่ยจวินออกมาได้
“คิดจะช่วยคน ไม่มีทาง” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย ในเวลานี้ได้ยินเสียงดังกริ๊ก หลี่ชิเย่เพียงดีดนิ้วทีหนึ่งเท่านั้นเอง
จังหวะที่หลี่ชิเย่ดีดนิ้วเป็นเสียงดังขึ้นมานั้น สะเก็ดไฟได้กระเด็นออกมาจากระหว่างนิ้วมือของเขา เสียงตูม…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง พลันปรากฏเปลวไฟที่ดั่งคลื่นยักษ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เสมือนหนึ่งไฟลามทุ่งอย่างนั้น พลันทำให้ไหม้ไปทั่วพื้นดิน
สะเก็ดไฟที่ออกมาจากระหว่างนิ้วตกลงไปบนเถาวัลย์ที่วิ่งห้อเข้ามา เมื่อสะเก็ดไฟตกลงบนเถาวัลย์นั้น พลันเหมือนเกิดระเบิดขึ้นมา เสียงตูมดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนพลันลุกขึ้นมาอย่างรุนแรง ทั่วทั้งบริเวณคล้ายดั่งเกิดการระเบิดของภูเขาไฟอย่างนั้น
ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้นมา เถาวัลย์ทั้งหมดพลันลุกไหม้ขึ้นมาทั้งหมด อีกทั้งเปลวเพลิงที่ดั่งคลื่นยักษ์เหมือนเกิดระเบิดขึ้นอย่างนั้น เปลวเพลิงที่น่ากลัวพลันมุ่งหน้าไปทางป่า โดยที่เปลวไฟดังกล่าวมีท่าทีที่รุนแรงยิ่ง มีความทำลายล้างสูง เหมือนต้องการเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้หมดสิ้นอย่างนั้น
“น้ำแข็งผนึกกั้น…” เวลานี้ลู่เคอะเวิงไหนเลยจะมีเวลาไปสนใจหลูเหว่ยจวินอีกต่อไป เมื่อเห็นเปลวเพลิงที่ไล่หลังตามกันมาเป็นลูกๆ ต้องการเผาป่าทั้งป่าให้วอด เขาส่งเสียงร้องดังขึ้นมา น้ำแข็งพลันผนึกคลุมไปทั่วพื้นที่ น้ำแข็งและหิมะที่พวยพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่ดังขึ้น น้ำแข็งที่เย็นยะเยือกนับไม่ถ้วนกำลังดับไฟที่ดั่งคลื่นยักษ์อยู่ในขณะนี้
“เอาล่ะ ข้าจะส่งเจ้าไป” หลี่ชิเย่ไม่สนใจลู่เคอะเวิง มองดูหลูเหว่ยจวินทีหนึ่ง ยิ้มนิดหนึ่ง ยกเท้าข้างหนึ่งกระทืบไปที่หัวของหลูเหว่ยจวิน
“ไม่ ท่านบรรพบุรุษ ช่วยข้าด้วย…” ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อความเป็นความตาย หลูเหว่ายจวินที่ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความหวาดผวา
จังหวะที่เท้าข้างหนึ่งของหลี่ชิเย่เหยียบลงไปที่หัวของหลูเหว่ยจวินนั้น ทันใดนั้นเอง บริเวณหน้าผากของหลูเหว่ยจวินพลันเปิดออก เห็นประกายที่เบ่งบานขึ้นมา ได้ยินเสียงดังแว้งค์เสียงหนึ่ง ที่ทะเลแห่งความรู้ของเขาปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ตามติดด้วยประกายจากทะเลแห่งความรู้ที่พุ่งขึ้นรุนแรง
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียมพลันตลบอบอวลระหว่างฟ้าดิน ในพริบตาเดียวนี้เอง กลิ่นอายที่ก้าวข้ามฟ้าดินหมื่นอาณาจักรสายหนึ่งได้ทิ้งตัวลงมา กาลเวลาทั่วฟ้าดินเสมือนหนึ่งได้หยุดลงอย่างนั้น
ทุกคนต่างเสมือนหนึ่งถูกหยุดอยู่กับที่อย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง บริเวณหน้าผากของหลูเหว่ยจวินปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ดั่งคลื่นยักษ์ และท่ามกลางประกายศักดิ์สิทธิ์เห็นร่างเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ร่างเงาของผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดนักพรต ดวงตาทั้งสองดั่งดวงตะวัน ยามที่เขาลืมตาทั้งสอง เสมือนหนึ่งหยินและหยางที่หมุนเคลื่อนไป ก้าวข้ามหมื่นชาติ
บนตัวของผู้เฒ่าผู้นี้ปรากฏสุดยอดกฎเกณฑ์สูงสุดขึ้นมา และภายใต้กลิ่นอายที่น่ากลัวของชั้นคงความอมตะที่สยบผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ภายใต้กลิ่นอายที่น่ากลัวของชั้นคงความอมตะ ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิ หรือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะต่างก็รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“นักพรตไป๋ยื่อ…” ร่างเงาที่ปรากฎขึ้นมานี้ ทำให้มีผู้หวาดผวาจนร้องเสียงดังขึ้นมา
นี่คือร่างเงาของนักพรตไป๋ยื่อนั่นเอง เวลานี้มองเห็นร่างเงาของนักพรตไป๋ยื่อยกเท้าของหลี่ชิเย่เอาไว้ ทำให้เท้าข้างนี้ของหลี่ชิเย่ไม่สามารถเหยียบลงไปได้
แม้ว่านี่ไม่ใช่การมาด้วยตนเองของนักพรตไป๋ยื่อ แต่ก็เป็นจิตเทพของนักพรตไป๋ยื่อ มันจึงมีพลังส่วนหนึ่งของนักพรตไป๋ยื่ออยู่
ขณะที่จิตเทพสายนี้ปรากฏขึ้นนั้น ฟ้าดินสลด กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่งลงอย่างนั้น แม้ว่าร่างเงาของนักพรตไป๋ยื่อจะไม่ได้สูงใหญ่ แต่เขาเสมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ตรงนั้นไม่สามารถก้าวข้ามได้
“กลิ่นอายระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล” มีผู้ที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง รับรู้ถึงกลิ่นอายที่สามารถกดทับเหล่าชั้นฟ้าจนพังทลาย สังหารเหล่าเทพได้สายนี้ อดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...