ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2669

ตอนที่ 2669 บุกทะลวงเข้าไปอย่างรวดเร็ว

การควงเทือกเขาที่เสมือนดั่งกระบอกเหล็ก แล้วทุบเข้าไปไม่ยั้ง เพียงชั่วพริบตาเดียวก็จัดการทุบจนภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูก หกสิบสี่ร่างเงาปรมาจารย์จนหายวับไปกับตาในพริบตา สุดยอดวิธีการ สถานการณ์ที่ฝืนลิขิตสวรรค์ ถูกเทือกเขาที่เสมือนดั่งกระบอกเหล็กทุบจนแหลกละเอียดไปในชั่วพริบตา

ตลอดขั้นตอนเป็นที่อ้าปากตาค้างจนพูดอะไรไม่ออกของผู้คน ในขั้นตอนระหว่างนี้หลี่ชิเย่ไม่ได้สำแดงสุดยอดเคล็ดวิชาอะไร และไม่ได้เสกเอาอาวุธที่ปราศจากผู้ต่อกรอะไรออกมาเลย

พลันที่ลงมือก็จัดการดึงเอาเทือกเขาขึ้นมาเทือกหนึ่ง แค่รูดทีเดียวก็ทำการหลอมกลั่นเทือกเขาทั้งเทือก จากนั้นควงมันขึ้นมาแล้วทุบเข้าไปเสมือนหนึ่งพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้ทุกสิ่งพังทลายไปสิ้น

ตลอดขั้นตอนหากจะกล่าวไปตามภาพ หลี่ชิเย่เสมือนดั่งบุรุษที่ไม่มีการศึกษาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกิดอยากจะกินไข่นกขึ้นมากะทันหัน หลังจากคว้าเอาท่อนไม้ข้างทางทุบเข้าไปอย่างแรงเป็นระลอกแล้ว ปรากฏนกตายไข่แตกเละ โดยขั้นตอนเป็นไปด้วยความหยาบคาย และป่าเถื่อนอะไรอย่างนั้น

ภาพเช่นนี้ทำให้ทุกคนอ้าปากตาค้างพูดอะไรไม่ออก นี่ไม่เพียงเป็นความดุดันหยาบคาย และเป็นเพราะความป่าเถื่อนของคนโหดอันดับหนึ่ง

“นี่เหมือนเป็นคนป่าเถื่อนนะเนี่ย” มีผู้ที่ตกใจสุดขีดพึมพำขึ้นมา เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ทำลายภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูก และอภินิหารของหกสิบสี่ปรมาจารย์ได้ในพริบตาเดียว

ในเวลานี้ นอกจากคนโหดอันดับหนึ่งจะเป็นภาพแห่งความทรงจำของความไร้เทียมทานแก่ผู้คนแล้ว ขณะเดียวกันก็ให้ภาพแห่งความทรงจำถึงความหยาบคายและป่าเถื่อนกับผู้คนอีกด้วย

เวลานี้ บนตัวของคนโหดอันดับหนึ่งไม่ได้มีบุคลิกลักษณะของความเป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ ไม่ได้มีน้ำใจที่กว้างขวางมีเพียงหนึ่งไม่มีสองแบบปฐมบรรพบุรุษ ในเวลานี้ทุกคนมองว่าคนโหดอันดับหนึ่งก็เสมือนหนึ่งเป็นคนป่าเถื่อนที่ขนาดใหญ่โตมโหฬาร คนป่าเถื่อนเช่นเขาอาศัยเท้าข้างเดียวเหยียบเข้ามา แม้แต่โลกทั้งโลกก็จะต้องพังพินาศย่อยยับแบบนั้น

คนป่าเถื่อนเช่นเขานี้ เพื่อให้ได้ทานไข่นกสักใบแล้ว ใช่เพียงแค่รื้อรังนกทิ้งเท่านั้น ใช่เพียงแค่ถอนรากถอนโคนต้นไม้ที่รังนกตั้งอยู่ กระทั่งแม้แต่ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของรังนกรังนั้นก็ถูกเขารื้อทิ้งจนละเอียดในทันที

นี่แหละคือคนโหดอันดับหนึ่ง ไร้เทียมทาน บ้าคลั่ง โหดร้ายทารุณ ในเวลานี้ภาพแห่งความทรงจำของที่หลี่ชิเย่ให้ไว้กับทุกคนคือเช่นนี้

“มิน่าเล่าเขาจึงมีชื่อว่าคนโหดอันดับหนึ่ง นับว่ามีความโหดร้ายทารุณมากพอจริงๆ” ผู้ที่เพิ่งได้เห็นหลี่ชิเย่ลงมือเป็นครั้งแรก ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

แต่ว่า ภายในใจของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนมากกว่าที่รู้สึกสะเทือนหวั่นไหวอย่างยิ่ง แม้การทุบตีอย่างรุนแรงเป็นระลอกของคนโหดอันดับหนึ่งจะแลดูป่าเถื่อนและหยาบคายอย่างยิ่ง แต่ว่า พลังที่บ่มฝักอยู่ในนั้นมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ช่างน่าสยองขวัญและไร้เทียมทานเช่นใด

เนื่องจากภายใต้พลังที่ป่าเถื่อนและหยาบคายเช่นนี้ เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยเคล็ดวิชาใดๆ หรือกระบวนท่าที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมอีกแล้ว การเปลี่ยนแปลงของสัจธรรมทุกอย่าง การวิวัฒนาการของทุกสิ่ง ภายใต้พลังที่เด็ดขาดแบบนี้แตกละเอียดและพังทลายไปหมดสิ้น

ผู้มีพลังมาก สามารถเอาชนะผู้มีวิทยายุทธสิบคนได้ แม้คำพูดนี้จำไม่ผิด แต่ คิดจะเอาชนะผู้มีวิทยายุทธสิบคน มันจำเป็นต้องอาศัยพลังที่เด็ดขาด ซึ่งจะต้องเป็นหลายสิบเท่า หลายร้อยเท่า กระทั่งหลายหมื่นเท่าขึ้นไป จึงสามารถเอาชนะผู้มีวิทยายุทธสิบคนได้

ภายใต้สัจธรรมที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ภายใต้อภินิหารที่สูงสุด คิดจะอาศัยพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดไปทำให้มันแตกละเอียด และทำลายมันอย่างเด็ดขาด พลังลักษณะเช่นนี้ต้องน่าสยองขวัญจนไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว

“ระดับปฐมบรรพบุรุษ เกินกว่าระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิพรรษอย่างแน่นอน” มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ตระหนักถึงปัญหาที่มีความรุนแรง อดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้

ทุกคนต่างรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่ง และล้วนแล้วแต่ตระหนักถึงความไร้เทียมทานของคนโหดอันดับหนึ่ง แต่ว่า ในเวลานี้มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ตระหนักอย่างแท้จริงว่า คนโหดอันดับหนึ่งใช่เพียงไร้เทียมทานแค่นั้น ความไร้เทียมทานของเขานั้นได้อยู่เหนือกว่าความไร้เทียมทานโดยทั่วไปแล้ว เกรงว่าระดับปฐมบรรพบุรุษทั่วไปไม่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้อีกแล้ว

ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อหลี่ชิเย่จัดการโยนเทือกเขาขนาดใหญ่โตมโหฬารที่ดั่งกระบองเหล็กลงพื้นตามอารมณ์นั้น ทำเอาพื้นแผ่นดินถูกทุบจนกลายเป็นร่องลึก ภูเขาและแม่น้ำจำนวนนับไม่ถ้วนแตกละเอียด

หลังจากทุบภูเขาศักดิ์สิทธิ์หกสิบสี่ลูกจนแหลกละเอียดไปแล้ว ในเวลานี้หลี่ชิเย่จึงได้ทำท่าบิดขี้เกียจทีหนึ่ง และกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ที่เรียกว่าอภินิหาร มันก็อย่างนั้นๆ ตระกูลมู่ก็เท่านี้เอง”

เป็นคำพูดที่พูดกันง่ายๆ และพูดได้เอ้อระเหยยิ่ง แต่กลับทำให้ผู้คนต้องหายใจไม่ออกโดยพลัน ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกเหมือนคอของตนถูกคนเขาบีบเอาไว้แน่นจนหายใจไม่ออก

ตระกูลมู่คือหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนลัทธิราชันในยุคปัจจุบัน ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนลัทธิราชัน เย้ยหยันใต้หล้า สยบทั่วหล้า แต่ว่ามาวันนี้เมื่อออกจากปากของคนโหดอันดับหนึ่งกลับกลายเป็น “มันก็แค่นี้เอง”

พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทำให้ศิษย์ตระกูลมู่จำนวนเท่าไรมีสีหน้าแดงก่ำ แต่ยังคงได้แต่หวานอมขมกลืนไม่กล้าพูดอะไรออกมา

เป็นเวลาเนิ่นนานเท่าไรแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่มายังตระกูลมู่ของพวกเขาล้วนแล้วแต่ตัวสั่นงันงก ต่อให้ไม่ได้ให้ความเคารพสูงสุดก็ต้องมีท่าทีเคารพนอบน้อมยิ่งนัก จะอย่างไรเสีย ตระกูลมู่ของพวกเขาคือหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนลัทธิราชัน สามารถกวาดล้างสำนักเจ้าลัทธิแห่งใดแห่งหนึ่งในแดนลัทธิราชันจนราบคาบได้ ใครเล่ากล้าไม่ให้ความเคารพต่อตระกูลมู่

ทว่า มาวันนี้ คนโหดอันดับหนึ่งนอกจากจะเหยียบย้ำตระกูลมู่ของพวกเขา ทำลายบ้านเมืองของพวกเขาจนแหลกลาญ ยังเชิดใส่ต่อตระกูลมู่ของพวกเขา สิ่งนี้กล่าวสำหรับตระกูลมู่ของพวกเขาแล้ว ใช่เพียงแค่ทำให้พวกเขาต้องอับอายขายหน้าเท่านั้น

แต่ว่า แม้คนโหดอันดับหนึ่งจะทำให้ตระกูลมู่ของพวกเขาต้องอับอายขายหน้าอย่างชัดแจ้ง แต่ว่า ศิษย์ของตระกูลมู่ทำได้แค่มีใบหน้าที่แดงก่ำเท่านั้น หวานอมขมกลืน ต้องกล้ำกลืนความอัปยศเอาไว้

สมควรทราบว่า นาทีนี้ในสายตาของคนโหดอันดับหนึ่ง พวกเขาที่เป็นศิษย์ตระกูลมู่ซึ่งปรกติดูจะเหนือชั้นกว่าผู้อื่น ก็แค่มดปลวกเท่านั้นเอง

“เอาล่ะ ตระกูลมู่ออกมารับมือเถอะ วันนี้ข้าจะทำลายล้างตระกูลมู่พวกเจ้าแน่นอน” เวลานี้ หลี่ชิเย่บิดขี้เกียจทีหนึ่งและเดินเข้าหาตระกูลมู่

ท่าทางของเขาดูตามอารมณ์ และสบายอกสบายใจยิ่งนัก แต่ท่วงท่าของเขาเรียกว่าปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว อันธพาลหนึ่งไม่มีสองในหล้า ทอดสายตาออกไปใต้หล้าคงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นที่ทำได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล