ตอนที่ 2671 กระบองกู่ท้าว
ในขณะนี้สามสิบหกบรรพบุรุษ ต้นกำเนิดสัจธรรมตระกูลมู่ภายใต้แสงที่พร่างพราวสาดส่องเข้ามาแลดูเฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจเป็นพิเศษ สามสิบหกบรรพบุรุษเสมือนดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่ลงมาจากสวรรค์ เหมือนว่าสามารถตัดสินสิ่งมีชีวิตบนโลกได้ทั้งหมด สามารถชี้เป็นชี้ตายเหล่าไวไนยสัตว์บนโลก
ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้เมื่อได้เห็นภาพนี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่อาจกล่าวได้ว่าการจัดวางกำลังของตระกูลมู่ไม่ยิ่งใหญ่มากพอ กระทั่งกล่าวได้ว่านี่คือกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลมู่แล้ว นี่คือธาตุแท้ภายในที่ทรงพลังมากที่สุดของตระกูลมู่แล้ว
ตูม…เสียงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้มองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้นำอาวุธเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ
มันคือกระบองอันหนึ่ง เมื่อกระบองอันนี้ถูกนำออกมานั้น กลิ่นอายที่บ้าคลั่งโหดร้ายทารุณพลันอาละวาดฟ้าดิน เหมือนว่าในชั่วพริบตาเดียวนี้เองได้มีสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งที่กลืนฟ้าดินกินเทพมารออกมาอย่างนั้น
มันคือกลิ่นอายน่ากลัวยิ่งที่แผ่กระจายออกมาจากกระบองอันนั้นที่อยู่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนั่นเอง กระบองอันนี้มีสีขาวทั้งอัน พลันที่มองเห็นก็รู้ว่าทำมาจากกระดูกของสัตว์ในสมัยดึกดำบรรพ์
บนตัวกระบองลักษณะเช่นนี้ได้สลักอักขระยันต์โบราณจนเต็มแน่นไปหมด อักขระยันต์โบราณแต่ละตัวล้วนแล้วแต่แผ่อานุภาพที่ไร้เทียมทานของปฐมบรรพบุรุษออกมา ทำให้ผู้พบเห็นรู้ได้ทันทีว่ากระบองนี้กำเนิดขึ้นมาด้วยมือของปฐมบรรพบุรุษ
เมื่อราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมีกระบองลักษณะเช่นนี้อยู่ในมือ เสมือนหนึ่งได้กลายร่างเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์อย่างนั้น สามารถเหยียบย่ำฟ้าดิน สามารถกลืนกินโลก สามารถกัดกินกาลเวลา นาทีนี้ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ได้รับผลกระทบจากกลิ่นอายที่น่ากลัวของกระบองอันนี้ ร่างกายของเขาก็มีกลิ่นอายที่โหดร้ายทารุณน่าเกรงขามวูบวาบออกมา
“นี่คืออาวุธอะไร?” ผู้คนจำนวนมากรู้สึกตกใจยิ่งนัก เมื่อมองเห็นกระบองอันนี้ได้แผ่กลิ่นอายที่โหดร้ายทารุณน่าเกรงขามออกมา ซึ่งกลิ่นอายที่โหดร้ายทารุณน่าเกรงขามเช่นนี้กับพลังที่สง่าผ่าเผยปราศจากผู้ต่อกรของตระกูลมู่ดูจะเข้ากันไม่ได้เลย
ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงวันตระกูลมู่ยังมีอาวุธที่บ้าคลั่งโหดร้ายทารุณเช่นนี้อยู่ชิ้นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่อาวุธนี้ลงมือนั้น เสมือนดั่งมีสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งที่ยึดครองอยู่ภายในจิตใจของทุกคน ทันใด้นั้น ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง กระทั่งวิญญาณออกจากร่าง เนื่องจากความรู้สึกเช่นนี้คล้ายดั่งสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนั้นกำลังจะกลืนกินตนเองเข้าไปในพริบตาเดียวนี้เอง
“กระบองกู่ท้าว…” แม้ว่าน้อยคนนักที่จะจดจำมันได้เมื่อมองเห็นกระบองอันนี้ แต่ยังคงมีเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาจดจำประวัติความเป็นมาของกระบองอันนี้ได้ ถึงกับตระหนกอยู่ในใจ
“ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคของตระกูลมู่ ไม่เพียงมีสติปัญญาที่สูงมาก ขณะเดียวกันจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรก็แกร่งมาก” เทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้ถึงกับทอดถอนใจขึ้นมา ขณะมองดูกระบองกู่ท้าวที่อยู่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน
“กระบองอันนี้น่ากลัวมากอย่างนั้นรึ?” ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของกระบองอันนี้ อดที่จะสงสัยอยู่ในใจ
“เป็นความจริงที่มันน่ากลัวมาก นี่คืออาวุธที่โหดร้ายทารุณมากที่สุดชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือของปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน” เทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เล่าลือกันว่า ในครั้งนั้นปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้เคยพบกับสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่งตัวหนึ่ง สัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนี้มีชื่อว่ากู่ท้าว จัดว่ามีกำลังความสามารถที่ปราศจากผู้ต่อกร กระทั่งสามารถเทียบเคียงกับปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน ภายหลัง ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้ใช้พลังไปจำนวนมหาศาลจึงสามารถสังหารสัตว์ดึกดำบรรพ์กู่ท้าวตัวนี้ได้…”
“…หลังจากที่ได้สังหารสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนี้ได้แล้ว ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้เลาะเอากระดูกเต๋าของมันนำมาหลอมสร้างเป็นอาวุธ ซึ่งก็คือกระบองกู่ท้าวนั่นเอง” ครั้นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลากล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว แววตาถึงกับหดตัวลงและกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “กระบองอันนี้อาศัยกระดูกเต๋าของกู่ท้าวหลอมบูชาจนสำเร็จขึ้นมา ในกระดูกเต๋ายังคงมีพลังที่เจ้าอารมณ์ยิ่งของกู่ท้าวถูกผนึกอยู่ภายใน ดังนั้น ผู้ใดถือกระบองกู่ท้าวอันนี้ก็จะถูกพลังเจ้าอารมณ์ของมันโน้มน้าวให้เป็นเช่นนั้น…”
“…เมื่อถูกพลังเจ้าอารมณ์ของมันสั่งการ ก็จะตกอยู่ในสภาพของการควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่แข็งแกร่งเพียงพอก็จะมีดวงตาที่แดงก่ำ เห็นคนต้องฆ่า สามารถทำให้แผ่นดินนับหมื่นลี้ปราศจากหญ้าแม้แต่ต้นเดียว เข่นฆ่าสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ว่า การที่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกำกระบองกู่ท้าวเอาไว้แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังเจ้าอารมณ์นั้น ยังคงรักษาความเป็นตัวตนของตนเองได้ สิ่งนี้กล่าวได้ว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมีความแข็งแกร่งมั่นคงแล้ว”
ครั้นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับทอดถอนใจและกล่าวว่า “น่าเสียดาย เขาเกิดไม่ถูกจังหวะ ถ้าหากไม่เป็นเพราะเขาเกิดมาอยู่ในยุคเดียวกันกับคนโหดอันดับหนึ่งล่ะก็ เขาจะต้องได้กลายเป็นราชันแท้จริงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่ง ต่อให้ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับเจิ้นตี้ ราชันแท้จริงฉงหัว ก็จะต้องถูกจารึกชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ของแดนสามเซียน น่าเสียดาย…”
เมื่อได้ยินการกล่าวเสียดายเช่นนี้ ใช่มีเพียงเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้เท่านั้นที่รู้สึกทอดถอนใจอย่างใจหายเช่นนี้ ความจริงแล้ว ใต้หล้ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อดจะรู้สึกทอดถอนใจอย่างใจหายกันเล่า?
เป็นความจริงที่ว่าการเกิดในยุคเดียวกันกันคนโหดอันดับหนึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งอย่างแท้จริง เป็นความจริงที่เรื่องนี้ได้ทำให้อัจฉริยะบุคคลทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องสิ้นหวัง ไม่ว่าจะมีความปราดเปรื่องน่าทึ่งเพียงใด มีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองอะไรอย่างนั้น ไม่ว่ามีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่งเท่าไร มีความสำเร็จที่มากมายเพียงใด แต่ว่า ขอเพียงมีคนโหดอันดับหนึ่งอยู่ ทุกอย่างก็ดูจะสลดและอับแสง ทุกอย่างดูจะไร้ค่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
ภายใต้วงแหวนที่เจิดจ้าปราศจากผู้ต่อกรของคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกๆ อัจฉริยะบุคคลล้วนแล้วแต่สลดและอับแสง ล้วนแล้วแต่รู้สึกละอายตนเอง นี่แหละคือละครเศร้าที่ได้มาอยู่ร่วมยุคสมัยเดียวกันกับคนโหดอันดับหนึ่ง
“เป็นความจริงที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคืออัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างแท้จริง เป็นราชันแท้จริงที่มีพลังแฝงไร้ขีดจำกัดคนหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับน้องชายคนนั้นของเขาแล้ว ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากกว่าเท่าไร ไม่ปฏิเสธว่าน้องชายคนนั้นของเขาหากพูดถึงเรื่องของพรสวรรค์แล้ว เกรงว่าใต้หล้าคงยากจะหาผู้ใดเทียม ไม่ว่าจะเป็นสัจธรรมอะไร ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมเช่นใด เขาแค่เห็นผ่านตาแวบหนึ่งก็สามารถบรรลุได้ เสียดายนิสัยค่อนข้างแย่ และจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรต่ำเกินไป ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าไม่สามารถทำการใหญ่ได้” บรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิถึงกับพยักหน้าและชื่นชมออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...