ตอนที่ 2692 ราชันแท้จริงจิ่วหนิง
“แม้จะต้องตาย พวกเราก็ต้องเผยเขี้ยวเล็บของตนออกมา” คำพูดของฮ่องเต้ไท่ชิงเสียงดังฟังชัดและมีพลัง
หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “นับว่ามีความหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่บ้าง เอาเถอะ ข้าจะให้พวกเจ้ามีศพในสภาพที่สมบูรณ์”
ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งในเวลานี้ได้มองตากันและกัน สุดท้ายพวกเขาได้พยักหน้าหนักแน่นทีหนึ่ง พวกเขาที่เป็นนายบ่าวสองคนมาสามยุคสมัย เรื่องหลายเรื่องไม่จำเป็นต้องอาศัยคำพูดอีกแล้ว ระหว่างพวกเขาทั้งสองแค่ส่งสายตาก็สามารถเข้าใจได้อยู่เสมอๆ
“ฆ่า…” ในเวลานี้ ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งทั้งสองคนคำรามออกมาพร้อมกัน พริบตาเดียวนั่นเอง พวกเขาทั้งสองพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน โจมตีใส่หลี่ชิเย่ในทันที
เมื่อฮ่องเต้ไท่ชิงลงมือมีกลิ่นอายความเป็นกษัตริย์มหาศาล มีท่าทีของการปกครองทั่วหล้า การลงมือของซุนหลิ่งหยิ่งเข่นฆ่าไร้ความปราณี กระบี่ยาวที่ดั่งงูพิษ ทุกๆ กระบี่ล้วนถึงซึ่งความตาย มีความโหดเหี้ยมยิ่งนัก
แต่ว่า ไม่ว่าการลงมือของพวกเขาสองคนจะปราศจากผู้ต่อกรเช่นใดก็ตาม ทุกคนก็ไม่ต้องไปดูอะไรมากมายนัก เนื่องจากทุกคนต่างรู้แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างใด
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งลงมือในพริบตาเดียวนั้นเอง หลี่ชิเย่เพียงทำท่าเด็ดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง ได้ยินกฎเกณฑ์ดังตูมตามขึ้นมา ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ก็ได้เด็ดเอากฎเกณฑ์ติดมือมาสองสายแล้วขว้างออกไป
ปัง…เสียงแตกระเอียดดังก้องรูหูของทุกๆ คน ไม่ว่ากระบวนท่าของฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งจะพาลแค่ไหน จะรุนแรงขนาดไหน และไม่สนใจว่าอาวุธของพวกเขาจะแปลกประหลาดเพียงใด และโหดเหี้ยมอย่างไร
แต่ว่า นาทีนี้ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ เมื่อกฎเกณฑ์สองสายถูกขว้างเข้ามา เคล็ดวิชาใดๆ พลังใดๆ อาวุธทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกยิงจนแหลกละเอียด แม้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งจะสำแดงทุกๆ เคล็ดวิชาจนหมดสิ้น เสกเอาอาวุธที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่าแล้วก็ตาม
แต่ทว่า ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ถูกขว้างเข้ามานั้น ทุกอย่างแลดูเปราะบางอะไรอย่างนั้น ท่ามกลางเสียงดังปัง ทุกๆ แนวป้องกันล้วนแล้วแต่ แตกละเอียดไปสิ้น
ได้ยินเสียงดังฉึกขึ้นเสียงหนึ่ง เลือดสดๆ แตกกระจาย เห็นเพียงกฎเกณฑ์สองสายที่เสมือนดั่งธนูศักดิ์สิทธิ์พลันยิงทะลุอกของพวกเขา และพาพวกเขาทั้งสองคนลอยไปตามแรงทันที
ได้ยินเสียงชนกระแทกดังปัง ปังขึ้น เห็นเพียงฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งทั้งสองคนถูกตรึงเอาไว้กับพื้น เลือดสดๆ ไหลนองแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นดินถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง
อ๊ากกก…ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งส่งเสียงคำรามเสียงดังขึ้นมา หวังจะดิ้นรนลุกขึ้นมา แต่ว่าพวกเขาถูกกฎเกณฑ์ตรึงสังหารอยู่ตรงนั้นจนไม่สามารถกระดิกตัวได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
สุดท้าย ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งทั้งสองคนต่างยอมรับในชะตากรรม และเลิกที่จะดิ้นรนอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากกำลังความสามารถทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเหลือเกิน ต่อให้พวกเขาพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อได้เห็นภาพนี้ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดคิดของทุกคนอยู่แล้ว เป็นความจริงที่กำลังความสามารถของฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งทั้งสองคนแข็งแกร่งมากสำหรับผู้คนบนโลก ถือเป็นหนึ่งในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่อยู่บนจุดสูงสุดของแดนลัทธิราชัน
แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว พวกเขาทั้งสองคนเสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น หากคนโหดอันดับหนึ่งต้องการสังหารพวกเขา เป็นปัญหาแค่ยกเท้าขึ้นเท่านั้นเอง ก็สามารถเหยียบพวกเขาจนตายอย่างง่ายดาย
ผู้คนจำนวนมากเพียงรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมาเท่านั้นเอง ขณะมองดูฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งสองคนที่ถูกตรึงอยู่บนพื้น ลอกนึกภาพดู ครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงมีอำนาจเพียงใด เคยปกครองใต้หล้า เคยทำให้ผู้คนต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพลันพูดถึงพวกเขา
แต่ว่า มาวันนี้พวกเขาทั้งสองคนก็เป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้นเอง เป็นเพียงเนื้อที่อยู่บนเขียงของคนอื่น สุดแต่คนเขาจะเชือดเฉือน
“แตะต่อมโกรธของข้า ข้ามีวิธีร้อยแปดพันเก้าที่จะให้พวกเจ้าตายทั้งเป็น วิธีใดวิธีหนึ่งของข้าก็เพียงพอให้พวกเจ้าตายก็ไม่ได้ อยู่ก็ไม่ได้ ข้าสามารถทำให้พวกเจ้าต้องร้องเสียงน่าเวทนาดังก้องอยู่ในแดนลัทธิราชันนับพันนับหมื่นปี” ท่าทางของหลี่ชิเย่เมินเฉยยิ่ง ขณะมองดูฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งที่ถูกตรึงอยู่บนพื้น
คำพูดที่เมินเฉยยิ่งของหลี่ชิเย่ ฟังดูเหมือนเอ้อระเหยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่า เมื่อคำพูลลักษณะเช่นนี้เข้าถึงหูของผู้คนใต้หล้าแล้ว ล้วนแล้วแต่สั่นเทา และหวาดหวั่นพรั่นพรึง รู้สึกเหมือนตนเองนั้นตกลงไปในห้องน้ำแข็งอย่างนั้น
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างสามารถจินตนาการได้ว่า ยามที่เสียงร้องอันน่าเวทนาของคนๆ นหึ่งดังก้องอยู่ในแดนลัทธิราชันนับพันนับหมื่นปีนั้น มันช่างเป็นการลงทัณฑ์ที่โหดร้ายทารุณน่ากลัวเพียงใด หากถึงขั้นนั้นจริงๆ ความตายกลับจะเป็นการหลุดพ้นอย่างนั้น กลับจะเป็นแหล่งพึ่งพิงสุดท้ายที่ดีที่สุด
ผู้คนจำนวนมากเรียกได้ว่าเหงื่อเย็นไหลริน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แอบสาบานในใจเมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ ต่อให้ต้องตาย ชาตินี้อย่าได้ไปหาเรื่องกับคนโหดอันดับหนึ่งเด็ดขาด มิฉะนั้นล่ะก็ จะต้องตายอย่างทุกข์ทรมานมากที่สุด
“เห็นแก่พวกเจ้าที่ยังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองอยู่บ้าง วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้ามีศพที่สมบูรณ์” หลี่ชิเย่จ้องมองฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่ง ในความคิดของเขา พวกเขาสองคนไม่ได้ต่างอะไรกับคนตาย
“ลงมือสิ” ฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “คนเราจะอย่างไรก็ต้องตาย มีใครบ้างล่ะที่สามารถอยู่เป็นอมตะ? ข้า ฮ่องเต้ไท่ชิงมีชีวิตอยู่มาสามยุคสมัย ถึงตายไปก็ไม่ใช่พวกอ่อนเยาว์แล้ว สามารถตายภายใต้สิบสามลัคนาก็นับเป็นเกียรติของฮ่องเต้ไท่ชิงอย่างข้า”
ฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงหยิ่งยโสเต็มเปี่ยมแม้จะต้องตายอยู่แล้ว ข้อนี้ของเขานับว่าเหนือว่ามากสำหรับเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนมากที่ได้ชื่อว่าดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรมากๆ ทีเดียว
“สหาย โปรดยั้งมือด้วย ละเว้นชีวิตพวกเขาเป็นไร?” จังหวะที่ความเป็นความตายของฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งสองคนแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น เสียงที่ดุจดั่งเทพธิดาเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...