อ่านสรุป ตอนที่ 2696 จะอย่างไรก็คือตำนาน จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2696 จะอย่างไรก็คือตำนาน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2696 จะอย่างไรก็คือตำนาน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา สามเซียนคือตำนานของแดนสามเซียน มีคนบอกว่าเป็นเรื่องไม่จริง จะจริงหรือเท็จไม่มีใครทราบ
มีผู้กล่าวว่า ชื่อแดนสามเซียนเป็นเพราะที่นี้มีแดนอยู่สามแดน ขณะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการเป็นเซียน ดังนั้น จึงมีชื่อแดนสามเซียนที่เรียกขานกัน
ทว่ามีผู้กล่าวว่า ชื่อแดนสามเซียนตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงเซียนสามคน เนื่องจากแดนสามเซียนบุกเบิกโดยเซียนสามคน ดังนั้น จึงได้ตั้งชื่อว่าแดนสามเซียน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครทราบถึงรายละเอียด กระทั่งผู้คนจำนวนมากบนโลกนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามเซียนที่ว่ามีชื่อว่าอะไร
มีผู้กล่าวว่า สามเซียนหมายถึงจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุด ดึกดำบรรพ์ที่สุด และมีฐานะสูงที่สุด พวกเขาได้ยกย่องจักรพรรดทั้งสามท่านนี้ว่า จักรพรรดซุ่ย จักรพรรดิซี และจักรพรรดิหนง
แน่นอนที่สุด นี่คือการคาดเดาที่ดึกดำบรรพ์มาก สามเซียนจะเป็นจักรพรรดทั้งสามท่านนี้จริงหรือไม่ ยังไม่อาจทราบได้
กล่าวสำหรับผู้คนบนโลกแล้ว หลายคนที่พูดถึงสามเซียนเป็นเพียงพูดคุยกันในทำนองว่าเป็นตำนานเรื่องหนึ่งเท่านั้น กระทั่งเป็นการนำมาพูดกันหลังอาหารเท่านั้นเอง
แต่ทว่า เมื่อผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับของปฐมบรรพบุรุษแล้ว จะมากหรือน้อยก็ต้องให้ความสนใจในตำนานดังกล่าว ล้วนแล้วแต่ไปสืบเสาะศึกษาเกี่ยวกับตำนานเรื่องนี้
เนื่องจากกล่าวสำหรับระดับปฐมบรรพบุรุษแล้ว หลังจากที่ก้าวมาถึงระดับนี้ ใช่หรือไม่ว่าระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนก็คือจุดสูงสุดแล้ว? หลังจากชั้นของปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซียนยังคงมีระดับที่แข็งแกร่งมากกว่าใช่หรือไม่กันเล่า
ดังนั้น สิ่งนี้คือสิ่งที่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ ท้ายทีสุดได้แต่อาศัยปฐมบรรพบุรุษชั้นลัทธิเซียนไปศึกษาค้นคว้า
ในเวลานี้ ถ้าหากเหนือปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซียนขึ้นไปยังมีระดับที่สูงกว่าแข็งแกร่งกว่า สิ่งที่บรรดาปฐมบรรพบุรุษนึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือ สามเซียน!
หากจะกล่าวว่า ในโลกนี้ยังจะมีสิ่งใดแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียน ยังมีสิ่งใดสามารถอยู่เหนือกว่าระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนล่ะก็ สิ่งที่ผู้คนจำนวนมากมักจะนึกถึงก็คือสามเซียน!
แม้จะกล่าวว่า สำหรับผู้คนบนโลกแล้ว สามเซียนเป็นเพียงตำนานหนึ่งเท่านั้น เป็นตำนานที่ดุจดั่งมีดุจดั่งไม่มี แต่ว่า ระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนก็จะไปพิจารณาถึงปัญหาข้อนี้ และศึกษาว่าสามเซียนมีอยู่จริงหรือไม่
สามเซียนนั้นคือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด แข็งแกร่งที่สุด และดึกดำบรรพมากที่สุดเพียงหนึ่งเดียวที่แดนสามเซียนรับรู้กันอยู่ในขณะนี้ กระทั่งมีผู้ที่กล่าวว่า บางทีระบบการฝึกปรือทั้งหมดของแดนสามเซียนล้วนแล้วแต่มาจากฝีมือของสามเซียน
แต่ทว่า ยุคสมัยที่สามเซียนดำรงอยู่นั้นไม่มีใครทราบ บางทีเป็นเพราะดึกดำบรรพ์มากเกินไปแล้ว และยาวไกลเกินไป จึงไม่มีบันทึกใดๆ เกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว ดังนั้น สามเซียนจึงเหมือนดั่งเป็นหมอกหนาทึบที่อยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา แม้ว่ามันปกคลุมสายน้ำแห่งกาลเวลาตลอดมา แต่ว่า ไม่เคยมีใครสามารถมองเห็นโฉมหน้าของมันได้อย่างชัดเจน
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ยังคงไม่เคยมีการหยุดนิ่งสำหรับการสืบเสาะค้นห้าเกี่ยวกับสามเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล่าวสำหรับระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนแล้ว พวกเขาไปสืบเสาะค้นหาสามเซียนใช่เป็นเพราะพวกเขาต้องการรู้ว่าสามเซียนนั้นดำรงอยู่จริงหรือไม่
ที่สำคัญมากกว่าก็คือ พวกเขาที่ก้าวมาถึงระดับปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้ ยิ่งต้องการไล่ย้อนขึ้นไปถึงต้นกำเนิดของการฝึกปรือ มีเพียงสามารถไล่ย้อนถึงต้นกำเนิดของระบบการฝึก บางทีจึงสามารถหลุดพ้นจากระดับที่เป็นอยู่ได้อย่างแท้จริง หลุดพ้นจากพันธนาการของทั้งระบบ แซงล้ำหน้าเหนือระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียน
ดังนั้น จึงมีระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียน จำนวนไม่น้อยที่ได้คลำหาอย่างยากลำบากบนเส้นทางสายนี้ มีระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนจำนวนไม่น้อยถึงกับยอมเดินทางไกลเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบในเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็เกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา ท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการให้ความเคารพต่อสามเซียนเท่านั้น ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อปรัชญาเมธี จะอย่างไรเสียบนเส้นทางสายนี้มีผู้ที่คลำทางไปโดยตลอด มีผู้ที่ก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง
หากมีสักวัน นางสามารถกลายเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษ กระทั่งขึ้นสู่แดนลัทธิเซียน และเมื่อใดที่นางกลายเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนคนหนึ่ง บางทีนางก็อาจเป็นเหมือนเช่นปรัชญาเมธีอย่างนั้น ก็จะก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดเช่นกัน ไปเสาะค้นการดำรงอยู่ของสามเซียน ไปไล่ย้อนถึงต้นกำเนิดการฝึกทั้งระบบ
“จริงคือเท็จ เท็จคือจริง” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งสำหรับคำพูดของราชันแท้จริงจิ่วหนิง และกล่าวว่า “เมื่อมีวันนั้นเจ้าก็จะเข้าใจ แน่นอน ถึงเวลานั้นกล่าวสำหรับเจ้าแล้ว จะจริงหรือเท็จไม่ได้มีความสำคัญอีกแล้ว จะอย่างไรเสีย ขณะที่เจ้าสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดเช่นนั้น เจ้าก็จะเข้าใจทะลุปรุโปร่งแล้ว”
ราชันแท้จริงจิ่วหนิงฟังอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ สุดท้ายนางพยักหน้าเบาๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “พี่ท่าน มีคำพูดคำหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรพูดออกมาหรือไม่?”
“ว่ามา” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ จ้องมองไปบนท้องฟ้าสีคราม ไม่ถือสาแม้แต่น้อย
ราชันแท้จริงจิ่วหนิงจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยแววตาที่ไม่สะทกสะท้านยิ่ง แววตาเหมือนต้องการสาดส่องเข้าไปในหัวใจของหลี่ชิเย่ นางเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า ”อาศัยความรู้ที่ตื้นเขินของข้า ที่พี่ท่านฝึกปรือมานั้นคือคนละระบบกับพวกเรา ทำให้ข้านึกถึงคำพูดคำหนึ่ง เหนือฟ้ายังมีฟ้า ไม่ทราบว่าพี่ท่านใช่มาจากอีกฟ้าหนึ่งที่ว่าหรือไม่เล่า”
หลี่ชิเย่ถึงกับจ้องมองราชันแท้จริงจิ่วหนิงทีหนึ่ง ขณะที่ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็สู้สายตาของหลี่ชิเย่อย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อสายตาทั้งสองมาพบกัน ช่างดูเป็นธรรมชาติอะไรอย่างนั้น ช่างเข้ากันได้ดีอะไรอย่างนั้น
หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และไม่พูดอะไรอีก ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เอนนอนเคียงไหล่อยู่กับหลี่ชิเย่ ทั้งสองคนนอนอยู่เงียบๆ มองดูท้องฟ้าสีคราม เวลานี้ท้องฟ้าสีครามใสสะอาด งดงามยิ่งนัก
สายลมพัดมาแผ่วเบา สูดดมกลิ่นหอมที่ทำให้เคลิบเคลิ้มจากมวลบุปผา เสมสุขกับการลูบไล้บางเบาของสายลม เหมือนต้องการให้ผู้คนนอนหลับไปอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ราชันแท้จริงจิ่วหนิงได้พูดขึ้นเบาๆ ว่า “พี่ท่าน ข้าจะออกเดินทางแล้ว ท่านล่ะ?” การกลับมาแดนลัทธิราชันของราชันแท้จริงจิ่วหนิงในครั้งนี้ เป็นการมาเพื่อฮ่องเต้ไท่ชิงผู้เป็นบิดาของนางอย่างแท้จริง เวลานี้ทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว นางเองก็ได้จัดการเรื่องที่ค้างคาใจจนจบสิ้นแล้ว กล่าวได้ว่า เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ หรือแดนลัทธิราชันก็ไม่มีสิ่งใดที่ให้นางต้องห่วงใยอีกต่อไปแล้ว
ล่วงเลยมาถึงวันนี้ ก็ได้เวลาสมควรที่นางต้องจากไปแล้ว กล่าวสำหรับราชันแท้จริงจิ่วหนิงแล้วการจากไปในครั้งนี้ บางทีอาจจะไม่กลับมาอีกแล้ว ซึ่งจะเป็นการจากลากับแดนลัทธิราชันไปตลอดกาล
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ภายในใจของราชันแท้จริงจิ่วหนิงมากหรือน้อยก็รู้สึกทอดถอนใจด้วยความหดหู่อยู่บ้าง จะอย่างไรเสียแดนลัทธิราชันคือที่ที่นางเติบใหญ่ตั้งแต่เล็กจนโต วันนี้จะจากไปและไม่กลับมายังแดนลัทธิราชันอีก เป็นความจริงที่ทำให้ในใจบังเกิดความรู้สึกขึ้นมามากมาย
“เดินทางไปด้วยกัน” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถึงเวลาที่ต้องไปจากแล้ว ได้เวลาที่ควรขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียนแล้ว”
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เรื่องราวต่างๆ ในแดนลัทธิราชันได้จบสิ้นแล้ว เขาก็สมควรไปจากได้แล้ว เมื่อเรื่องราวทุกสิ่งสิ้นสุดลง ทุกอย่างก็ควรจะจบลง
“สักวันหนึ่ง พี่ท่านก็ต้องไปจากแดนลัทธิเซียนเช่นกัน” จะมากหรือน้อยราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็ต้องรู้สึกทอดถอนใจอยู่บ้าง และกล่าวว่า “เฉกเช่นการไปจากแดนลัทธิราชันของพี่ท่านในวันนี้อย่างนั้น”
ในใจของราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็เข้าใจ หลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นคนของโลกนี้ จะอย่างไรเสียในที่สุดสักวันเขาก็ต้องจากไป บางที เขาไม่ได้เป็นของโลกใดโลกหนึ่ง เขาก้าวเดินไปข้างหน้าตลอด ไม่ว่าจะเป็นแดนสามเซียน หรือโลกอื่นๆ ก็เป็นเพียงทางผ่านของเขาเท่านั้นเอง
“บางทีอาจเป็นเช่นนั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และหลับตาลง
“ไม่ว่าจะเป็นเช่นใด ถ้าหากวันข้างหน้าพี่ท่านได้พบกับสามเซียนจริงๆ ล่ะก็ หวังว่าสักวันหนึ่งพี่ท่านจะเล่าให้ข้าฟังถึงเบื้องหลังของเรื่องราวนี้” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเผยรอยยิ้มที่สงบเงียบออกมา และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สัญชาตญาณบอกข้าว่า ในโลกปัจจุบัน ถ้าหากมีใครสามารถพบเห็นสามเซียนได้ล่ะก็ จะเป็นใครไปไม่ได้ ต้องเป็นพี่ท่านอย่างแน่นอน”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้น สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของราชันแท้จริงจิ่วหนิงโดยไม่ได้ให้คำตอบ
……………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...