ตอนที่ 2697 ต้องจากลาอยู่เสมอ
ค่ำคืนเย็นดั่งสายน้ำ พู่ระย้าที่พร่างพราว เมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์ เตียงนอนขนาดใหญ่ส่งประกายแวบวับดั่งจันทร์เสี้ยว เตียงราชันสูงสุดตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่ศักดิ์สิทธิ์
บนเตียงนอนขนาดใหญ่ หลี่ชิเย่โอบกอดเอวคอดของหลิ่วชูฉิงเอาไว้เบาๆ ขณะที่หลิ่วชูฉิงหนุนนอนอยู่บนบ่าของหลี่ชิเย่ นอนหลับฝันหวานยิ่งนัก คิ้วกระตุกเป็นครั้งคราว ปรากฏรอยยิ้มหวานขึ้นที่มุมปาก เหมือนว่ากำลังฝันหวานอะไรอยู่
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลิ่วชูฉิงจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ตื่นขึ้นมากลางดึก รอยยิ้มที่มุมปากแสดงออกถึงความพึงพอใจ ความหวานซึ้งอะไรอย่างนั้น
พลันที่ลืมตาขึ้นมาก็สามารถมองเห็นชายในดวงใจ ความเอียงอายได้ทำให้ใบหน้าที่น่ารักและงดงามนั้นแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม นางก็จะมีความงดงามเช่นนี้ ชวนให้ลิ้มลองไม่รู้จักเบื่อ
เมื่อหลิ่วชูฉิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองเห็นหลี่ชิเย่ได้ลืมตาขึ้นมาแล้ว ดวงตาทั้งสองของเขาเสมือนดั่งดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน เหมือนว่าไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ดวงตาคู่นั้นของเขาก็จะลืมตาอยู่อย่างนั้น เสมือนดั่งเป็นผู้บงการของโลก เฝ้าตรวจตราโลกนี้ทุกนาทีเหมือนไม่เคยรู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยมาก่อน
หลิ่วชูฉิงนอนหนุนอยู่กับบ่าของหลี่ชิเย่เบาๆ นิ้วมือเรียวยาวของหญิงสาวได้ลากผ่านหน้าอกของเขาเบาๆ ลูบไล้บ่าที่แข็งแรงของเขาแผ่วเบา
หลี่ชิเย่ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาดวงตาทั้งสองของเขาดั่งดวงดาว ลึกล้ำปราศจากผู้ใดเทียบเทียมเหมือนว่ากำลังเฝ้าตรวจตราผืนแผ่นดินนี้อยู่ ทำให้ผู้คนไม่สามารถคาดการณ์ได้
“ท่านจะไปแล้ว” หลังจากผ่านไปนานมาก หลิ่วชูฉิงจึงได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงของนางช่างบางเบานุ่มนวล ช่างเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมอะไรอย่างนั้น
“ถูกต้อง สมควรออกเดินทางได้แล้ว” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ ท่าทีดูเป็นธรรมชาติ
หลิ่วชูฉิงไม่ได้ทอดถอนใจออกมา แม้ว่าภายในใจจะไม่อยากจากเป็นหมื่นพัน ภายในใจของนางรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงอยู่แล้ว เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
ภายในใจของหลิ่วชูฉิงก็รู้ดีว่า ผู้ชายของตนนั้นเป็นมังกรที่อยู่บนฟากฟ้า ต่อให้เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีขนาดใหญ่โตอย่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็รั้งเขาเอาไว้ไม่ได้ กล่าวสำหรับเขาแล้ว อย่าว่าแต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เลย แม้แต่แดนลัทธิราชันทั้งหมดก็เป็นได้แค่สระน้ำตื้นๆ เท่านั้นเอง
“เสียดาย ข้าไม่สามารถติดตามท่านไป” หลิ่วชูฉิงถึงกับกอดเอวหนาของเขาเอาไว้ ใบหน้าแนบชิดติดอยู่กับทรวงอกที่แข็งแรงมีพลังของเขา ขอเสพสุขอยู่กับการปลอบประโลมใจสั้นๆ นี้เอาไว้
“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้า ในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา เขาได้ประสบพบพานกับการจากลานับไม่ถ้วน ผ่านประสบการณ์ตายจากมานับไม่ถ้วน ทุกครั้งที่มีการจากลาไม่แน่เสมอไปว่าจะสบายใจ
“ข้าจะอธิฐานให้กับท่าน” หลิ่วชูฉิงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
ภายในใจของนางเข้าใจดีว่า ผู้ชายของตนจะต้องบินร่อนอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า การเดินทางไกลเพื่อพิชิตของเขายาวไกลไร้ขอบเขตสิ้นสุด นางไม่สามารถติดตามไป นางเองก็ไม่ต้องการเป็นภาระให้กับผู้ชายของตน
ขณะที่ผู้ชายของตนบินร่อนเหนือเก้าชั้นฟ้านั้น นางจะสวดอธิฐานให้กับผู้ชายของตน จะปกป้องแผ่นดินนี้ให้กับผู้ชายของตน รอคอยการกลับมาของเขา
หลี่ชิเย่ลูบไล้เนื้อกายที่อ่อนนุ่มลื่นมือของนางเบาๆ ไม่ได้พุดอะไรออกมา สุดท้าย ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นเพียงการทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ เท่านั้นเอง
“โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถที่ฟ้าประทานมาให้ ไม่สามารถกรำศึกเพื่ออนาคตเคียงข้างกับท่าน” สุดท้าย หลิ่วชูฉิงได้แต่ทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ รู้สึกจนด้วยเกล้า และเสียดายอยู่บ้าง แต่ว่า ท้ายที่สุดนางยังคงเลือกที่จะเฝ้ารักษาเอาไว้อย่างมั่นคง
แม้ว่านางไม่สามารถติดตามผู้ชายของตนไปกรำศึกเพื่ออนาคต แต่ว่า นางสามารถรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ปกป้องรักษาแผ่นดินนี้เอาไว้ ทำในสิ่งที่กำลังของตนสามารถทำได้
จะอย่างไรเสียต่อให้พยายามชั่วชีวิต ทักษะยุทธของนางก็ติดตามการย่างก้าวของผู้ชายตนชนิดห่างไกลกันมาก ไม่มีความสามารถที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับผู้ชายของตน ดังนั้นนางเองก็ไม่ต้องการติดตามไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้ชายของตน
“คนเราทุกคนต่างก็มีภารกิจของตน” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องบางเรื่องถูกลิขิตเอาไว้แล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก็จะไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีกเลย”
เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ได้ทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ และกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “คนบางคนถูกลิขิตทางเดินเอาไว้แล้วจะต้องฆ่าฟันทั่วหล้า เข่นฆ่าทุกทาง คนบางคนถูกลิขิตเอาไว้แล้วให้เฝ้ารักษาฟ้าดิน ปกป้องแผ่นดิน นี่แหละคือภารกิจของทุกคน ถ้าหากเปลี่ยนแปลงมัน ทุกอย่างก็ต้องมีการเปลี่ยนตาม”
เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง ก้มหน้ามองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า มองดูนัยน์ตาทั้งสองที่ใสซื่อของนาง และกล่าวว่า “ถ้าหากเจ้ากลายเป็นผู้ที่สามารถกรำศึกเพื่ออนาคต เลือดล้างเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินคนนั้น กลายเป็นผู้ที่สามารถบุกตะลุยโจมตีข้าศึกให้ข้าได้คนนั้น เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป ไม่ใช่หลิ่วชูฉิงที่น่ารักและมีจิตเมตตาคนนั้นอีกแล้ว” หลิ่วชูฉิงฟังคำหลี่ชิเย่เงียบๆ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ นางพยักหน้าเบาๆ พูดเสียงกระซิบแผ่วเบาว่า “ถูกต้อง ทุกคนต่างก็มีภารหน้าที่ของตนเอง”
“ดังนั้น เจ้าก็คือนายหญิงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งนี้ ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด แผ่นดินนี้มอบให้เจ้าเป็นผู้เฝ้ารักษาการณ์ แผ่นดินนี้จำเป็นต้องอาศัยบุญบารมีของเจ้า ดังนั้น เจ้าก็คือเจ้าไม่ใช่คนอื่น และข้าก็ไม่ปรารถนาให้เจ้ากลายเป็นคนอีกคน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความ น่าทะนุถนอมในตัวของเขาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าน่ะเป็นเช่นนั้น” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
หลิ่วชูฉิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายนางพยักหน้าเบาๆ และเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ข้ารู้แล้ว ข้าจะดูแลผืนแผ่นดินนี้ รอคอยการกลับมาของท่าน” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงบนโลกไร้ขอบเขตจำกัด ทุกอย่างดูจะเร็วเกินไปที่จะพูดถึง
หลี่ชิเย่ได้มอบเชือกเก้าเซียนให้กับหลิ่วชูฉิง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าฝึกวิชาจิ่วมี่มา เมื่อในมือของเจ้าครอบครองเชือกเก้าเซียนก็เท่ากับกุมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดในมือ ทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเจ้า สิ่งนี้ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้อยู่แล้ว”
แม้ว่าเขาสามารถประกันฐานะของหลิ่วชูฉิงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ แต่ หลี่ชิเย่ยังคงมอบเชือกเก้าเซียนให้กับหลิ่วชูฉิง ให้นางสามารถมีฐานะที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยิ่งขึ้น ให้นางได้กุมธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
“ข้าจะใช้มันอย่างเหมาะสม” หลิ่วชูฉิงเก็บเชือกเก้าเซียนเรียบร้อย และพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ที่นี่คือสถานที่ที่สงบสุข ข้าจะดูแลมันแทนจนกว่าท่านจะกลับมา แม้หลังจากที่ข้าตายแล้ว ข้ายังคงฝังร่างอยู่ในเขากัวชางซาน หากท่านกลับมา ให้พูดหน้าหลุมศพข้าหลายๆ คำ ข้าก็ชื่นใจแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...