อ่านสรุป ตอนที่ 2715 คัมภีร์กันดาร จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2715 คัมภีร์กันดาร คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2715 คัมภีร์กันดาร
การที่กัวเจียหุ้ยพาคนพิการอย่างหลี่ชิเย่กลับมาที่สำนัก วันๆ เสียเวลามากมายไปดูแลเขา ทำให้ศิษย์ร่วมสำนักจำนวนมากในนิกายหู้ซานจงไม่เข้าใจ
ภายในนิกายหู้ซานจงก็มีศิษย์บางส่วนที่คอยชี้มือชี้ไม้นินทาในพฤติกรรมเช่นนี้ของกัวเจียหุ้ย และปล่อยข่าวลือ แต่ก็มีศิษย์ร่วมสำนักบางส่วนที่รู้สึกว่ากัวเจียหุ้ยนั้นมีจิตที่เมตตามากเกินไป ด้วยจิตเมตตาชั่ววูบกลับต้องเอาเวลาอันมีค่าของตนมาใช้ไปกับเรื่องนี้
ในความคิดของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมองว่า เวลาของพวกเขานั้นมีค่าอย่างยิ่ง ไม่มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนใดยินดีเอาเวลาอันมีค่าของตนไปเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเสียเวลาไปกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง โดยเฉพาะมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอย่างหลี่ชิเย่ ทั้งยังเป็นคนพิการอีกด้วย
เดิมทีกัวเจียหุ้ยก็ไม่ได้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นอะไรอยู่แล้ว ในฐานะศิษย์ธรรมดาคนหนึ่ง สมควรที่นางจะต้องพยายามไปฝึกปรือ ทุ่มเทเวลาให้มากกว่านี้กับการฝึกบำเพ็ญเพียร ไม่ใช้เอาเวลาอันมีค่ายิ่งของตนมาเสียไปกับคนพิการคนหนึ่ง มิฉะนั้นล่ะก็ กัวเจียหุ้ยจะค่อยๆ ถูกศิษย์ร่วมสำนักแซงล้ำหน้าไปอย่างช้าๆ กระทั่งถูกศิษย์น้องที่เข้าสำนักทีหลังแซงล้ำหน้าไป
ถ้าหากถึงขั้นนั้นล่ะก็ ไม่เพียงแต่กัวเจียหุ้ยที่ทำเสียงานเสียการกับการฝึกของตนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นอาจถูกขับออกจากสำนักก็เป็นได้
ด้วยเหตุที่อาจส่งผลเช่นนี้นี่เอง ทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่คุ้มค่ากับการกระทำของกัวเจียหุ้ย กระทั่งมีศิษย์ร่วมสำนักเคยหว่านล้อมให้ละทิ้งคนพิการอย่างหลี่ชิเย่ไปเสีย ส่งตัวเขาลงเขาจ่ายเงินเล็กน้อยหาครอบครัวธรรมดามาคอยดูแลแทนก็แล้วกัน
แต่ว่า กัวเจียหุ้ยยังคงไม่ยอมละทิ้ง นางยังคงรั้งตัวหลี่ชิเย่เอาไว้และคอยดูแลเหมือนเช่นปรกติที่ผ่านมา
แม้ว่าแวบแรกที่กัวเจียหุ้ยมองเห็นหลี่ชิเย่นั้น นางรู้สึกว่าหลี่ชิเย่มีส่วนคล้ายกับพี่ชายที่เสียไป แต่หลังจากพาหลี่ชิเย่มาคอยดูแลอยู่ข้างกายแล้ว เขาไม่ได้เหมือนพี่ชายของตนเลย เพียงแต่มีโครงหน้าคล้ายอยู่นิดเดียวเท่านั้น
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม กัวเจียหุ้ยยังคงไม่ยอมละทิ้งหลี่ชิเย่ไป หลังจากที่นางได้เฝ้าดูแลหลี่ชิเย่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว นางค่อยๆ ถือเอาหลี่ชิเย่เสมือนดั่งเป็นญาติของตนไปแล้ว ดังนั้น ให้นางละทิ้งหลี่ชิเย่ไปในเวลานี้นางยิ่งไม่ยินดีอย่างยิ่ง
แม้ว่ากัวเจียหุ้ยจะใช้เวลาไปกับการดูแลหลี่ชิเย่ไปไม่น้อย แต่ทว่ากล่าวสำหรับนางแล้ว สภาพจิตของนางรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียวขณะที่อยู่เป็นเพื่อนกับหลี่ชิเย่
นางมีศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีภายในสำนักเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยความในใจได้ยิ่งมีจำนวนน้อยจนน่าสงสาร ขณะที่เวลานางอยู่เป็นเพื่อนข้างกายหลี่ชิเย่นั้น นางมักจะระบายความในใจต่างๆ นานากับหลี่ชิเย่อยู่เป็นประจำ มีทั้งที่เป็นความสุข และทุกข์ มีเศร้าเสียใจ และมีประเภทสบายใจ…
สรุปก็คือ ยามที่นางอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนกับหลี่ชิเย่นั้น เวลามีความในใจก็ยินดีระบายให้หลี่ชิเย่ฟัง
แม้ว่าหลี่ชิเย่จะไม่เคยตอบนางเลยแม้แต่คำเดียว กระทั่งไม่เคยลืมตามองดูนางสักครั้งก็ตาม แต่ว่า กัวเจียหุ้ยยังคงยินดีอยู่คุยสัพเพเหระกับหลี่ชิเย่ พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนในแต่ละวัน
แม้ว่าหลี่ชิเย่จะไม่เคยมีคำตอบกลับมา กัวเจียหุ้ยกลับมองว่าหลี่ชิเย่คือผู้ที่สนิทชิดใกล้กับตนมากที่สุดโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากหลี่ชิเย่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา กัวเจียหุ้ยเคยคิดที่จะรักษาหลี่ชิเย่ให้หาย แม้ว่านิกายหู้ซานจงในขณะนี้จะไม่เหมือนเช่นวันวาน แต่เรื่องการแพทย์ขอนิกายหู้ซานจงยังนับว่ามียอดฝีมือที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และวิชาโอสถที่ไม่เลวนัก
การที่จะรักษามนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งให้หายจากเป็นคนพิการ สำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์นั้น ไม่แน่นักยังคงมีความเป็นไปได้ที่สูงมาก
เนื่องจากมีความคิดเช่นนี้ กัวเจียหุ้ยเคยไปขอร้องต่อผู้อาวุโสของสำนักที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์มาแล้ว เพียงแต่ผู้อาวุโสที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์หลังจากตรวจอาการของหลี่ชิเย่แล้ว ส่ายหน้าและกล่าวว่า “หมดทางรักษาแล้ว หกชีพจรล้วนเสียหาย ลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องนอนติดเตียงชั่วชีวิต”
กัวเจียหุ้ยยังไม่ยอมแพ้ จึงถามผู้อาวุโสว่าไม่มีหนทางใดแล้วจริงหรือ? ภายในใจของนางยังมีความหวังในตัวของหลี่ชิเย่นิดหนึ่ง
“ลองนวดเฟ้นโดยอาศัยพลังภายใน” สุดท้าย ผู้อาวุโสผู้นี้ก็กล่าวด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก “ช่วยคลายจุดต่างๆ ให้กับเขาทุกวัน นานวันเข้าบางทีอาจะมีความหวังที่ริบหรี่นั่น”
ครั้นผู้อาวุโสผู้นั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว จ้องมองดูกัวเจียหุ้ยทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้ายังคงตายใจได้แล้ว แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งไม่คู่ควรให้เจ้าไปเสียเวลาเช่นนี้ ควรหมั่นฝึกปรือให้ดีจึงจะถูกต้อง” กล่าวจบหันหลังจากไปทันที
ผู้อาวุโสผู้นี้ไม่ได้มีประสงค์ร้ายแต่อย่างใด เขาเองก็มีความหวังดี จะอย่างไรเสียเฉกเช่นหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงคนพิการ ไม่คู่ควรที่ไปเสียเวลาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากับหลี่ชิเย่ก็หาใช่ญาติใช่คนรู้จัก
กัวเจียหุ้ยยังคงไม่ยอมละทิ้ง อาศัยพลังของตนเดินลมปราณให้กับหลี่ชิเย่ทุกวัน หวังอาศัยพลังของตนไปทะลุทะลวงทั่วร่างให้กับหลี่ชิเย่
แต่ว่า มันไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เนื่องจากขณะถ่ายทอดพลังเข้าไปภายในร่างของหลี่ชิเย่นั้น ชีพจรของหลี่ชิเย่แข็งดั่งเหล็ก พลังของนางไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว
หลี่ชิเย่ผู้ซึ่งแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อาศัยพลังที่อ่อนด้อยยิ่งของกัวเจียหุ้ยไหนเลยสามารถขับเคลื่อนชีพจรของเขาได้เล่า? มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม กัวเจียหุ้ยยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคงนวดเฟ้นให้กับหลี่ชิเย่ทุกวัน หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นสักวัน
กล่าวได้ว่า การที่กัวเจียหุ้ยดูแลหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ คือการถือเอาหลี่ชิเย่เป็นญาติของตนแล้ว
เรื่องนี้ทำให้กัวเจียหุ้ยอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี อยากจะให้พื้นดินแยกออกเป็นร่องให้นางได้มุดเข้าไป
“ท่าน ท่าน ท่านฟื้นแล้ว ข้า ข้า ข้าจะไปหาอะไรให้ทาน” เมื่อกัวเจียหุ้ยได้สติกลับมา บังเกิดอารมณ์ที่อยากจะหนีไปจากที่ตรงนี้
“ไม่…” หลี่ชิเย่พูดเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ฝีมือของเจ้าไม่เท่าไร ไปหาคนที่มีฝีมือมาเถอะ”
พลันทำให้กัวเจียหุ้ยยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน คนที่ขยับตัวไม่ได้พูดไม่ได้ตลอดมาพลันตื่นขึ้นในทันทีและสามารถพูดได้แล้ว ถึงกับไม่มีการสำนึกบุญคุณแม้แต่น้อย แถมยังรังเกียจฝีมือของนางอีก ทำให้กัวเจียหุ้ยรู้สึกผะอืดผะอมยิ่งนัก นางยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เวลานี้มือทั้งสองข้างไม่รู้ว่าเอาไปซุกไว้ตรงไหนดี
“เจ้าฝึก ‘คัมภีร์กันดาร’ ผิดแล้ว” ขณะที่กัวเจียหุ้ยกำลังยืนเหม่ออยู่นั้น เสียงที่เรียบเฉยของหลี่ชิเย่ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่เพียงแต่เจ้าที่โง่เท่านั้น ยังยึดถือเอาสิ่งที่อาจารย์เจ้าถ่ายทอดให้นั้นเป็นเสมือนดั่งกฎทองคำข้อบัญญัติหยก ตัวเองไม่เคยไปทำความบรรลุ อาจารย์ของเจ้าก็ไร้สมองจนไม่มีที่ติ แค่ ‘คัมภีร์กันดาร’ ที่ง่ายๆ กลับทำบรรลุจนเลอะเทอะไปหมด ถ้าหากตาเฒ่ายังคงมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ต้องถูกเจ้าสวะเช่นนี้ยั่วโมโหจนตายแน่เลย”
“ท่าน ท่าน ท่านพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร” เมื่อกัวเจียหุ้ยได้สติกลับมารู้สึกโกรธแค้นอยู่บ้างและเรียกร้องความยุติธรรมให้อาจารย์ของตน
แม้ว่าพรสวรรค์ของนางไม่เท่าไร การฝึกปรือก็งั้นๆ แต่ว่า อาจารย์ของนางนับว่ายังเอาใจใส่ต่อนาง ไม่ได้ลงโทษนางอันเนื่องมาจากการฝึกของนางที่ไม่ก้าวหน้านัก ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่พูดถึงตัวนาง นางอย่างไรก็ได้ แต่เมื่อพูดถึงอาจารย์ของนาง นางจึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่กัวเจียหุ้ยยังไม่ทันมีปฏิกิริยาสนองตอบ หลี่ชิเย่แค่ยื่นมือจี้ไปตามอารมณ์ กฎเกณฑ์ที่เล็กจิ๋วมากสายหนึ่งพลันยิงถูกกลางหน้าผากของนาง และมุดเข้าไปในทะเลแห่งความรู้ของนางทันที
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ท่ามกลางทะเลแห่งความรู้ของนาง ‘คัมภีร์กันดาร’ ฉบับสมบูรณ์ยิ่งบทหนึ่งพลันถูกเปิดออก ปรากฏคาถาที่วิวัฒนาการขึ้น การวิวัฒนาการที่ลึกซึ้ง และมีเสียงเทศนาธรรมดังขึ้นเป็นระลอก
กล่าวสำหรับกัวเจียหุ้ยแล้ว ท่ามกลางเสียงเทศนาธรรมที่เดิมทีมีความลึกซึ้งยิ่งเข้าใจยาก พลันกลับกลายเป็นฟังดูแล้วช่างธรรมดาและเข้าใจง่ายเหลือเกิน ง่ายจนไม่มีอะไรง่ายไปกว่านี้อีกแล้ว ความหมายที่ลึกซึ้งมากมายเมื่อนางได้ฟังแล้วก็เข้าใจได้ในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำเอา ‘คัมภีร์กันดาร’ ที่นางเคยฝึกในอดีตมาเทียบเคียงกัน ในเวลานี้นางจึงพบว่า ‘คัมภีร์กันดาร’ ที่ตนเคยฝึกมาก่อนหน้านั้นมีข้อบกพร่องมากมาย และข้อผิดพลาดต่างๆ นานา
เวลานี้ กัวเจียหุ้ยถูก ‘คัมภีร์กันดาร’ ที่มีความลึกซึ้งยิ่งทำให้เคลิบเคลิ้ม ทำให้นางรับรู้เป็นครั้งแรกในชีวิตว่าสัจธรรมช่างงดงามอะไรอย่างนั้น ไม่ได้เหมือนดั่งที่ตนจินตนาการเอาไว้ว่าช่างเป็นอะไรที่แห้งฝืดยากที่จะเข้าใจได้
………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...