ตอนที่ 2731 ถ่ายทอดวิชา
หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้มองดูบรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นแวบหนึ่งช้าๆ เพียงกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “โง่ ทิ้งผลประโยชน์ที่อยู่ใกล้ ไปแสวงหาผลประโยชน์ที่อยู่ไกลกว่า เวลานี้แผ่นดินสัจธรรมได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว พลังสัจธรรมตลบอบอวล มีซากปรักหักพังของปรัชญาเมธี ราชันแท้จริงจำนวนเท่าไรที่ได้ปรากฏเคล็ดวิชาขึ้นมา มีลายมือแท้จริงเท่าไรที่ปรากฏขึ้นมา พวกเจ้าสดับตรับฟังการเทศนาธรรมของปรัชญาเมธีเสียบ้าง เลียนการบรรลุธรรมของราชันแท้จริงบ้าง ย่อมบังเกิดผล”
“พวกเจ้าล้วนแล้วแต่อายุปูนนี้กันแล้ว หรือว่ายังต้องให้ข้ามาคอยประคบประหงมทีละก้าวๆ อย่างนั้นรึ? หรือว่าต้องการให้ข้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาแต่ละแขนงๆ กับมืออย่างนั้นรึ? สัจธรรมได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว ที่ต้องไปทำมากกว่านี้ก็คือไปทำความบรรลุด้วยตนเอง ไปศึกษาด้วยตนเอง มีตรงไหนที่ไม่เข้าใจค่อยมาขอคำชี้แนะ อย่ามัวแต่คิดจะได้มาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย” น้ำเสียงของหลี่ชิเย่ดูจะเย็นชา
บรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงที่คุกเข่าก้มกราบอยู่กับพื้นต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว เมื่อได้สติกลับมาต่างพยักหน้าให้กันและกัน และรู้สึกว่ามีเหตุผล
เฉินเหวยเจิ้งในฐานะเจ้านิกายได้ทำการพินิจพิเคราะห์และทำความซาบซึ้งกับคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่แล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จะอย่างไรเสียสัจธรรมของนิกายหู้ซานจงได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วในเวลานี้ พลังแฝงของสำนักได้ถูกปลุกให้ตื่น่ขึ้น เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอย่างหนักที่สุด
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่ชี้แนะ” เมื่อเฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมาแล้ว จึงนำพาบรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงกราบคารวะเต็มรูปแบบต่อหลี่ชิเย่
เหล่าผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงก็แสดงคารวะเต็มรูปแบบตามเฉินเหวยเจิ้ง แม้ว่าหลี่ชิเย่จะไม่ได้ชี้แนะอะไรพวกเขา แต่คำบอกเล่าของหลี่ชิเย่กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วเสมือนหนึ่งได้ยินความคิดเห็นยอดเยี่ยมล้ำเลิศ ทำให้เกิดความสว่างทางปัญญาอย่างนั้น ทำให้ความจริงกระจ่างแจ้งขึ้นมากะทันหัน
“เฉินเหวยเจิ้งอยู่ก่อน” ในขณะที่บรรดาระดับผู้อาวุโสต่างล่าถอยไปด้วยความเคารพนอบน้อมนั้น หลี่ชิเย่เรียกออกมาคำหนึ่ง
เฉินเหวยเจิ้งตะลึงนิดหนึ่ง จากนั้นรั้งอยู่ที่ตรงนั้น บรรดาระดับผู้อาวุโสต่างรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นว่าเจ้านิกายถูกรั้งตัวเอาไว้ แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม พวกเขายังคงล่าถอยกลับออกไปด้วยความเคารพนอบน้อม
ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งที่ให้รั้งอยู่ต่อก็ให้รู้สึกทั้งตื่นเต้นและดีใจ เขาเองนึกไม่ถึงว่าจะมีโอกาสเช่นนี้ จะถูกหลี่ชิเย่เรียกให้อยู่โดยลำพังคนเดียว
หลี่ชิเย่มองดูเฉินเหวยเจิ้งทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ในนิกายหู้ซานจง เจ้าไม่เพียงเป็นเจ้านิกาย และคือผู้มีทักษะยุทธสูงสุด พรสวรรค์ดีที่สุดของนิกายหู้ซานจง”
“ศิษย์ละอายต่อคำชื่นชมของท่านปรมาจารย์” เฉินเหวยเจิ้งยืนทิ้งมือข้างลำตัว รีบแสดงคารวะ
“อย่าดีใจเร็วเกินไป” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้านิกาย ทั้งยังเป็นผู้ที่มีทักษะยุทธสูงสุด เช่นนั้นแล้ว เจ้าสมควรแบกภาระการถ่ายทอดวิชา ช่วยคลายความฉงนในเรื่องที่ไม่เข้าใจ ยิ่งสมควรแบกรับภาระหนักในการพัฒนานิกายหู้ซานจงให้เจริญรุ่งเรือง”
เฉินเหวยเจิ้งถูกเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาด้วยคำพูดเดียว ถึงกับทำหน้าเจื่อนๆ ในเวลานี้ เขาเองก็คิดจะพัฒนานิกายหู้ซานจงให้เจริญรุ่งเรือง และทำหน้าที่ด้านถ่ายทอดชิชา คลายความฉงน เขาเองก็คิดจะสร้างผลงานใหญ่ แต่ ท้ายที่สุดแล้วความสามารถมีขีดจำกัด
“วันนี้ ข้าจะถ่ายทอดวิชาให้กับเจ้า หวังว่าเจ้าจะแบกภาระหนักนี้เอาไว้” พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ นิ้วมือที่ชี้ออกไป ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น กฎเกณฑ์ขนาดเล็กจิ๋วหลายสายพลันมุดเข้าไปในบริเวณหน้าผากของเฉินเหวยเจิ้ง
จังหวะที่กฎเกณฑ์ขนาดเล็กจิ๋วหลายสายมุดเข้าไปในบริเวณหน้าผากของเฉินเหวยเจิ้งนั้น ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง สุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดหลายบทพลันถูกคลี่กางออกมาในทะเลแห่งความรู้ของเฉินเหวยเจิ้ง นาทีนี้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งได้ก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดในทะเลแห่งความรู้ของเขา เสมือนดั่งต้องการหลอมรวมเข้ากับวิชาที่เขาฝึกปรืออย่างนั้น
เมื่อเฉินเหวยเจิ้งมองไปในทะเลแห่งความรู้แล้วพลันรุ้สึกตระหนกระคนกับความดีใจ สุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดหลายบทนี้คือเคล็ดวิชาหลายแขนงที่เขาฝึกปรืออยู่ และคือเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเขาเอง บรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงต่างก็ได้ฝึกปรือหนึ่งในเคล็ดวิชา หรือหลายวิชาในจำนวนนั้น
เมื่อไปทำความบรรลุสุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดหลายบทที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้แล้ว พลันทำให้เฉินเหวยเจิ้งถึงกับรู้สึกอับอายยิ่งนัก เนื่องจากในหลายๆ สุดยอดเคล็ดวิชาเหล่านี้ มีหลายแห่งที่เขาเข้าใจและฝึกผิดพลาดไป และหรือฝึกได้ไม่ถึงแก่น เวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่ทำการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว เคล็ดวิชาทุกๆ แขนงล้วนแล้วแต่กระจ่างแจ้งขึ้นมากะทันหัน มีดินแดนที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง เสมือนหนึ่งช่วยเปิดบานประตูอีกบานที่ใหม่ทั้งหมดให้กับเขา
หลังจากที่เฉินเหวยเจิ้งได้ทำความบรรลุสุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้แล้ว พลันทำให้เฉินเหวยเจิ้งมีการเข้าใจลึกซึ้งที่ใหม่ทั้งหมด การเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเคล็ดวิชานี้ ทำให้เขาได้ก้าวสู่ระดับอีกระดับหนึ่ง
หลายๆ สิ่งในอดีตที่ไม่เข้าใจ ไม่สามารถทำความบรรลุได้นั้น หลังจากบรรลุสุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้แล้ว พลันทำให้สิ่งซึ่งไม่แน่ใจ ไม่เข้าใจ และหรือที่เป็นคอขวดไม่สามารถฝึกสำเร็จได้ ในเวลานี้ล้วนแล้วแต่หายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
มาคราวนี้ทำให้เฉินเหวยเจิ้งทั้งตื่นตกใจทั้งดีใจจนไม่สามารถตื่นตกใจและดีใจมากไปกว่านั้นอีกแล้ว กล่าวสำหรับเขาแล้วเคล็ดวิชาที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้มานั้น เหนือกว่าเขาฝึกปรือมาเป็นพันปี สิ่งที่ได้รับมาเป็นกอบเป็นกำนั้นไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าได้รับประโยชน์ไม่สิ้นสุดไปชั่วชีวิต
ในเวลานี้ เฉินเหวยเจิ้งยิ่งมั่นใจว่าหลี่ชิเย่ก็คือปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงของพวกเขา เป็นปรมาจารย์ที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์มากผู้หนึ่ง ต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ยิ่งกับผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาอย่างแน่นอน
ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ใช่ปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงล่ะก็ เป็นไปได้อย่างไรที่สามารถบรรลุเคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงได้ทะลุปรุโปร่งได้เพียงนี้ สามารถรู้เคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงได้อย่างลึกซึ้งได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เฉินเหวยเจิ้งกลับไม่รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจในเคล็ดวิชาของผู้เฒ่าอมตะได้ดีกว่าหลี่ชิเย่อีกแล้ว ต่อให้หลี่ชิเย่ไม่เคยได้เห็นเคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงมาก่อนก็ตาม แต่ว่า ขอเพียงอาศัยธาตุแท้ภายในของนิกายหู้ซานจง เขาก็สามารถพัฒนาเคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงขึ้นมาได้ จะอย่างไรเสียเขาเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางปราศจากผู้เทียบเทียมคนหนึ่ง เชี่ยวชาญวิชาของหมื่นแดน เชี่ยวชาญสัจธรรมสัจธรรมตลอดกาล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...