สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2732 ช่างเป็นผู้ตรวจการคนหนึ่ง – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2732 ช่างเป็นผู้ตรวจการคนหนึ่ง ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2732 ช่างเป็นผู้ตรวจการคนหนึ่ง
ศิษย์ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงต่างขยันฝึกปรือกันด้วยความฮึกเหิม เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา การฝึกปรือของศิษย์ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงเรียกได้ว่าสามารถอาศัยคำว่ารวดเร็วอย่างน่าทึ่งมาเปรียบเปรย กระทั่งกล่าวสำหรับคนบางคนแล้ว การฝึกในช่วงครึ่งปีนี้เหนือกว่าการฝึกในอดีตถึงสิบปี กระทั่งมากกว่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับระดับผู้อาวุโส และผู้คุมกฎแล้ว ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้สั่งสม และตกผลึกมาแล้ว เพียงแต่เวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้ พวกเขายังคงหยุดนิ่งอยู่ที่คอขวดสักแห่ง ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้
แต่ว่า มาวันนี้ได้รับการชี้แนะของหลี่ชิเย่ บวกกับภายใต้การเสริมช่วยของพลังสัจธรรมที่พุ่งทะลักขึ้นมาของนิกายหู้ซานจง ไม่รู้ว่ามีระดับผู้อาวุโส และผู้คุมกฎจำนวนเท่าไรที่ทะลุคอขวด เข้าสู่ระดับอีกระดับหนึ่งที่ใหม่ทั้งหมด
เวลานี้ บรรยากาศการฝึกปรือของนิกายหู้ซานจงมีความฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ศิษย์ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงทั้งหมดล้วนแล้วแต่พยายามทุ่มเทอยู่กับการฝึกปรือ ไม่รู้ว่ามีศิษย์จำนวนเท่าไรที่ฝึกจนลืมกินลืมนอน
มาวันนี้ เจ้านิกายเฉินเหวยเจิ้งได้เดินทางมาอย่างเร่งรีบ เพื่อรายงานที่ข้างกายของหลี่ชิเย่ ว่า “ท่านปรมาจารย์ แคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้ส่งผู้ตรวจการชื่อใต้เท้าฝูมาพบ”
หลี่ชิเย่ยังคงเอนนอนอยู่ตรงนั้นเหมือนนอนหลับสนิทไปแล้ว เหมือนว่าไม่ได้ยินคำพูดของเฉินเหวยเจิ้ง
เฉินเหวยเจิ้งเคยชินกับสภาพเช่นนี้ของหลี่ชิเยแล้ว เขายังคงพูดต่อไปว่า “ใต้เท้าฝูมาด้วยเรื่องของมงกฎปราชญ์ เกรงว่าแคว้นโบราณยันต์แปดทิศจะไม่ยินยอมให้นิกายหู้ซานจงของพวกเราปรากฎปรัชญาเมธีรุ่นใหม่ คิดจะชิงเอามงกฎปราชญ์ไป ขอท่านปรมาจารย์ตัดสิน”
ตามหลักแล้ว การแต่งตั้งปรัชญาเมธีคือเรื่องภายในของนิกายหู้ซานจง ไม่ต้องให้บุคคลภายนอกมาก้าวก่าย และสำนักเจ้าลัทธิอื่นๆ ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย
น่าเสียดายที่เวลานี้ยุคสมัยแตกต่างกันแล้ว นิกายหู้ซานจงได้เสื่อมและอ่อนแอลงแล้ว ขณะที่ปรัชญาเมธีของนิกายหู้ซานจงเป็นผู้ที่แบกภารกิจสำคัญเป็นผู้ให้การต้อนรับการกลับชาติมาเกิดใหม่ของผู้เฒ่าอมตะ
กล่าวได้ว่า ตำแหน่งปรัชญาเมธี และฐานะนี้มีความหมายที่ไม่ธรรมดาในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ฐานะสูงส่งมาก
จะอย่างไรเสีย ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่มีเพียงปรัชญาเมธีเท่านั้นที่มีสิทธิ์ไปให้การต้อนรับการกลับชาติมาเกิดใหม่ของผู้เฒ่าอมตะ ลองนึกภาพดู มันช่างเป็นตำแหน่งที่สูงส่งเพียงใด เป็นฐานะที่สูงส่งเช่นใด
ฐานะเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และนับเป็นสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารแล้ว
แต่ว่า แคว้นโบราณยันต์แปดทิศในฐานะหนึ่งในสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารยุคปัจจุบัน พวกเขากลับไม่ได้มีฐานะเช่นนี้ ไม่สามารถมีสายตรงเช่นนี้อยู่ในความครอบครอง
ลองนึกภาพดู เวลานี้หากนิกายหู้ซานจงปรากฏปรัชญาเมธีขึ้นมาคนหนึ่ง และหรือมงกฎปราชญ์กลับคืนสู่นิกายหู้ซานจง สิ่งนี้จะไม่ทำให้แคว้นโบราณยันต์แปดทิศรู้สึกอยากได้มาครอบครองมากได้รึ? ยิ่งไปกว่านั้น นิกายหู้ซานจงในวันนี้ได้เสื่อมลงแล้ว การที่แคว้นโบราณยันต์แปดทิศคิดจะชิงเอามงกฎปราชญ์องค์นี้ไปย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
ด้วยเหตุนี้เอง แคว้นโบราณยันต์แปดทิศจึงได้ส่งผู้ตรวจการมาคนหนึ่ง หลังจากได้ข่าวนี้แล้ว
“มาแล้ว ก็พบสักหน่อย ไม่เห็นจะมีอะไรหนักหนา” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่จึงได้กล่าวเรียบเฉยขึ้น และไม่ได้ลืมตาขึ้นมา
“ท่านปรมาจารย์ เพียงแต่ผู้ตรวจการฝูคือระดับเทพแท้จริง ชั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นสามคนหนึ่ง” เฉินเหวยเจิ้งถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ ถูมือไปมา ท่าทางดูผะอืดผะอมอยู่บ้าง
สมควรทราบว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหู้ซานจงก็คือตัวเขาแล้ว ซึ่งเป็นเพียงระดับเทพแท้จริงเท่านั้นเอง
ขณะที่แคว้นโบราณยันต์แปดทิศส่งผู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริง ขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นสามมา เมื่อเป็นเช่นนี้ หากแคว้นโบราณยันต์แปดทิศของพวกเขาต้องการชิงเอามงกฎปราชญ์ไป ยังจะมีใครในนิกายหู้ซานจงสามารถต้านเอาไว้ได้?
เวลานี้เฉินเหวยเจิ้งคิดจะปกป้องมงกุฎปราชญ์ ปกป้องกัวเจียหุ้ยก็ไม่มีกำลังเช่นนี้ ในนิกายหู้ซานจงของพวกเขาไม่มีใครสามารถต้านผู้ตรวจการของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้
นี่แหละเป็นสาเหตุที่เฉินเหวยเจิ้งต้องรายงานต่อหลี่ชิเย่ หากไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วเขาเองก็ไม่กล้ามารบกวนหลี่ชิเย่
“เข็นข้าไป” หลี่ชิเย่เพียงสั่งการเรียบเฉย กัวเจียหุ้ยได้เข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนออกไป
เฉินเหวยเจิ้งรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ยอมลงมือ เรื่องใหญ่เป็นที่แน่นอนแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่ ยอมลงมือก็สามารถปกป้องมงกุฎปราชญ์เอาไว้ได้แล้ว
ในห้องโถงสำหรับประชุมเรื่องสำคัญของนิกายหู้ซานจง เดิมทีเป็นสถานที่ที่สำหรับระดับสูงของนิกายหู้ซานจงใช้ประชุมหารือ แต่ว่า เวลานี้ได้ถูกแขกที่มาจากแคว้นโบราณยันต์แปดทิศยึดครองไปใช้แล้ว
ผู้ตรวจการที่แคว้นโบราณยันต์แปดทิศส่งมาในคราวนี้มีชื่อว่าฝูคุน
เมื่อแคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้ข่าวว่าปรัชญาเมธีรุ่นใหม่ของนิกายหู้ซานจงได้รับการแต่งตั้งแล้ว ก็ได้ส่งผู้ตรวจการคนหนึ่งมาทันที
ขณะที่ผู้ตรวจการฝูคุนได้นำกำลังมาจำนวนหนึ่ง เป็นกองกำลังที่เกรียงไกรมาก จุดประสงค์ย่อมเป็นที่ชัดเจนแล้ว
“เจ้านิกายเฉิน ลูกไม้ตื้นๆ แค่นี้ของนิกายหู้ซานจงพวกเจ้าหลอกสายตาคู่นี้ของข้าไม่ได้หรอกนะ นิกายหู้ซานจงของพวกเจ้าคงไม่บอกว่าปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงที่ตัดขาดจากโลกภายนอกกลับมาพร้อมกับนำเอามงกุฎปราชญ์มาด้วย ดังนั้น นิกายหู้ซานจงพวกเจ้าจึงได้แต่งตั้งปรัชญาเมธีรุ่นใหม่ขึ้นมา” ฝูคุนกล่าวน้ำเสียงเย็น่ชาขึ้นมา
“เรียนผู้ตรวจการ ประมาณนี้แหละ” เฉินเหวยเจิ้งเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ช่างแกล้งทำเป็นปิดหูปิดตาผู้คนเลยนะ” ฝูคุนหัวเราะน่าเกรงขาม และกล่าวว่า “วิธีการเช่นนี้ในสายตาของข้ามันใช้ไม่ได้ คนนี้ก็คือปรัชญาเมธีที่พวกเจ้าพูดถึงนะสิ แค่นังหนูที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งก็กล้าเป็นปรัชญาเมธี ไม่เจียมตัวเสียเลย!”
เวลานี้สายตาของฝูคุนตกไปอยู่บนตัวของกัวเจียหุ้ย ที่ถูกต้องกว่าต้องบอกว่าตกไปอยู่บนมงกุฎปราชญ์ที่อยู่บนศีรษะของกัวเจียหุ้ยมากกว่า
“นี่ก็คือมงกุฎปราชญ์ที่เล่าลือกันว่าหายสาบสูญไปนานน่ะสิ” ฝูคุนจ้องเขม็งไปที่มงกุฎปราชญ์ที่อยู่บนศีรษะของกัวเจียหุ้ย ความจริงแล้วเข้าเองก็ไม่เคยได้เห็นมงกุฎปราชญ์มาก่อน ขณะที่ในเวลานี้ในสายตาของเขามองว่ามงกุฎปราชญ์องค์นี้ก็คือหมูในอวยอยู่แล้ว
“เรียนผู้ตรวจการ ถูกต้อง” เฉินเหวยเจิ้งตอบพร้อมกับมองดูฝูคุนทีหนึ่ง เฉินเหวยเจิ้งเองก็รู้ว่าฝูคุนคิดจะชิงเอามงกุฎปราชญ์องค์นี้ไป ถ้าหากไม่สามารถเชิญหลี่ชิเย่ออกมาได้ เขาเองก็ไม่กล้าให้กัวเจียหุ้ยสวมใส่มงกุฎปราชญ์บนศีรษะออกมา หาไม่แล้วเมื่อฝูคุนลงมือ ใครเล่าจะขวางเอาไว้ได้
“ฮึเจ้านิกายเฉิน การกระทำเช่นนี้ของนิกายหู้ซานจงเป็นการปล่อยข่าวลือสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ซึ่งเป็นโทษหนัก” เวลานี้ฝูคุนได้กล่าวน่าเกรงขามขึ้นว่า “นิกายหู้ซานจงส่งมอบมงกุฎปราชญ์ออกมาในเวลานี้เพื่อทำคุณไถ่โทษยังไม่สาย มิฉะนั้นล่ะก็ จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก”
“เรียนผู้ตรวจการ การแต่งตั้งปรัชญาเมธีคือเรื่องภายในของนิกายหู้ซานจง และเป็นกิจการภายในของนิกายหู้ซานจง นิกายหู้ซานจงชองพวกเราก็แค่แจ้งให้สำนักต่างๆ รับทราบเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้แต่ละสำนักต้องเหนื่อยและมาก้าวก่าย” เฉินเหวยเจิ้งกล่าวด้วยท่าทีที่ไม่หยิ่งยโส และไม่ทำตัวต้อยต่ำ
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของเฉินเหวยเจิ้งนั้นไม่ได้มีปัญหาใดๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาการแต่งตั้งปรัชญาเมธีล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของนิกายหู้ซานจง สำนักอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย แม้แต่วิหารอมตะก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องการแต่งตั้งปรัชญาเมธีของนิกายหู้ซานจง
“ฮึเจ้านิกายเฉิน เจ้าพูดจาควรจะระวังสักนิด” ฝูคุนกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ยุคสมัยต่างกัน นิกายหู้ซานจงพวกเจ้าได้เสื่อมลงแล้ว นิกายหู้ซานจงพวกเจ้าได้เสียสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองมงกุฎปราชญ์แล้ว ยิ่งกว่านั้นยังไม่อนุญาตให้นิกายหู้ซานจงพวกเจ้าแต่งตั้งปรัชญาเมธี มิฉะนั้นก็เท่ากับลบหลู่ต่อปรัชญาเมธี!”
ครั้นฝูคุนเอ่ยมาถึงตรงนี้ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นสถึงแววตาที่ดุเดือดรุนแรง กล่าวน่าเกรงขามขึ้นว่า “เจ้านิกายเฉิน หากรู้จักกาลเทศะล่ะก็ มอบมงกุฎปราชญ์ออกมาเดี๋ยวนี้ อย่าได้ทำให้ตนเองต้องเดือดร้อน”
เฉินเหวยเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ท่าทีหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆว่า “เรียนผู้ตรวจการ มงกุฎปราชญ์ในพันล้านปีที่ผ่านมาเป็นก็เป็นสมบัติของนิกายหู้ซานจงอยู่แล้ว ปรัชญาเมธีก็ต้องมาจากนิกายหู้ซานจงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ไม่สามารถช่วงชิงไปได้!”
………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...