ตอนที่ 2737 ผู้เฒ่าที่ประหลาดคนหนึ่ง
หลี่ชิเย่นำพาพวกกัวเจียหุ้ยขัดเกลาไปตลอดทางมุ่งหน้าไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา ระหว่างทางได้ผ่านการขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกของกัวเจียหุ้ยก็ค่อยๆ เติบใหญ่ ค่อยๆ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หลังจากผ่านการขัดเกลามาครั้งแล้วครั้งเล่า การประสานร่วมมือกันระหว่างพวกเขาทั้งเจ็ดคนก็มีใจที่ตรงกันมากขึ้น พวกเขาต่อสู้อย่างดุเดือดมาตลอดทาง ช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน มิตรภาพก็มีความลึกซึ้งมากขึ้น
แรกเริ่มทีเดียว การขัดเกลาที่หลี่ชิเย่ป้อนให้ระหว่างทางมีความถี่มากยิ่ง จากการที่พวกเขาผ่านการขัดเกลามากขึ้นเรื่อยๆ หลี่ชิเย่ก็เริ่มขัดเกลาพวกเขาเบาบางลงอย่างช้าๆ
ท่ามกลางเส้นทางระยะหลังๆ นี้ การขัดเกลาที่หลี่ชิเย่จัดให้พวกเขาเรียกว่าน้อยลงไปมากทีเดียว ทำให้ภาพรวมการเดินทางเริ่มผ่อนคลายลงไม่น้อย เสมือนดั่งเป็นการท่องเที่ยวชมนกชมไม้อย่างนั้น
จากการที่พวกเขาก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดทาง พวกเขาห่างจากเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาใกล้เข้าไปทุกที ผู้คนที่พวกเขาพบเจอระหว่างทางก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้คนที่พวกเขาได้พบเห็นระหว่างทางก็มีหลากหลายแตกต่างกันออกไป มีศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร และมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมียอดฝีมือของเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่ในยามปรกติพบเห็นได้ยาก
ตลอดทางที่พวกของกัวเจียหุ้ยก้าวเดินมา ทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาเป็นอันมาก และเพิ่มพูนประสบการณ์ให้พวกเขาไม่น้อย
จะอย่างไรเสียนี่เป็นครั้งแรกที่พวกของกัวเจียหุ้ยห่างไกลจากสำนักของตน เป็นการเดินทางไกลเป็นครั้งแรก ปรกติเมื่ออยู่ภายในสำนักของตน ผู้คนที่หลากหลาย เรื่องราวที่แปลกประหลาดที่ไม่ได้เห็น จะได้พบ ได้เห็นแต่ละอย่างระหว่างการเดินทาง
ในวันนี้ ขบวนของพวกหลี่ชิเย่ได้เร่งเดินทางเหมือนปรกติที่ผ่านมา เพียงแต่ระหว่างทางพลันปรากฎฝนที่ตกลงมาพรำๆ
แน่นอน สำหรับพวกของกัวเจียหุ้ยที่เป็นผู้บำเพ็ญตนแล้ว ต่อให้เป็นพายุฝนฟ้าคะนองก็ไม่นับเป็นอะไรได้ เพียงแต่ทุกคนไม่ต้องการให้หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนต้องตากฝน บังเอิญข้างทางมีศาลาอยู่หลังหนึ่ง เฉินเหวยเจิ้งจึงพาทุกคนเข้าไปหลบฝนในศาลาหลังนั้น
จากการที่เวลาเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ พวกเฉินเหวยเจิ้งกำลังพิจารณาว่าจะฝ่าสายฝนออกเดินทางต่อไปดีหรือไม่นั้น ในเวลานี้เองปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้นมาท่ามกลางสายฝน
มองเห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาท่ามกลางสายฝน ในมือกางร่มกระดาษเอาไว้ ก้าวเดินเข้ามาช้าๆ เขาเดินไม่เร็ว เหมือเป็นการเดินเล่นท่ามกลางสายฝนอย่างนั้น
หน้าตาของผู้เฒ่าผู้นี้แปลกประหลาดมาก ดูไปแล้วอายุไม่น้อยทีเดียว แต่กลับดูมีกำลังวังชาและแข็งแรงมาก การย่างก้าวมั่นคงแข็งแรง แลดูมีความปราดเปรียวอย่างยิ่ง ไม่เหมือนเป็นผู้สูงอายุ
เสื้อผ้าที่ผู้เฒ่าสวมใส่ก็ดูจะพิถีพิถัน แม้ว่าเสื้อผ้าบนตัวจะแลดูเก่าแก่โบราณอยู่บ้าง แต่ว่าสะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง วัตถุดิบที่ใช้สำหรับตัดชุดก็ดูจะพิถีพิถัน ทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้ได้ทันทีว่าชาติกำเนิดของผู้เฒ่าหากไม่ใช่ฐานะดีก็คือมีฐานะสูงส่ง
ดูไปแล้วผู้เฒ่าผู้นี้ไม่เหมือนเป็นผู้บำเพ็ญตน บนตัวของเขาไม่ได้มีกลิ่นอายที่ผู้บำเพ็ญตนพึงมี และไม่ได้มีพลังตลบอบอวลที่ผู้บำเพ็ญตนพึงมี ผู้เฒ่าผู้นี้มองดูเหมือนเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งมากกว่า บนตัวของเขามีกลิ่นอายของตำราสายหนึ่ง ดูไปแล้วเหมือนเป็นครูสอนหนังสือของหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง หรือเป็นครูสอนส่วนตัวในบ้านตนเอง และหรือเป็นปัญญาชนหัวโบราณคนหนึ่ง
ผู้เฒ่าลักษณะเช่นนี้คนหนึ่งที่ก้าวเดินมาท่ามกลายสายฝน ไม่ได้มีอะไรน่าแปลก พวกของกัวเจียหุ้ยที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็แค่มองว่าเป็นผู้เฒ่าธรรมดาๆ คนหนึ่ง เป็นผู้เฒ่าธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เดินทางมาท่ามกลางสายฝนเท่านั้น
แต่ว่า ประสบการณ์ของเฉินเหวยเจิ้งในฐานะเจ้านิกายย่อมมีมากกว่าพวกกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างกัวเจียหุ้ย ในเวลานี้เฉินเหวยเจิ้งพบว่า ขณะที่ผู้เฒ่าผู้นี้ก้าวเดินมาท่ามกลางสายฝนนั้น ไม่ว่าน้ำฝนจะตกพรำๆ ลงมาอย่างใด และไม่ว่าถนนหนทางจะแฉะไปด้วยดินโคลนเช่นใด รองเท้าผ้าใบคู่นั้นของผู้เฒ่ากลับไม่เปื้อนน้ำเลยแม้แต่หยดเดียว
เฉินเหวยเจิ้งดูรู้ได้ทันทีเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ผู้เฒ่าที่เดินทอดน่องอยู่ท่ามกลางสายฝนผู้นี้หาใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาอะไร ต้องเป็นผู้เยี่ยมยุทธที่สูงส่งมากคนหนึ่งแน่นอน
ผู้เฒ่าที่ก้าวเดินอยู่ท่ามกลางสายฝน ในเวลานี้เขาเองก็ได้มองเห็นศาลาที่ตั้งอยู่ข้างทางพอดี และเดินเข้ามาหลบฝนเช่นกัน
เฉินเหวยเจิ้งส่งสายตาให้กับพวกของกัวเจียหุ้ย ให้พวกเขาเว้นที่ให้กับผู้เฒ่าที่หนึ่ง เมื่อเห็นผู้เฒ่าเดินเข้ามาหลบฝน
“ผู้อาวุโส ท่านนั่งตรงนี้” เมื่อผู้เฒ่าหุบเก็บร่มกระดาษแล้ว หลี่เจี้ยนคุนรีบสละที่ให้และกล่าวกับผู้เฒ่า
“เหอะ เหอะ เหอะเวลานี้คนหนุ่มที่มีมารยาทมีไม่มาก มีไม่มาก” ผู้เฒ่าหัวเราะเหอะเหอะแล้วนั่งลง
เฉินเหวยเจิ้งถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้เมื่อผู้เฒ่าได้นั่งลงแล้ว
ผู้เฒ่าลักษณะเช่นนี้พลันปรากฏขึ้นท่ามกลางสายฝน เขารู้สึกว่ามันบังเอิญไปนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าไปครุ่นคิดพิจารณาโดยละเอียด
“พ่อหนุ่มนับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถมาก และมีลักษณะท่าทางกิริยางดงาม เป็นผู้ที่มีความสามารถมาก และมีลักษณะท่าทางกิริยางดงาม” ครั้นผู้เฒ่าจัดการกับร่มกระดาษมันของตนเรียบร้อยแล้ว สายตาตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน จากนั้นได้กล่าวชื่มชมขึ้นมา
ภายในใจของพวกกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างหลี่เจี้ยนคุนถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาเองก็รู้ว่าปรมาจารย์ของพวกเขามีความแข็งแกร่งยิ่งนัก และมีความสามารถยอดเยี่ยมมาก
แต่ว่า ลักษณะท่าทางของปรมาจารย์ในเวลานี้ของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้ากับคำว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถมาก และมีลักษณะท่าทางกิริยางดงาม ปรมาจารย์พวกเขาในเวลานี้นอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนไม่ไหวติง คนที่ไม่รู้ความยังเข้าใจว่าเขาเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่งเท่านั้น
ต่อให้เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน หน้าตาของเขาดูไปแล้วก็ธรรมดาๆ ธรรมดามากๆ ไม่ว่าอย่างไรก็บอกไม่ได้ว่าเป็นผู้ที่มีลักษณะท่าทางกิริยางดงาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...