ตอนที่ 2743 ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว
หลังจากที่พวกของหลี่เจี้ยนคุนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ได้ก้าวเข้าไปยังสมรภูมิรบโบราณ พวกเขาตั้งเป็นขบวนเดินหน้าเข้าไปในสมรภูมิรบโบราณช้าๆ
ก่อนหน้านั้น หลี่ชิเย่ได้ถ่ายทอดค่ายกลที่ทรงพลังยิ่งให้กับพวกเขา ค่ายกลนี้มีพลานุภาพที่แข็งแกร่งมาก และเป็นค่ายกลที่สร้างขึ้นเหมาะสำหรับพวกเขาทั้งเจ็ดคนมากเป็นพิเศษ
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่พวกหลี่เจี้ยนคุนทั้งเจ็ดก้าวเดินไปถึงบริเวณกึ่งกลางของสมรภูมิรบโบราณนั้น พลันสมรภูมิรบโบราณได้แตกออกกะทันหัน เสมือนดั่งเป็นสุสานโบราณหลังหนึ่งที่แยกออก ปรากฏซากศพๆ หนึ่งกระโดดออกมาจากใต้พื้นดิน
มันเป็นมนุษย์ยักษ์คนหนึ่ง รูปร่างเมื่อเทียบกับพวกหลี่เจี้ยนคุนแล้วสูงมากกว่าเท่าตัว ซากศพดุร้ายตัวนี้ถึงกับมีสี่แขน แขนอีกสองข้างนั้นงอกออกมาจากบริเวณชายโครง
แขนทั้งสี่ถือกระบี่ยักษ์ข้างละหนึ่งเล่ม กระบี่ยักษ์ในมือของมันยาวเท่าๆ กับลำตัวของมัน แม้ว่ากระบี่ยักษ์ทั้งสี่เล่มจะมีร่องรอยการขึ้นสนิมไปแล้ว แต่ยังคงมีจิตวิญญาณที่ตลบอบอวล
“ฆ่า…” ในเวลานี้ พวกของหลี่เจี้ยนคุนมองตากันและกันทีหนึ่ง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ระหว่างพวกเขาทั้งเจ็ดปรากฏประกายที่ลอยขึ้น ลวดลายของค่ายกลปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของพวกเขาแวบหนึ่งแล้วหายไป
ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่เจี้ยนคุนร้องเสียงดังขึ้นมายังคงใช้วิธีเดิมๆ ก่อนหน้านั้น มือหนึ่งถือโล่ อีกมือหนึ่งถือกระบี่ อาศัยท่วงท่าที่แข็งแกร่งที่สุดบุกเข้าไป ขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่อุตลุดด้วยการก้าวเหยียบลงบนพื้นดิน ได้ยินเสียงที่หนักหน่วงดังสนั่นหวั่นไหวปัง ปัง ปังขึ้นมา
แต่ว่า จังหวะที่หลี่เจี้ยนคุนยังไม่ทันได้บุกสังหารถึงตัวซากศพมนุษย์ยักษ์ตัวนี้นั้น มองเห็นซากศพดังกล่าวเคลื่อนที่แวบหนึ่ง พลันแทรกตัวเข้าไปในค่ายกลของคนทั้งเจ็ด
ยังไม่ทันที่พวกของหลี่เจี้ยนคุนจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังตึงขึ้นมาไม่ขาดสาย กระบี่ทั้งสี่ของมนุษย์ยักษ์พลันก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ขึ้นมา และฟาดฟันเข้าหากัวเจียหุ้ยอย่างหนักหน่วง
“เฮ้ยยย…” กัวเจียหุ้ยลงมืออย่างรีบเร่งเมื่อถูกโจมตีกะทันหัน หนึ่งกระบี่ผงาดฟ้า เข้าขวางกระบี่ยักษ์สี่เล่มที่ฟาดฟันเข้ามาโดยตรง
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้นมา กัวเจียหุ้ยไหนเลยรับกับการโจมตีเช่นนี้ได้ ถูกพลังกระบี่ฟาดฟันจนตัวลอยออกไป กระอักเลือดออกมาอย่างแรง เลือดสดๆ แตกกระจาย
จังหวะที่กัวเจียหุ้ยถูกกระแทกจนตัวลอยออกไปยังไม่ทันตกลงพื้น ซากศพยักษ์ตัวนี้พลันไล่ติดตามไป เห็นหนึ่งกระบี่ของมันที่ลากเป็นเงากระบี่ยาวและฟาดฟันเข้าไปโดยตรง
กัวเจียหุ้ยตกใจยิ่งนัก ด้วยความผวาพลันพลิกฝ่ามือใช้โล่เข้ากำบังกาย ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังปัง โล่ยักษ์ถูกฟันจนแตกละเอียด หนึ่งกระบี่ฟาดเข้าใส่ร่างของกัวเจียหุ้ยอย่างแรง
“ระวัง…” เฉินเหวยเจิ้งถูกทำให้ตื่นตระหนกยิ่งนัก เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้
เสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง กัวเจียหุ้ยถูกฟันเข้าหนึ่งกระบี่ ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกกขึ้นมา ในเวลานี้เอง สิ่งที่คลุมป้องกันร่างพลันแตกละเอียด และในเสี้ยววินาทีนี้เอง ท่ามกลางเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น ร่างของกัวเจียหุ้ยหายตัวไปจากที่ตรงนั้น ถูกส่งตัวออกไปทันที
“ฆ่า…” ในพริบตาเดียวนั้นเอง พวกของจ้าวจื้อถิงเพิ่งจะไล่ตามทันซากศพยักษ์ และล้อมโจมตีเข้าไป
แต่ว่า มองเห็นกระบี่เหล็กทั้งสี่ที่อยู่ในมือของซากศพยักษ์ที่พลิกแพลงไปมา ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังที่ดังขึ้น พวกของจ้าวจื้อถิงก็ไม่สามารถต้านเอาไว้ได้นานสักเท่าไร ถูกพลังโจมตีของซากศพยักษ์จนลอยออกไปทีละคน และถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในระยะเวลาอันสั้น
พวกเขาต่างถูกทำลายสิ่งครอบคลุมป้องกันร่างบนตัวไปจนสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ท่ามกลางเสียงแว้งค์นั้น พวกเขาถูกส่งตัวออกจากสมรภูมิรบโบราณในพริบตาเดียว
พวกของกัวเจียหุ้ยทั้งเจ็ดคนพ่ายแพ้ทั้งหมดภายในระยะเวลาอันสั้นภายใต้เงื้อมมือของซากศพยักษ์ตัวนี้ โดยที่ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้นานสักเท่าไร
หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูสักแวบหนึ่ง เพียงนอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนเหมือนนอนหลับสนิทไปแล้วอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ พวกของกัวเจียหุ้ยที่ถูกส่งตัวออกมาจึงได้กลับไปที่ทางเข้าสมรภูมิรบโบราณอีกครั้ง
“โง่…” หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูพวกเขาสักแวบหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ค่ายกลยังไม่ทันได้ใช้ก็ถูกตีแตกพ่ายแล้ว หากอยู่ในสนามรบมาตรฐานเช่นพวกเจ้าคงตายไปพันครั้งแล้ว!”
พวกของกัวเจียหุ้ยถึงกับอายจนต้องก้มหน้าลงต่ำ นี่เป็นการพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากที่สุดตั้งแต่พวกเขาได้ผ่านการขัดเกลามา
ความจริงแล้ว ยังคงเป็นพวกเขาที่ประมาทศัตรูเกินไป เนื่องจากก่อนหน้าที่พวกเขารับการขัดเกลามาโดยตลอดนั้น แม้ว่าจะเคยล้มเหลว แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังสามารถฝ่ามาได้ ทำให้ภายในใจของพวกเขาเริ่มมีการผ่อนคลายลงบ้าง เข้าใจว่าอาศัยการร่วมมือประสานกันอย่างรู้ใจ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสามารถต้านการโจมตีอย่างรุนแรงได้
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ค่ายกลยังไม่ทันใด้สำแดงอานุภาพขึ้นมา ก็ถูกตีแตกพ่ายไปโดยพลันเสียแล้ว
หลี่ชิเย่ถือโอกาสโยนยาสมานแผลให้ไปตามอารมณ์ และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ครั้งหน้าหากถูกตีแตกพ่ายแพ้กลับมาภายในหนึ่งหรือสองกระบวนท่าอีกล่ะก็ พวกเจ้ายังคงกลับไปอยู่เฉยๆ ที่นิกายหู้ซานจงก็แล้วกัน”
ช่วงเวลาปรกติหลี่ชิเย่เป็นคนพูดง่าย แต่เมื่อไรที่อยู่ในระหว่างฝึกปรือขัดเกลา เขามีความเข้มงวดมากยิ่งกว่าใครเสียอีก
หลังจากที่พวกกัวเจียหุ้ยได้ทานยาสมานแผลแล้ว ก็ได้เดินลมปราณเพื่อปรับพลังในกาย ยาสมานแผลของหลี่ชิเย่นั้นมีอานุภาพเพียงใด พวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ฟื้นคืนกำลังขึ้นมาอีกครั้งภายในระยะเวลาอันสั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...