ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2743

สรุปบท ตอนที่ 2743 ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2743 ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 2743 ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2743 ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว

หลังจากที่พวกของหลี่เจี้ยนคุนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ได้ก้าวเข้าไปยังสมรภูมิรบโบราณ พวกเขาตั้งเป็นขบวนเดินหน้าเข้าไปในสมรภูมิรบโบราณช้าๆ

ก่อนหน้านั้น หลี่ชิเย่ได้ถ่ายทอดค่ายกลที่ทรงพลังยิ่งให้กับพวกเขา ค่ายกลนี้มีพลานุภาพที่แข็งแกร่งมาก และเป็นค่ายกลที่สร้างขึ้นเหมาะสำหรับพวกเขาทั้งเจ็ดคนมากเป็นพิเศษ

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่พวกหลี่เจี้ยนคุนทั้งเจ็ดก้าวเดินไปถึงบริเวณกึ่งกลางของสมรภูมิรบโบราณนั้น พลันสมรภูมิรบโบราณได้แตกออกกะทันหัน เสมือนดั่งเป็นสุสานโบราณหลังหนึ่งที่แยกออก ปรากฏซากศพๆ หนึ่งกระโดดออกมาจากใต้พื้นดิน

มันเป็นมนุษย์ยักษ์คนหนึ่ง รูปร่างเมื่อเทียบกับพวกหลี่เจี้ยนคุนแล้วสูงมากกว่าเท่าตัว ซากศพดุร้ายตัวนี้ถึงกับมีสี่แขน แขนอีกสองข้างนั้นงอกออกมาจากบริเวณชายโครง

แขนทั้งสี่ถือกระบี่ยักษ์ข้างละหนึ่งเล่ม กระบี่ยักษ์ในมือของมันยาวเท่าๆ กับลำตัวของมัน แม้ว่ากระบี่ยักษ์ทั้งสี่เล่มจะมีร่องรอยการขึ้นสนิมไปแล้ว แต่ยังคงมีจิตวิญญาณที่ตลบอบอวล

“ฆ่า…” ในเวลานี้ พวกของหลี่เจี้ยนคุนมองตากันและกันทีหนึ่ง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ระหว่างพวกเขาทั้งเจ็ดปรากฏประกายที่ลอยขึ้น ลวดลายของค่ายกลปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของพวกเขาแวบหนึ่งแล้วหายไป

ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่เจี้ยนคุนร้องเสียงดังขึ้นมายังคงใช้วิธีเดิมๆ ก่อนหน้านั้น มือหนึ่งถือโล่ อีกมือหนึ่งถือกระบี่ อาศัยท่วงท่าที่แข็งแกร่งที่สุดบุกเข้าไป ขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่อุตลุดด้วยการก้าวเหยียบลงบนพื้นดิน ได้ยินเสียงที่หนักหน่วงดังสนั่นหวั่นไหวปัง ปัง ปังขึ้นมา

แต่ว่า จังหวะที่หลี่เจี้ยนคุนยังไม่ทันได้บุกสังหารถึงตัวซากศพมนุษย์ยักษ์ตัวนี้นั้น มองเห็นซากศพดังกล่าวเคลื่อนที่แวบหนึ่ง พลันแทรกตัวเข้าไปในค่ายกลของคนทั้งเจ็ด

ยังไม่ทันที่พวกของหลี่เจี้ยนคุนจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังตึงขึ้นมาไม่ขาดสาย กระบี่ทั้งสี่ของมนุษย์ยักษ์พลันก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ขึ้นมา และฟาดฟันเข้าหากัวเจียหุ้ยอย่างหนักหน่วง

“เฮ้ยยย…” กัวเจียหุ้ยลงมืออย่างรีบเร่งเมื่อถูกโจมตีกะทันหัน หนึ่งกระบี่ผงาดฟ้า เข้าขวางกระบี่ยักษ์สี่เล่มที่ฟาดฟันเข้ามาโดยตรง

ปังเสียงหนึ่งดังขึ้นมา กัวเจียหุ้ยไหนเลยรับกับการโจมตีเช่นนี้ได้ ถูกพลังกระบี่ฟาดฟันจนตัวลอยออกไป กระอักเลือดออกมาอย่างแรง เลือดสดๆ แตกกระจาย

จังหวะที่กัวเจียหุ้ยถูกกระแทกจนตัวลอยออกไปยังไม่ทันตกลงพื้น ซากศพยักษ์ตัวนี้พลันไล่ติดตามไป เห็นหนึ่งกระบี่ของมันที่ลากเป็นเงากระบี่ยาวและฟาดฟันเข้าไปโดยตรง

กัวเจียหุ้ยตกใจยิ่งนัก ด้วยความผวาพลันพลิกฝ่ามือใช้โล่เข้ากำบังกาย ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังปัง โล่ยักษ์ถูกฟันจนแตกละเอียด หนึ่งกระบี่ฟาดเข้าใส่ร่างของกัวเจียหุ้ยอย่างแรง

“ระวัง…” เฉินเหวยเจิ้งถูกทำให้ตื่นตระหนกยิ่งนัก เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้

เสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง กัวเจียหุ้ยถูกฟันเข้าหนึ่งกระบี่ ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกกขึ้นมา ในเวลานี้เอง สิ่งที่คลุมป้องกันร่างพลันแตกละเอียด และในเสี้ยววินาทีนี้เอง ท่ามกลางเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น ร่างของกัวเจียหุ้ยหายตัวไปจากที่ตรงนั้น ถูกส่งตัวออกไปทันที

“ฆ่า…” ในพริบตาเดียวนั้นเอง พวกของจ้าวจื้อถิงเพิ่งจะไล่ตามทันซากศพยักษ์ และล้อมโจมตีเข้าไป

แต่ว่า มองเห็นกระบี่เหล็กทั้งสี่ที่อยู่ในมือของซากศพยักษ์ที่พลิกแพลงไปมา ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังที่ดังขึ้น พวกของจ้าวจื้อถิงก็ไม่สามารถต้านเอาไว้ได้นานสักเท่าไร ถูกพลังโจมตีของซากศพยักษ์จนลอยออกไปทีละคน และถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในระยะเวลาอันสั้น

พวกเขาต่างถูกทำลายสิ่งครอบคลุมป้องกันร่างบนตัวไปจนสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ท่ามกลางเสียงแว้งค์นั้น พวกเขาถูกส่งตัวออกจากสมรภูมิรบโบราณในพริบตาเดียว

พวกของกัวเจียหุ้ยทั้งเจ็ดคนพ่ายแพ้ทั้งหมดภายในระยะเวลาอันสั้นภายใต้เงื้อมมือของซากศพยักษ์ตัวนี้ โดยที่ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้นานสักเท่าไร

หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูสักแวบหนึ่ง เพียงนอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนเหมือนนอนหลับสนิทไปแล้วอย่างนั้น

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ พวกของกัวเจียหุ้ยที่ถูกส่งตัวออกมาจึงได้กลับไปที่ทางเข้าสมรภูมิรบโบราณอีกครั้ง

“โง่…” หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูพวกเขาสักแวบหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ค่ายกลยังไม่ทันได้ใช้ก็ถูกตีแตกพ่ายแล้ว หากอยู่ในสนามรบมาตรฐานเช่นพวกเจ้าคงตายไปพันครั้งแล้ว!”

พวกของกัวเจียหุ้ยถึงกับอายจนต้องก้มหน้าลงต่ำ นี่เป็นการพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากที่สุดตั้งแต่พวกเขาได้ผ่านการขัดเกลามา

ความจริงแล้ว ยังคงเป็นพวกเขาที่ประมาทศัตรูเกินไป เนื่องจากก่อนหน้าที่พวกเขารับการขัดเกลามาโดยตลอดนั้น แม้ว่าจะเคยล้มเหลว แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังสามารถฝ่ามาได้ ทำให้ภายในใจของพวกเขาเริ่มมีการผ่อนคลายลงบ้าง เข้าใจว่าอาศัยการร่วมมือประสานกันอย่างรู้ใจ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสามารถต้านการโจมตีอย่างรุนแรงได้

ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ค่ายกลยังไม่ทันใด้สำแดงอานุภาพขึ้นมา ก็ถูกตีแตกพ่ายไปโดยพลันเสียแล้ว

หลี่ชิเย่ถือโอกาสโยนยาสมานแผลให้ไปตามอารมณ์ และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ครั้งหน้าหากถูกตีแตกพ่ายแพ้กลับมาภายในหนึ่งหรือสองกระบวนท่าอีกล่ะก็ พวกเจ้ายังคงกลับไปอยู่เฉยๆ ที่นิกายหู้ซานจงก็แล้วกัน”

ช่วงเวลาปรกติหลี่ชิเย่เป็นคนพูดง่าย แต่เมื่อไรที่อยู่ในระหว่างฝึกปรือขัดเกลา เขามีความเข้มงวดมากยิ่งกว่าใครเสียอีก

หลังจากที่พวกกัวเจียหุ้ยได้ทานยาสมานแผลแล้ว ก็ได้เดินลมปราณเพื่อปรับพลังในกาย ยาสมานแผลของหลี่ชิเย่นั้นมีอานุภาพเพียงใด พวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ฟื้นคืนกำลังขึ้นมาอีกครั้งภายในระยะเวลาอันสั้น

ในขณะเดียวกัน สองพี่น้องหลินซิวได้เข้าล้อมทางด้านซ้ายขวา เสมือนดั่งอินทรีเหินเหยี่ยวนกกระจอกช่วงชิง คลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เปิดกว้าง พวกเขาได้กลับกลายเป็นอินทรีเทพ และเหยี่ยวนกกระจอกเหล็ก บุกเข้าสังหาร

การลงมือของหวังเสวียหง ขณะที่คลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เปิดขึ้น ปรากฏดวงดาวเต็มท้องฟ้า เสมือนดั่งปริมาณเม็ดทรายจากแม่น้ำคงคาที่ยิงเข้าใส่ซากศพยักษ์สี่แขน

สำหรับลู่ยั่วซีผู้มีอายุน้อยที่สุด เมื่อคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของนางเปิดขึ้น ร่างของนางเสมือนดั่งมังกรที่เคลื่อนที่ไปมา ทำการต่อสู้พัวพันอยู่กับซากศพยักษ์สี่แขนครั้งแล้วครั้งเล่า

สุดท้าย กัวเจียหุ้ยได้ลงมือแล้ว ร่างของนางเคลื่อนที่ดั่งสายฟ้าแลบ ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ภายใต้การเปิดอย่างเต็มที่ของคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ตัวของนางเสมือนดั่งกลับกลายเป็นหอกศักดิ์สิทธิ์ที่คมกริบมากที่สุด พลันแทงไปยังหัวใจของซากศพยักษ์สี่แขน

การโจมตีของกัวเจียหุ้ยนับว่าทรงพลังอย่างยิ่ง และเพียงพอที่จะถึงแก่ชีวิตได้ ภายใต้การช่วยเหลือของค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว นางได้กำหอกศักดิ์สิทธิ์ที่คมกริบมากที่สุดอยู่ในมือแล้ว และคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำการถ่ายทอดพลังสัจธรรมที่ไม่ขาดสายดั่งคลื่นยักษ์เข้าไป

ได้ยินเสียงดังฉึกขึ้นมาเสียงหนึ่ง หอกศักดิ์สิทธิ์ได้แทงทะลุเสื้อของซากศพยักษ์สี่แขนและถึงอกของเขาแล้ว แต่ว่า ท้ายที่สุดยังคงมีเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง กระบี่สองเล่มของซากศพยักษ์สี่แขนยังคงขวางการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตของกัวเจียหุ้ยเอาไว้ได้

ตึง ตึง ตึงในพริบตาเดียวนั้นเอง ซากศพยักษ์สี่แขนก็บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว จากเสียงกระบี่แต่ละเสียงที่คำรามขึ้นมา มองเห็นเหนือศีรษะของเขาเปิดออกเป็นค่ายกลกระบี่ ฝนกระบี่นับไม่ถ้วนได้ยิงถล่มลงมา

พวกของกัวเจียหุ้ยส่งเสียงร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อต้องเผชิญกับค่ายกลกระบี่ที่ดั่งพายุฝนฟ้าคะนองเช่นนี้ ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวได้สำแดงอานุภาพจนถึงขีดสุด ท่ามกลางเสียงดังตูมตามนั้น ค่ายกลดังกล่าวได้ก่อเป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ตานรับกับการโจมตีของคลื่นค่ายกลกระบี่ระลอกแล้วระลอกเล่าจากซากศพยักษ์สี่แขน

ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวมีอานุภาพเป็นอันมาก ไม่เพียงสามารถสำแดงพลังที่ห่างไกลมากสุดที่พวกของกัวเจียหุ้ยจะสามารถทำได้เท่านั้น ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ค่ายกลลักษณะเช่นนี้เสมือนหนึ่งเป็นสุดยอดคลังสมบัติจริงๆ พวกเขาต้องการอะไรก็มีให้ทั้งหมด สามารถสนับสนุนพวกเขาบุกเข้าโจมตีได้ในพริบตาเดียว

แต่ว่า พวกเขายังคงอ่อนแอมากเกินไป ไม่สามารถสำแดงอานุภาพของค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวออกมาได้อย่างแท้จริง

ปัง ปัง ปังภายใต้การโจมตีที่พาลและแข็งกร้าว พวกของกัวเจียหุ้ยเริ่มจะต้านเอาไว้ไม่ได้แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาบุกโจมตีเป็นเวลานานแล้วไม่ประสบผล ทำให้เริ่มจะรวนกันเองขึ้นมาแล้ว

“โง่ มงกุฎปราชญ์ของเจ้าหาใช่เป็นเครื่องประดับ มันคือของวิเศษที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียม จงสำแดงอานุภาพของมันออกมา” หลี่ชิเย่ร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำด้วยน้ำเสียงเย็นชากับกัวเจียหุ้ย

เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ กัวเจียหุ้ยได้ขับเคลื่อนมงกุฎปราชญ์ของตนครั้งแล้วครั้งเล่า และส่งผลให้มงกุฎปราชญ์ได้ระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรขึ้นมา

……………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล