ตอนที่ 2744 ค้นคว้าจากภาพโบราณ
แม้ว่ากัวเจียหุ้ยจะทำการขับเคลื่อนมงกุฎปราชญ์ครั้งแล้วครั้งเล่า และทำการโจมตีสังหารอย่างองอาจห้าวหาญครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่า ยังคงไม่สามารถกอบกู้แนวโน้มที่ย่ำแย่กลับคืนมา
เวลานี้พวกเขาลนลานกันเองไปหมดแล้ว หากจะตั้งหลักอีกครั้งต่างฝ่ายต่างรักษาตำแหน่งหน้าที่ของตนใช่เป็นเรื่องง่ายดายอีกต่อไป ในเวลานี้พวกเขาได้แต่ต้านรับเอาไว้อย่างทรหด จะต้องพ่ายแพ้ในการต่อสู้อีกครั้งเป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
เดิมทีทักษะของพวกกัวเจียหุ้ยก็ห่างชั้นกับซากศพยักษ์สี่แขนมากอยู่แล้ว พวกเขาอาศัยอานุภาพของ ‘ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว’ และการประสานร่วมมือกันอย่างรู้ใจของกันและกันมายืนหยัดต้านเอาไว้ เวลานี้พวกเขาเกิดความลนลานขึ้น ทำให้ความได้เปรียบหายไปกว่าครึ่ง การที่พวกเขาสามารถยืนหยัดมาได้ถึงขณะนี้นับว่าไม่ง่ายแล้ว ถ้าหากไม่ได้มีความอดทนและการประสานร่วมมือกันอย่างรู้ใจกันที่เกิดจากการขัดเกลาในช่วงเวลาที่ผ่านมา เกรงว่าพวกเขาคงพ่ายแพ้ยับเยินอีกครั้งไปนานแล้ว
“โง่…” หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองดูพวกเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “ถอยกลับไปที่รูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษ ปรึกษาหารือแผนการรับมือให้ดี แล้วค่อยโจมตีอีกครั้ง”
เมื่อพวกของกัวเจียหุ้ยเจ็ดคนที่ยืนหยัดต่อสถานการณ์อย่างทรหดได้ยินคำพูดเช่นนี้จากหลี่ชิเย่แล้ว จึงสู้รบไปพลางล่าถอยไปพลาง สุดท้าย พวกเขาได้ล่าถอยไปถึงรูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษที่อยู่ใกล้ที่สุด
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้รูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษนั้น มองเห็นสุดยอดบทคัมภีร์ที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะพลิกไปมา ติดตามาด้วยเสียงแว้งค์ดังขึ้น มองเห็นรูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษกับสุดยอดบทคัมภีร์ที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะพวกเขาสอดรับซึ่งกันและกัน ในเวลานี้ รูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษพลันแผ่ประกายออกมา เมื่อประกายปฐมบรรพบุรุษสาดส่องลงมานั้น มีความศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่าใคร สูงสุดปราศจากผู้ต่อกร
เมื่อรูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษได้สาดส่องประกายที่สูงสุดลงมา ทำให้ซากศพยักษ์สี่แขนไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงหมุนไปรอบๆ รูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษ คอยจ้องมองทุกความเคลื่อนไหวของคนทั้งเจ็ด ขอเพียงออกห่างจากรูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษแค่ครึ่งก้าว มันก็จะทำการโจมตีพวกเขาอย่างรุนแรง
“พวกเจ้าค่อยๆ ฝึกปรือไปก็แล้วกัน เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับพวกเจ้าเองแล้ว” ขณะที่พวกของกัวเจียหุ้ยยังคิดแผนการรับมือไม่ได้นั้น หลี่ชิเย่เพียงมองดูพวกเขาแวบหนึ่ง สั่งการกับเฉินเหวยเจิ้งว่า ไป…
เฉินเหวยเจิ้งตกใจยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของหลี่ชิเย่ รีบจัดการเข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนไปข้างหน้าให้กับหลี่ชิเย่ เดินไปได้ไม่ไกลนัก เฉินเหวยเจิ้งถึงกับเหลียวหลังกลับไปมองดูพวกของกัวเจียหุ้ย
“ท่านปรมาจารย์ นี่ นี่เกรงว่าจะมีอันตรายกระมัง” เฉินเหวยเจิ้งอดที่จะเป็นห่วงในความปลอดภัยของพวกกัวเจียหุ้ย จะอย่างไรเสียก็เป็นการออกมาไกลจากสำนักเป็นครั้งแรก และเป็นรับผิดชอบในภารกิจเช่นนี้โดยลำพังเป็นครั้งแรก
จะอย่างไรเสีย ก่อนหน้านั้นแม้ว่าหลี่ชิเย่ก็ได้จับพวกเขาโยนไปในสถานที่ที่อันตรายเหล่านั้นเพื่อขัดเกลา แต่ อย่างน้อยที่สุดหลี่ชิเย่อยังคงอยู่ในเหตุการณ์
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับจับพวกเขาโยนลงไปในสมรภูมิรบโบราณโดยตรง จะไม่ให้เฉินเหวยเจิ้งต้องเป็นกังวลขึ้นมาได้อย่างไรเล่า
แต่ว่า หลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่มีปฏิกิริยาแล้ว นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น
พวกของกัวเจียหุ้ยทั้งเจ็ดคนถึงกับตกใจยิ่งนักจนขนลุกซู่ในใจ หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้จากไปแล้ว แม้ว่าใจอดีตพวกเขาก็เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้ว และเคยรับการขัดเกลาในสถานที่ที่อันตรายมาแล้ว
แต่ว่า หลี่ชิเย่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งได้ให้ความกล้ากับพวกเขา และทำให้ภายในใจของพวกเขามีความมั่นใจ ที่ง่ายที่สุดก็คือ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีหลี่ชิเย่คอยค้ำอยู่
เวลานี้หลี่ชิเย่ได้จากไปแล้ว พลันปล่อยให้พวกเขาทั้งเจ็ดคนรั้งอยู่ที่สมรภูมิรบโบราณและต่อสู้โดยลำพังตนเอง แล้วจะไม่ให้ภายในใจของพวกเขาทั้งเจ็ดต้องขาดความมั่นใจได้อย่างไร
“ข้า ข้าควรทำอย่างไรดี?” หวังเสวียหงที่มีอายุค่อนข้างน้อยก็รู้สึกไม่มั่นใจตนเองในใจ และรู้สึกขนหัวลุก
“ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราจะอย่างไรเสียต้องมีวันที่ต้องรับผิดชอบในภารกิจโดยลำพัง” กัวเจียหุ้ยกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่สามารถให้คุณชายต้องอยู่ด้วยกับพวกเราตลอดไป มิฉะนั้นล่ะก็ ภายภาคหน้าพวกเขาจะออกไปท่องตามที่ต่างๆ ได้อย่างไรกัน!”
ในบรรดาพวกเขาเจ็ดคน กัวเจียหุ้ยมีอายุค่อนข้างน้อย แต่ จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของนางกลับมั่นคงแน่วแน่ที่สุด
“ศิษย์น้องพูดถูก ควรได้เวลาที่พวกเรารับผิดชอบลำพังกันแล้ว พวกเราไม่ต้องรีบ ต้องมีวิธีแน่นอน” หลี่เจี้ยนคุนในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ปลุกเร้าใจทุกคน
การที่หลี่ชิเย่ไม่ให้ความสนใจต่อพวกของกัวเจียหุ้ยเจ็ดคน ปล่อยให้พวกเขาขัดเกลาตนเอง จะอย่างไรเสียหากคอยประคับประคองพวกเขาตลอด พวกเขาจะไม่มีวันโต ไม่สามารถกลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงได้ตลอดกาล
ภายใต้คำสั่งของหลี่ชิเย่ เฉินเหวยเจิ้งได้เข็นหลี่ชิเย่เข้าไปยังเมืองโบราณที่อยู่ใกล้ตรงนี้ที่สุด
เมืองโบราณเมืองนี้หาใช่เป็นเมืองโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา แต่ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองโบราณที่มีความเก่าแก่โบราณมากที่สุด หรือก็คือเมืองโบราณแห่งนี้สร้างขึ้นโดยผู้เฒ่าอมตะ
ท่ามกลางเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาที่กว้างใหญ่ไพศาลนับแสนลี้ มีเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก นอกเหนือจากเมืองโบราณยุคแรกเริ่มที่สร้างขึ้นโดยผู้เฒ่าอมตะแล้ว ภายหลังยังได้มีชนรุ่นหลังได้สร้างเมืองโบราณขึ้นมาบนกลุ่มของภูเขาเหล่านี้
หลี่ชิเย่ให้เฉินเหวยเจิ้งหยุดลงบริเวณประตูเมือง ขณะกำลังจะเข็นเข้าไปภายในเมื่องโบราณ
บริเวณประตูเมืองมีรูปแกะสลักขนาดสูงใหญ่ยิ่งอยู่รูปหนึ่ง รูปแกะสลักรูปนี้ก็คือรูปของผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ความใหญ่โตของรูปแกะสลักทำให้ไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของรูปแกะสลักดังกล่าวได้อย่างชัดเจน
หลี่ชิเย่ที่มองดูรูปแกะสลักรูปนี้ได้ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง กี่ปีผ่านไปแล้ว หน้าตาของตาเฒ่ายังคงคุ้นหน้าอะไรอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว แต่ว่า ก็ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งนักเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...