ตอนที่ 2752 พลังของหมู่คณะ
ในเวลานี้ ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวปรากฏช่องไหว่ที่ใหญ่มาก ซึ่งเป็นโอกาสดีที่สุดในการที่จะเอาชนะพวกกัวเจียหุ้ยได้
เสียดาย ในเวลานี้โจวจือฉิงหอบหายใจไม่ทันอยู่แล้ว เนื่องจากพลังลมปราณไม่ต่อเนื่อง จะฟาดฟันกระบี่ราชันในมือออกไปสักครั้งก็ทำได้ลำบากอย่างยิ่ง ไม่สามารถถือโอกาสรุกไล่โจมตีขณะได้เปรียบอยู่แล้ว
ความจริงแล้ว โจวจือฉิงเองก็มองเห็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ได้ และมองออกว่าสุดยอดค่ายกลของพวกกัวเจียหุ้ยเผยช่องโหว่ที่ถึงตายออกมาให้เห็น แต่ว่า นางกลับจนปัญญา ได้แต่มองตาปริบๆ ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
ภายในเสี้ยววินาทีนี้เอง พวกของกัวเจียหุ้ยก็ตระหนักได้ว่า ‘ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว’ ปรากฎช่องโหว่ขึ้นมา พวกเขาร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาและไม่สนใจว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็ดสาหัสเพียงใด ต่างอาศัยความเร็วที่รวดเร็วที่สุดกลับคืนสู่ตำแหน่งของตน เพื่อให้ค่ายกลมีความมั่นคง
ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวที่พวกหลี่เจี้ยนคุน กัวเจียหุ้ยควบคุมสถานการณ์คืนสู่ตำแหน่งของตน ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวได้ปรากฏประกายขึ้นมาอีกครั้ง นาทีนี้สุดยอดค่ายกลแห่งยุคของพวกเขาก็ได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง ช่องโหว่ถึงตายที่ปรากฏเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว
“น่าเสียดาย” ยอดฝีมือ บรรพบุรุษจำนวนมากของแค้วนเจ้าลัทธิเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับทอดถอนใจขึ้นมาด้วยความเสียดาย ไม่ว่าใครก็มองภาพนี้ออก ขอเพียงยอดฝีมือที่มีกำลังความสามารถต่างเข้าใจได้ว่า เป็นโอกาสที่จะตีสุดยอดค่ายกลของพวกกัวเจียหุ้ยให้แตกพ่ายที่ดีที่สุด และเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดในการสังหารพวกของกัวเจียหุ้ย
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า นาทีนี้เวลานี้โจวจือฉิงกลับปล่อยโอกาสให้มันพลาดไปเฉยๆ
“คราวนี้คงทำไม่สำเร็จเสียแล้วล่ะ” ครั้นมองเห็นพวกของหลี่เจี้ยนคุนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวได้ระเบิดอานุภาพที่แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งทำให้บรรดาบรรพบุรุษบางคนต้องส่ายหน้าเบาๆ
ขณะที่ยังไม่ได้ระเบิดศึก ทุกคนต่างเข้าใจว่า โจวจือฉิงในฐานะที่เป็นศิษย์ที่มีความโดดเด่นดีเลิศของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง จะไปยากเย็นอะไรหากจะสังหารศิษย์แค่ไม่กี่คนของนิกายหู้ซานจง แปดหรือสิบกระบวนท่าก็สามารถให้พวกเขาหัวหลุดจากบ่า
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า หลังจากลงมือกันไปแล้ว โจวจือฉิงที่มีกำลังความสามารถเหนือกว่าพวกของกัวเจียหุ้ยมากทีเดียวกลับไม่จะเปรียบอะไรมากมายนัก สุดท้าย แม้แต่โอกาสที่ดีที่สุดก็ยังปล่อยให้ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์
เวลานี้ บรรดาบรรพบุรุษบางส่วนที่มากด้วยประสบการณ์มองว่า โจวจือฉิงได้สูญเสียความได้เปรียบทั้งหมดไปแล้ว นางได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว การต่อสู้ชี้ขาดในครั้งนี้มีโอกาสชนะไม่มาก
ทุกคนต่างมองออกว่า การกระทำของโจวจือฉิงเป็นการทำไปรวดเดียวโดยอาศัยแรงฮึด จากนั้นก็จะอ่อนแรง และหมดแรงในที่สุด นางไม่เหมือนเช่นพวกกัวเจียหุ้ยที่มีความอดทนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เหมือนผ่านการหลอมกลั่นมานับครั้งไม่ถ้วนอย่างนั้น
“อดกลั้นเอาไว้” เวลานี้ พวกของกัวเจียหุ้ยมองตาซึ่งกันและกัน หลี่เจี้ยนคุนร้องเสียงทุ้มต่ำทีหนึ่ง พวกเขาทั้งเจ็ดค่อยๆ ล้อมโจวจือฉิงเอาไว้อย่างช้าๆ
ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมแต่ละเสียงที่ดังขึ้น จากการที่คลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เปิดออกเต็มที่ ประกายศักดิ์สิทธิ์วูบวาบ ปรากฏกำแพงศักดิ์สิทธิ์แต่ละด้านที่ลอยขึ้นมาจากภายในค่ายกลอย่างช้าๆ และโล่วิเศษแต่ละโล่ที่ปรากฏขึ้นมารอบๆ ตัวของพวกเขา เพื่อปกป้องพวกเขาเอาไว้
นาทีนี้ พวกของกัวเจียหุ้ยใช้แผนเข้าตีและป้องกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อาศัยแนวทางป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดและการโอบล้อมทำการปิดล้อมโจวจือฉิงเอาไว้
พวกเขาไม่เข้าปะทะโดยตรง และไม่ทำอวดดีกับโจวจือฉิง แต่อาศัยวิธีการยื้อเวลาและปิดล้อมเอาไว้ เพื่อทำให้โจวจือฉิงต้องสูญเสียพลังและลมปราณ
เดิมทีก่อนหน้านี้โจวจือฉิงนับว่ามีพลังลมปราณที่เต็มเปี่ยม ต่อให้ต้องต่อสู้ยืดเยื้อนางก็สามารถประคับประคองเอาไว้ได้นานมาก น่าเสียดาย เมื่อนางได้อาศัยเลือดแก่นมาขับเคลื่อนกระบี่ราชันแท้จริง แม้ว่าสามารถโจมตีพวกของกัวเจียหุ้ยต้องถอยกลับไปทันที ทำให้นางได้เปรียบเป็นอันมากทีเดียว
เสียดาย นางมีเลือดแก่นไม่เพียงพอ หลังจากโจมตีไปแล้วทำให้พลังไม่สามารถต่อเนื่องต่อไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้นางเปิดเผยข้อด้อยของตนทันที และเพิ่มความเร็วในการแพ้พ่ายของนาง
“นึกว่าข้ารังแกกันได้ง่ายๆ อย่างนั้นรึ?” โจวจือฉิงก็มองออกว่าพวกของกัวเจียหุ้ยต้องการให้ตนเองสูญเสียพลัง ร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความโกรธ ในเวลานี้นางสามารถหอบหายใจได้แล้วในที่สุด กระบี่ราชันแท้จริงในมือขวางกับลำตัว ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ประกายกระบี่ดั่งพายุฝนฟ้าคะนองที่พุ่งโจมตีอย่างบ้าคลั่ง หวังทำลายสุดยอดค่ายกลของพวกกัวเจียหุ้ย
แต่ว่า พวกของกัวเจียหุ้ยมีจังหวะในการรุกและรับ เมื่อศัตรูรุกก็จะล่าถอย เมื่อศัตรูล่าถอยก็จะรุก โดยไม่ยอมปะทะโดยตรงกับโจวจือฉิง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำให้พลังกระบี่ของโจวจือฉิงอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ หลังจากที่โจวจือฉิงโจมตีไปหลายรอบ และพลังลมปราณก็อ่อนด้อยลงเรื่อยๆ จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างช้าๆ
ในการโจมตีหลายครั้งนี้ โจวจือฉิงคำรามเสียงยาวไม่หยุด หลายครั้งอาศัยการฝืนค้ำยันเอาไว้ กระบี่ราชันแท้จริงในมือได้สำแดงท่าโจมตีที่ทรงพลังที่สุด เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง และนางได้อาศัยพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดหวังโจมตีสุดยอดค่ายกลของพวกกัวเจียหุ้ยให้แตกพ่าย
น่าเสียดายที่พลังโจมตีเช่นนี้ไม่สามารถโจมตี ‘ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว’ ของพวกกกัวเจียหุ้ยให้แตกพ่ายได้อยู่แล้ว เป็นได้เพียงเพิ่มความเร็วให้พลังของนางหมดลงเท่านั้น
ยิ่งต่อสู้เนิ่นนานมากขึ้นก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อโจวจือฉิง นางค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกแล้ว จากการที่พลังของนางอ่อนลงเรื่อยๆ ทำให้พลังการโจมตีของนางก็ปราศจากพลังมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย นางถูกบีบให้ต้องอาศัยกระบี่ป้องกาย
ต่อให้โจวจือฉิงได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว และไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีก ได้แต่อาศัยกระบี่ปกป้องร่างตนเองเท่านั้น แต่ว่า พวกของกัวเจียหุ้ยยังคงไม่รีบร้อนเพื่อสร้างผลงาน โดยไม่ได้ทำการโจมตีโจวจือฉิงอย่างหนักหน่วง
ในขณะนี้ พวกของกัวเจียหุ้ยยังคงก้าวโจมตีเข้าไปอย่างมั่นคง ด้วยการต้อนโจวจือฉิงเข้ามุมอับทีละก้าวๆ ทำการโอบล้อมให้ค่ายกลแคบลง และกักขังนางเอาไว้อย่างแน่นหนา
“สถานการณ์จบสิ้นแล้ว…” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์นี้ ต่างส่ายหน้า พวกเขามองออกแล้วว่าโจวจือฉิงพ่ายแพ้เป็นที่แน่นอนแล้ว ไม่สามารถพลิกกลับได้อีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...