ตอนที่ 2753 เทพกระบี่ฉีฟงที่ไร้ยางอาย
พวกของหลี่เจี้ยนคุนถึงกับมีใบหน้าที่แดงก่ำ เมื่อถูกเทพกระบี่ฉีฟงตำหนิเช่นนี้ พวกเขานึกไม่ถึงว่าเทพกระบี่ฉีฟงจะลำเอียงเข้าข้างโจวจือฉิงถึงเพียงนี้ ในเวลานี้พวกเขาตระหนักอย่างแท้จริงแล้วว่า โลกของผู้อ่อนแอช่างโหดร้ายทารุณอะไรอย่างนั้น สิ่งนี้ไม่เพียงเพราะตัวเองที่แข็งแกร่งไม่เพียงพอเท่านั้น ขณะเดียวกัน ผู้คนทั่วหล้าก็จะไม่ให้ความช่วยเหลือเจ้า
“พวกเราเอาชนะโจวจือฉิง พวกเราก็มีสิทธิ์จัดการนางได้” หลี่เจี้ยนคุนโต้กลับ
เทพกระบี่ฉีฟงสีหน้าเย็นชา กล่าวเย็นชาขึ้นมาว่า “ข้าบอกว่ายุติเพียงเท่านี้ก็ให้ยุติเพียงเท่านี้ ในเมื่อข้าเป็นกรรมการตัดสิน ข้าก็มีสิทธิ์ตัดสินเช่นนี้”
แหะ แหะ แหะ…เวลานี้โจวจือฉิงอดที่จะหัวเราะเยาะด้วยความลำพองใจ กล่าวเยาะเย้ยว่า ”ต่อให้พวกเจ้าชนะข้าได้แล้วอย่างไร พวกเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน! พวกเจ้าจำใส่กะโหลกเอาไว้ว่า ข้าจะต้องทำลายล้างนิกายหู้ซานจงพวกเจ้าแน่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของข้าจะต้องให้นิกายหู้ซานจงพวกเจ้าหายวับไปกับตาในพริบตา ให้พวกเจ้าต้องเสียใจภายหลังที่เป็นศัตรูกับข้า”
แม้ว่าโจวจือฉิงจะพ่ายแพ้ต่อพวกของกัวเจียหุ้ย ทำให้นางเสียหน้าและรู้สึกอัดอั้นตันใจยิ่งนัก แต่ว่า เมื่อเห็นว่าพวกของกัวเจียหุ้ยกลับไม่สามารถสังหารตนได้ นางอดที่จะมีความลำพองใจขึ้นมาหลายส่วน
เทพกระบี่ฉีฟงถึงกับขมวดคิ้วทีหนึ่งกับท่าทีที่ลำพองใจของโจวจือฉิง ไม่ง่ายนักเพื่อปกป้องนางเขาถึงกับยอมให้ชื่อเสียงของตนต้องเสียหาย เพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาดีต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางและแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า โจวจือฉิงจะเป็นคนไร้สมองถึงเพียงนี้ จนถึงขณะนี้ยังจะทำกระหยิ่มยิ้มย่องอีก
แม้ว่าไม่ว่าใครก็ตามย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า โจวจือฉิงจะต้องมีการแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งแน่หลังจากการพ่ายแพ้อย่างยับเยินในครั้งนี้ และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็จะไม่ปล่อยนิกายหู้ซานจงเอาไว้แน่ แต่ว่า เรื่องแบบนี้ทำกันเป็นการส่วนตัวก็พอแล้ว จะทำอย่างไรก็ได้ใหแป็นไปในทางลับ
แต่ว่า โจวจือฉิงกลับประกาศออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ช่างเป็นการกระทำที่ไร้สมองอะไรอย่างนั้น
เพียงแต่เวลานี้เทพกระบี่ฉีฟงขี่หลังเสือเข้าให้แล้ว เขาลำเอียงตั้งแต่เริ่มต้น เวลานี้เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับลำ ได้แต่ดึงดันให้ถึงที่สุด
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะฆ่าเจ้าก่อน…” ลู่ยั่วซีถึงกับโกรธแค้นกับสิ่งนี้ เมื่อได้ฟังคำร้องเอะอะโวยวายเช่นนี้ของโจวจือฉิง กระบี่ในมือแทงใส่นางทันที
“พอแล้ว” เทพกระบี่ฉีฟงอาศัยนิ้วมือดีดกระบี่ของลู่ยั่วซีออกไป กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรไม่ให้ความเคารพต่อปฐมบรรพบุรุษหากจะปล่อยให้เลือดแปดเปื้อนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของปฐมบรรพบุรุษ”
เทพกระบี่ฉีฟงในเวลานี้ลุแก่อำนาจ ขณะนี้เขาทำได้เพียงเอาข้อหาที่ไม่มีตัวตนมายัดให้กับพวกของกัวเจียหุ้ย
ความจริงแล้ว พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่อสู้ชี้ขาดกันอย่างยุติธรรม ไม่มีคำว่าทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต้องแปดเปื้อนอะไรอยู่แล้ว
“นี่มันไม่ยุติธรรม…” จ้าวจื้อถิงก็คัดค้าน และกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าจะเลิกต่อเมื่อตาย ทำไมจึงพูดจากลับกรอก ในเมื่อพวกเราเป็นฝ่ายชนะ พวกเราก็สามารถสังหารนางได้!”
เวลานี้ ทุกคนที่อยู่ด้านนอกของลานประลองต่างมีท่าทีที่ดูชมความคึกครื้น แน่นอนที่สุด ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจอย่างยิ่งกับท่าทีที่ลำเอียงเช่นนี้ของเทพกระบี่ฉีฟง แต่ไม่มีใครที่ก้าวออกมาให้ความยุติธรรมกับพวกเขา
“ข้าได้ตัดสินไปแล้ว ห้ามเสนอความเห็นอีก!” เทพกระบี่ฉีฟงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากเปลี่ยนเป็นพวกเจ้าพ่ายแพ้ ข้าก็จะตัดสินเช่นนี้ รับรองว่าเสมอภาคเช่นกัน”
พวกลู่ยั่วซีไม่เชื่อในคำพูดเช่นนี้ของเทพกระบี่ฉีฟงอยู่แล้ว พวกเขาต่างทำมุมปากเชิดทีหนึ่งแสดงถึงการเหยียดหยาม ไม่เชื่อในคำพูดโกหกของเทพกระบี่ฉีฟง
“ฮึเกรงว่คงไม่มั้ง” หวังเสวียหงที่มีอายุน้อยอดที่จะส่งเสียงฮึออกมา และกล่าวว่า “ทุกคนต่างมองเห็นว่าท่านลำเอียงเข้าข้างคนแซ่โจว”
เทพกระบี่ฉีฟงพลันรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่แสบร้อน เมื่อถูกหวังเสวียหงเปิดโปงตรงๆ แม้ว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาลำเอียงเข้าข้างโจวจือฉิง เพียงแต่ไม่มีใครพูดเปิดโปงออกมาเท่านั้นเอง เวลานี้หวังเสวียหงเปิดโปงตัวเขาขึ้นมาตรงๆ ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า พลันทำให้เข้าไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน
“วาจาสามหาว!” สีหน้าเทพกระบี่ฉีฟงดูไม่เป็นมิตร กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ในเมื่อข้าคือผู้ตัดสิน ก็มีสิทธิ์ตัดสินได้! หากพวกเจ้ายังคงยืนยันในความผิดพลาดแบบโงหัวไม่ขึ้น ข้านี่แหละจะช่วยผู้อาวุโสของพวกเจ้าสั่งสอนพวกเจ้าสักหน่อย”
ดวงตาทั้งสองของเทพกระบี่ฉีฟงดูไม่เป็นมิตรเมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เผยให้เห็นคือความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรบางอย่าง
“ทำลายชื่อเสียงของตนเอง” ระดับบรรพบุรุษที่มองเห็นการกระทำของเทพกระบี่ฉีฟงแล้วส่ายหน้า และรู้สึกเหยียดหยาม
ทุกคนต่างมองออกว่าเทพกระบี่ฉีฟงนั้นเรียกได้ว่าปกป้องโจวจือฉิงอย่างสุดชีวิต นี่เป็นการพ่วงเอาชื่อเสียงของตนเองเข้าไปแล้ว
แต่ว่า ในเวลานี้เทพกระบี่ฉีฟงก็เท่ากับขี่หลังเสือ หากเขายอมถอยในขณะนี้ ปล่อยให้โจวจือฉิงตายอยู่ที่ตรงนี้ล่ะก็ ไม่เพียงรักษาชื่อเสียงของเขาเอาไว้ไม่ได้ ยังไปล่วงเกินต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศอีกด้วย
ดังนั้น เทพกระบี่ฉีฟงในเวลานี้จึงเลือกสิ่งที่ส่งผลกระทบเบากว่า จึงมุ่งปกป้องโจวจือฉิงอย่างเต็มที่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เมื่อเป็นเช่นนี้ นับว่ามีคำอธิบายให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้แล้ว
“อาศัยเจ้า คู่ควรรึ?” ในเวลานี้เอง เสียงที่เรียบเฉยเสียงหนึ่งดังขึ้น กล่าวด้วยท่าทีที่ตามอารมณ์ยิ่ง “พวกไร้สมองอย่างเจ้านับเป็นตัวอะไร”
ทุกคนต่างมองไปยังต้นเสียงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ มองเห็นผู้ที่พูดคำพูดนี้ก็คือหลี่ชิเย่ที่นอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...