ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2764

สรุปบท ตอนที่ 2764 หนึ่งกระบี่ปราบกระแสคลื่นสัตว์: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 2764 หนึ่งกระบี่ปราบกระแสคลื่นสัตว์ จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2764 หนึ่งกระบี่ปราบกระแสคลื่นสัตว์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2764 หนึ่งกระบี่ปราบกระแสคลื่นสัตว์

“เข้ามาเลย ยิ่งมากยิ่งดี” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย ท่าทางอย่างไรก็ได้ และเอ้อระเหยโดยสิ้นเชิง

ฮือ…ราชาอินทรีโกรธจัดเมื่อถูกหลี่ชิเย่ท้าทายเช่นนี้ จึงส่งสัญญาณขึ้น

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง สัตว์ดึกดำบรรพวิหคดุร้ายต่างลุกฮือกันขึ้นมา ที่ลุกขึ้นมาโจมตีก่อนถึงกับเป็นบรรดาสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีลำตัวขนาดยักษ์เหล่านั้น ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมดังขึ้นมาเป็นระลอก พื้นดินถึงกับสั่นไหวโคลงแคลง เหมือนว่าเมืองโบราณทั้งเมืองก็ต้องถูกเหยียบจนแหลกลาญไปอย่างนั้น

เห็นเพียงแรดยักษ์แต่ละตัวที่วิ่งห้อเข้ามา ขณะที่แรดยักษ์แต่ละตัววิ่งห้อเข้ามานั้น นอเดี่ยวที่อยู่บนสันจมูกได้ทิ่มแทงเข้าไปตรงๆ เสมือนดั่งดาบที่แหลมคม กระทั่งได้ยินเสียงคำรามของดาบ และกลายเป็นประกายเยือกเย็นแต่ละสาย ต้องการหั่นร่างของหลี่ชิเย่ให้กลายเป็นแปดชิ้นใหญ่

ที่พุ่งชนเข้ามายังมีวัวปีศาจขนาดยักษ์แต่ละตัว โดยที่วัวปีศาจแต่ละตัวเท้าเหยียบอยู่บนเมฆอัคคี ขณะที่พวกมันเหยียบลงบนพื้นดินแต่ละก้าวนั้น ปรากฏพื้นดินบังเกิดเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้นมา อุณหภูมิที่สูงของเท้าถึงกับทำให้ดินหลอมละลายไป

ขณะวัวปีศาจแต่ละตัวพุ่งชนเข้ามานั้น ความเร็วนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง เสมือนดั่งสายฟ้าแลบอย่างนั้น และเขาวัวคู่นั้นของมันได้กลับกลายเป็นดาบโค้งที่ฟันเข้าไปยังหลี่ชิเย่

บนท้องฟ้าก็มีหงส์เพลิงที่พุ่งจิกหัวลงมา ขณะที่บรรดาหงส์เพลิงเหล่านี้จิกหัวพุ่งลงมานั้น ได้อ้าปากพ่นไฟโลกันตร์ออกมา ได้ยินเสียงดังฟู่วววที่ดังขึ้น ไฟโลกันตร์ที่ต่อเนื่องไม่ขาดสายพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า ต้องการปกคลุมร่างของหลี่ชิเย่จนจมมิด

ขณะเดียวกัน มีเม่นขนาดยักษ์แต่ละตัว เมื่อพวกมันส่ายลำตัวของมัน ได้ยินเสียงดังฟิววว ฟิววว ฟิวววดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ปรากฏฝนธนูเต็มท้องฟ้า มองเห็นหนามแต่ละอันของเม่นที่มีขนาดยักษ์แต่ละตัวพลันถูกยิงออกไปด้วยความเร็วที่สุดจะเทียบเทียม พุ่งเป้าไปที่หลี่ชิเย่

ในขณะเดียวกัน ได้ยินเสียงพื้นดินสั่นไหวดังตูม ตูม ตูม พื้นดินถึงกับแยกออก ใต้พื้นดินปรากฎหนวดขนาดยักษ์แต่ละเส้นพลันตวัดเข้าหาหลี่ชิเย่ และปุ่มดูดขนาดยักษ์ที่อยู่บนหนวดพลันยื่นออกไปเพื่อดูดจับหลี่ชิเย่ พวกมันต้องการรัดตัวหลี่ชิเย่เอาไว้แน่นหนาในคราวเดียว

บริเวณที่ห่างไกลออกไป มีงูที่ขณะขดตัวแล้วดูคล้ายกับเป็นภูเขาลูกหนึ่ง ได้ชูคอยาวอ้าปากยิงหมอกควันที่ปิดฟ้าบังตะวันออกมา ต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกหมอกพิษเข้าพลันเหี่ยวเฉาตายในทันที…

ตูม…ตูม…ตูม…ท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่นเป็นระลอก ฉับพลันนั้น กระแสคลื่นสัตว์จำนวนนับมันนับหมื่นได้เริ่มต้นเข้าโจมตีต่อหลี่ชิเย่อย่างน่ากลัว ทั่วทั้งสนามรบพลันกลายเป็นเหมือนอเวจีเลือดอย่างนั้น การที่กระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นที่บดขยี้เข้ามานั้น ไม่เพียงผืนแผ่นดินถูกเหยียบย่ำจนแหลกลาญ แม้แต่ดินยังถูกหลอมละลายไปทันที กลายเป็นลาวา บนท้องฟ้า ช่องว่างในรัศมีที่กว้างไกลมากถูกฉีกขาด กลายเป็นพายุร้ายที่น่ากลัว

ภายใต้กระแสคลื่นสัตว์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้ และยังมีทั้งบนอากาศ และพื้นดินที่บดขยี้เข้ามาทุกทิศทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดก็ต้องถูกบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อบดในพริบตา ภาพเช่นนี้ได้สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อผู้คนจำนวนมาก

ผู้ที่มีทักษะอ่อนพลันมีใบหน้าที่ขาวซีดทันที ขาทั้งสองข้างสั่นเทา ถ้าหากตนเองต้องตกอยู่ท่ามกลางกระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นเช่นนี้ จะต้องถูกบดขยี้เป็นเนื้อบดโดยพลัน เกรงว่าไม่ทันได้ส่งเสียงร้องน่าเวทนาออกมาด้วยซ้ำ

“ต่อให้มีมากกว่านี้ก็แค่มดปลวกเท่านั้นเอง” ท่าทางหลี่ชิเย่ดูสบายใจยิ่งนัก เมื่อต้องเผชิญกับกระแสคลื่นสัตว์ที่ถาโถมเข้ามา แค่เหวี่ยงกระบี่ยาวที่อยู่ในมือเท่านั้น

ได้ยินเสียงดังตึงเสียงหนึ่ง กระบี่ยาวส่งเสียงคำรามขึ้นมา มองเห็นกระบี่ยาวที่เหวี่ยงขึ้นพลันปรากฎรัศมีกระบี่ที่พุ่งตัวออกไปทันที ท่ามกลางเสียงตึงที่ดังขึ้นยังไม่ทันขาดคำ รัศมีกระบี่ที่บินออกไปพลันขยายวงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เสมือนดั่งดวงตะวันที่อยู่บนท้องฟ้าอย่างนั้น พลันพวยพุ่งประกายกระบี่ที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา เมื่อประกายกระบี่ถูกยิงออกไปอย่างกะทันหัน มันกวาดไปโดยรอบ คล้ายมีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับล้านๆ เล่มที่พุ่งออกไปทุกทิศทุกทางอย่างนั้น

ฮือ…จังหวะที่ประกายกระบี่กวาดผ่านไปนั้น ปรากฏเสียงแหลมและเศร้ารันทดดังขึ้น เสียงร้องที่แหลมและเศร้ารันทดแต่ละเสียงดังก้องทั่วฟ้าดินฉีกปุยเมฆจนฉีกขาด

ท่ามกลางเสียงฉึกเสียงหนึ่ง น้ำพุเสาเลือดพลันพวยพุ่งขึ้นมา แลดูอลังการมาก เสมือนดั่งทะเลถูกพลิกกลับด้านอย่างนั้น เสาเลือดกลายเป็นคลื่นยักษ์ที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ตามติดด้วยเสียงช่าาา ช่าาา ช่าาาดังขึ้น บนท้องฟ้าปรากฏฝนที่เทลงมาอย่างหนัก ฝนฟ้าคะนองที่เทลงมาอย่างกะทันหัน น้ำฝนพลันรวมตัวอยู่บนพื้นดนและไหลชะไปตามพื้นดิน

แต่ว่า สิ่งนี้หาใช่เป็นฝนที่กระหน่ำ มันคือฝนเลือดที่เทลงมาจากบนฟ้า เมื่อตกลงบนพื้นแล้วก็รวมตัวกันแล้วไหลไปชะศพของสัตว์ดึกดำบรรพ์และวิหคดุร้ายจำนวนมาก

ถ้าหากว่า หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ในการเข่นฆ่าล้างสาขาประตูศักดิ์สิทธิ์เป็นฝนเลือดล่ะก็ มันก็แค่ฝนที่ตกโปรยๆ เท่านั้นเอง ฝนเลือดในเวลานี้ จึงเป็นฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างแท้จริง

หนึ่งรัศมีกระบี่ที่ฟันออกไป กระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นถูกเข่นฆ่าจนสิ้น ไม่ว่าจะเป็นงูยักษ์ที่สูงดั่งภูเขา หรือว่ามีรูปร่างดั่งหนูวิเศษเกราะเหล็ก และหรือวิหคเงาที่มีความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ แม้แต่มดพิษที่มีขนาดเล็กเท่านิ้วมือ…ทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่ถูกสังหารสิ้นในหนึ่งกระบี่

นี่ก็คือสัตว์เทพสี่ประหลาด ในพริบตาเดียวันั่นเอง ภายใต้เสียงตูมที่ดังสนั่น ได้มีกรค้ำยันอาณาจักรที่มีความแข็งแกร่งขั้นเทพ ในขณะนี้ มองเห็นเหนือศีรษะของมันมีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์อยู่วงหนึ่ง วงแหวนศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวบริสุทธิ์ ทำให้ผู้คนไม่กล้ากล้ำกราย กระทั่งมีอารมณ์พลุ่งพล่านต้องการกราบไหว้

“โลกนี้มีสัตว์เทพจริงๆ รึ?” มีผู้พึมพำขึ้นมาเมื่อมองเห็นสัตว์เทพตัวนี้ลงมาจากฟ้า

“ไม่ใช่สัตว์เทพ นี่ก็คือค่ายกลชั่วร้ายจตุลักษณ์ของจ้าวอินทรี” มีระดับบรรพบุรุษที่เคยเห็นค่ายกลนี้มาก่อน กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ค่ายกลดังกล่าวนี้มีอานุภาพไร้ขอบเขต เมื่อไรที่รวมร่างได้สำเร็จก็สามารถเรียกวิญญาณสัตว์เทพมาได้ มีพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรอยู่ในครอบครอง”

สัตว์เทพตัวนี้ที่เห็นอยู่ตรงหน้า เกิดจากการรวมร่างของจ้าวอินทรี มังกรบก ปีศาจช้างงาโลหิต ซวนหนีเกราะศักดิ์สิทธิ์ และจอมดาบเม่นนั่นเอง ภายใต้สุดยอดค่ายกลดังกล่าว เมื่อไรที่พวกเขารวมร่างสำเร็จ ก็จะกลายเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง เรียกหาวิญญาณสัตว์เทพมาได้ และมีกำลังที่สุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า

“เจ้าเดรัจฉานน้อย อ๋องอย่างข้าจะจัดการเล่เนื้อของเจ้าออกมาทีละชิ้นๆ” เวลานี้จ้าวอินทรีโกรธจัด

เสียงตูม…ดังสนั่น มองเห็นทั่วทั้งร่างของสัตว์เทพได้พวยพุ่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา และวงแหวนศักดิ์สิทธิ์เหนือศีรษะกลับกลายเป็นเจิดจ้าอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกัน ด้านหลังของสัตว์เทพปรากฏร่างเงาเป็นล้านล้านร่างเงา มันคือสัตว์ดึกดำบรรพ์วิหคดุร้ายแต่ละตัว โดยที่สัตว์ดึกดำบรรพ์วิหคดุร้ายแต่ละตัวนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกษัตริย์ บนตัวแผ่กลิ่นอายความเป็นกษัตริย์ที่ป่าเถื่อนออกมา กลิ่นอายสัตว์ดึกดำบรรพ์เสมือนดั่งเคลื่นที่บ้าคลั่งโหมสาดซัดเข้ามา

หลังจากสัตว์เทพตัวนี้ได้รวบรวมพลังมหาศาลไม่มีสิ้นสุดของสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์แล้ว เหมือนว่ามันได้ทำการวิวัฒนาตัวมันอีกครั้ง ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่น ร่างของมันได้พวยพุ่งเป็นอักขระยันต์ขึ้นทั่วตัว โดยที่อักขระยันต์เสมือนดั่งเป็นน้ำในมหาสมุทรในพริบตา พลันรวบรวมอยู่ในร่างกายของมัน คอยป้อนพลังสัจธรรมที่ต่อเนื่องไม่ขาดสายให้กับมัน

ตึงเสียงดาบคำรามขึ้นเสียงหนึ่ง ในขณะนี้ดายยาวทั้งสองที่อยู่ในสองมือของสัตว์เทพเหมือนหลอมสร้างขึ้นมาจากสุดยอดบทคัมภีร์ พวยพุ่งเป็นประกายสัจธรรมขึ้นมา

เทพสังหารจตุลักษณ์…ในพริบตาเดียวนั่นเอง สัตว์เทพตัวนี้กระโดดขึ้นไปสูงมาก ดาบยาวในมือทั้งสองฟันลงมาจากบนท้องฟ้า

ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เสียงดาบคำรามก้องโลกา ทำเอาหูหนวกไปทั้งโลก ดาบทั้งสองไขว้กันฟันตรงลงมาจากบนท้องฟ้า ในพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายดาบได้เทราดลงมา คล้ายดั่งเป็นน้ำทะเลที่มากมายมหาศาล ท่วมโลกทั้งโลกจนจมมิด

……………………………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล