ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2770

สรุปบท ตอนที่ 2770 ซากศพสาวงาม: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอนที่ 2770 ซากศพสาวงาม – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอนนี้ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2770 ซากศพสาวงาม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2770 ซากศพสาวงาม

ก่อนที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจะตาย ดวงตาคู่นั้นของนางเบิกโพลง แม้ว่าภายในใจของนางได้มีการเตรียมตัวเตรียมใจแล้วก็ตาม แต่ ไม่นึกว่าความตายจะมาเยือนได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

“ไม่…” ในเวลานี้ มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยร้องเสียงแหลมขึ้นมา ยิ่งยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มีใจรักใคร่ในตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางด้วยแล้ว ยิ่งไม่สามารถรับได้กับจุดจบลักษณะเช่นนี้

สุดยอดสาวงามแห่งยุค หญิงงามผู้เลอโฉม ท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็นซากศพเท่านั้นเอง ในขณะนี้ไม่ว่าจะมีบุคลิกลักษณะที่มีความรู้ความสามารถอะไร รูปโฉมที่งดงามเลื่องลือทั่วหล้าอย่างไร ล้วนแล้วแต่ไม่คงอยู่อีกต่อไป

“เจ้า…” จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางถึงกับร้องออกมาด้วยความบ้าคลั่ง เมื่อได้เห็นจุดจบเช่นนี้ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองอย่างนั้น

“จุดจบเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในความคาดคิดหรอกรึ? ไม่มีอะไรต้องโกรธเคืองอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยังคงมีกระบี่ยาวที่วางอยู่บนตัก ไม่รู้ว่าเชือกมัดเซียนได้ถูกคลายออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และตกอยู่ในมือของหลี่ชิเย่

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ภายใต้สภาพการณ์ที่ถูกเชือกมัดเซียนพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนาขนาดนี้ หลี่ชิเย่กลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย กระบี่ยาวในมือที่ฟาดฟันออกไปยังคงปราศจากผู้ต่อกร มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น

“เชือกมัดเซียนก็ยังพันธนาการเขาไม่อยู่” ระดับบรรพบุรุษถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และกล่าวว่า “นี่มันคืออาวุธปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย ถึงกับไม่มีผลกับเขา”

ความจริงแล้ว คนที่ถูกทำให้ตกใจใช่จะมีเพียงตัวเขาคนเดียวเล่า เวลานี้ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิ เทพแท้จริงขั้นอมตะ พวกเขาล้วนแล้วแต่ถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ

สมควรทราบว่า เชือกมัดเซียนนั้นคืออาวุธปฐมบรรพบุรุษ ลองถามบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ ยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า ใครบ้างที่มั่นใจตนเองว่าภายใต้สถานการณ์ที่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนาจากเชือกมัดเซียนแล้ว ยังคงสามารถลงมือได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชนิดที่ว่าไม่ได้รับผลกระทบเฉกเช่นหลี่ชิเย่แล้ว

บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ต่อให้เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งมากที่สุด รวมทั้งจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลาง ล้วนแล้วแต่คิดว่าตนเองนั้นไม่สามารถทำได้ แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว

“หากไม่ป่นกระดูกโปรยเถ้าของเจ้า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกข้าจะไม่เลิกราเด็ดขาด” จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางในเวลานี้ร้องเสียงดังขึ้นมา ถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในเวลานี้ดวงตาทั้งสองของเขาที่จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ก็ได้พ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธขึ้นมาแล้ว

หลี่ชิเย่ไม่เพียงสังหารศิษย์และยอดฝีมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเขาไปเป็นจำนวนมาก ยังสังหารกระทั่งผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางอีกด้วย

สมควรทราบว่าบรรพบุรุษเช่นเขานั้นเป็นผู้ที่เฝ้าดูธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางเติบโตขึ้น โดยถือเป็นลูกของตนเอง มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งนัก มาวันนี้หลี่ชิเย่ถึงกับสังหารธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางต่อหน้าต่อตาของเขา แม้เขาคิดจะช่วยเหลือธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยเอาไว้ได้ แล้วจะไม่ให้จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางเกลียดจนเข้ากระดูกดำ และโกรธอย่างเป็นฟืนเป็นไฟได้อย่างไรกันเล่า

“ข้ารออยู่” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย ปัดกระบี่ยาวที่อยู่ในมือเบาๆ กล่าวด้วยท่าทีตามอารมณ์ว่า “เพียงแต่ ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเจ้าจะไม่มีกำลังความสามารถเช่นนี้ ถ้าหากข้าต้องการ ข้าเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของเจ้าเพียงคนเดียว ก็สามารถทำลายล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเจ้า”

คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง ท่ามกลางคำพูดของหลี่ชิเย่ที่ง่ายๆ เช่นนี้ ทันใดนั้นทุกคนเหมือนได้มองเห็นฉากที่น่ากลัวยิ่ง ทันใดนั้นทุกคนเหมือนมองเห็นหลี่ชิเย่เพียงคนเดียวเท่านั้น บุกทะลวงเข้าไปภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ทางที่ก้าวผ่านไปก็จะเป็นทะเลเลือดที่ดั่งคลื่นยักษ์ สุดท้าย ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางกลายเป็นซากปรักหักพัง กลายเป็นทะเลซากศพ ภายใต้หนึ่งกระบี่ของเขา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางหายวับไปกับตาในพริบตา

ไม่ง่ายนักกว่าผู้คนจำนวนมากจะได้สติคืนกลับมา ต่างมีร่างที่สั่นเทิ้มทีหนึ่ง

“เขาสามารถทำได้จริงๆ” ในขณะนี้เทพแท้จริงขั้นอมตะผู้หนึ่งไม่ได้สงสัยในกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่เลย เขาเชื่อว่าขอเพียงหลี่ชิเย่ต้องการ เกรงว่าเขาสามารถทำลายล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางทั้งหมดได้จริงๆ

“ทุกคนล้วนแล้วแต่ประเมินกำลังความสามารถของเขาต่ำไปแล้ว” ในเวลานี้ บรรดาบรรพบุรุษบางส่วนถึงกับรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง และพึมพำกับตัวเองขึ้นมา

“เวลานี้ถึงตาเจ้าแล้ว” กระบี่ยาวในมือของหลี่ชิเย่ชี้ออกไป และกล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ควรส่งเจ้าออกเดินทางได้แล้ว เสียดาย กระทั่งก่อนตายพวกเจ้ายังไม่รู้ว่าตนเองนั้นผิดตรงไหน”

“ผิดรึ?” ดวงตาทั้งสองของจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางดูดุนดันน่าเกรงขาม กลิ่นอายการฆ่าดั่งคลื่นยักษ์ กล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “ผู้สังหารศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง สมควรถูกฆ่าไม่มีละเว้น ไม่มีผิดหรือถูก”

“อืมมพูดได้ดีมาก” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “เสียดาย เจ้าไม่มีวันเข้าใจ ข้าไม่ไปหาเรื่องคนอื่น เหล่าสวรรค์เทพมารล้วนสมควรสำนึกในบุญคุณของข้า กล้ามาหาเรื่องกับข้าก็คือเลือดไหลนองเป็นทะเล!”

สีหน้าของจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางดูไม่จืดถึงที่สุด สุดท้ายร้องกล่าวด้วยเสียดุดันว่า “พูดมากไร้ประโยชน์ สู้กันให้เห็นดำเห็นแดงไป!” พลันที่กล่าวขาดคำ เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง พื้นแผ่นดินเสมือนดั่งจมลงไปอย่างนั้น

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง เสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย แม้แต่อากาศก็ยังสั่นเทา เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงแคว้นศักดิ์สิทธิ์บนท้องฟ้าถึงกับค่อยๆ ลดระดับลงมาช้าๆ

การลดระดับลงมาของแคว้นศักดิ์สิทธิ์นี้แลดูเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

“เจ้าสมควรตาย!” ในเวลานี้ จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า อ้าปากท่องบ่นเป็นคาถา เสียงดังดั่งฟ้าร้องและร่วงหล่นลงมา

ด้วยอานุภาพที่ทรงพลังเช่นนี้ ผู้ที่มีทักษะอ่อนเมื่อพบพาน ไม่จำเป็นต้องให้จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางลงมือ ถูกสยบด้วยอานุภาพเช่นนี้โดยตรงจนง่อยเปลี้ยอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เลย

“ฆ่า…” ในเวลานี้เอง จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางคำรามเสียงยาว ปณิธานการฆ่าดั่งคลื่นยักษ์ ภายใต้การคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ ปีกแสงจำนวนหนึ่งร้อยแปดคู่ที่อยู่ด้านหลังของเขาพลันกระพือขึ้น

ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามพลันดังหวั่นไหวต่อฟ้าดิน ภายใต้การโบกกระพือของปีกแสงหนึ่งร้อยแปดคู่นั้น ฟ้าดินได้ปรากฏพายุที่ม้วนตัวขึ้นอย่างน่ากลัว สายฟ้าแลบจำนวนนับไม่ถ้วนได้เทราดลงมา ฟาดเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างบ้าคลั่ง

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ปีกแสงหนึ่งร้อยแปดคู่พลันกลับกลายเป็นคมมีดสวรรค์ที่ฟาดฟันโดยตรงลงมาจากเก้าชั้นฟ้า ตัดสินประหารชีวิตหลี่ชิเย่ ทุกๆ ที่ที่ปีกแสงฟาดฟันลงมาล้วนแล้วแต่คงไว้ซึ่งร่องรอยสวรรค์ที่น่ากลัว เหมือนว่าท้องฟ้าล้วนแล้วแต่ถูกปีกแสงแต่ละคู่ฟันจนขาดอย่างนั้น

อีกทั้งขณะที่ปีกแสงหนึ่งร้อยแปดคู่ฟาดฟันลงมานั้น คมมีดสวรรค์เหมือนกลับกลายเป็นม่านฟ้าแหดิน ต่อให้ติดปีกก็หนีไปไม่พ้น มันสามารถเฉือนผู้นั้นจนกลายเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วน

ท่าไม้ตายของจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่น มองเห็นเตากลั่นสามขาพระจิตศักดิ์สิทธิ์ในมือพลันขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด พริบตาเดียวนั่นเอง เตากลั่นสามขาพระจิตศักดิ์สิทธิ์ได้กลับกลายเป็นท้องฟ้า ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่น เตากลั่นสามขาพระจิตศักดิ์สิทธิ์พลันพุ่งสังหารลงมา บดขยี้เหล่าชั้นฟ้า ทำลายหมื่นอาณาจักรจนแตกละเอียด

จังหวะภายใต้การโจมตีสังหารลงมาของเตากลั่นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัว ได้ยินเสียงปังดังขึ้น ช่องว่างที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่นั้นพลันกลายเป็นผุยผง กลายเป็นสุญกาศ

“ทรงพลังอย่างยิ่ง” ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว ล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดผวาอย่างยิ่ง เนื่องจากภายใต้การยิงถล่มโจมตีของจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลาง เหมือนว่าเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาทั้งเมืองแลดูเล็กจิ๋วอะไรขนาดนั้น เหมือนว่าเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาทั้งเมืองพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อ

ภายใต้การอาละวาดของพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีศิษย์ผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่มีทักษะอ่อนต้องเข่าอ่อนทั้งสองข้าง คุกเข่าลงกับพื้นโดยตรงแล้วไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกเลย

“การโจมตีในครั้งนี้นับว่ามีกำลังความสามารถของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นศักราชในครอบครองแล้วล่ะ” มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แสดงความเห็นวิจารณ์ขึ้นมาเมื่อได้เห็นการโจมรตีที่น่ากลัวนี้แล้ว

…………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล