ตอนที่ 2779 มือเดียวกวาดพวกเจ้าราบคาบ
เมื่ออ๋องเทพฉีฟงก้าวออกมาคัดค้านหลี่ชิเย่เป็นคนแรก ได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกมีความมั่นใจขึ้นในใจในขณะนี้ ถึงอย่างไรข้างหน้ายังมีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลอย่างยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางคอยกันอยู่ พวกเขาจะไปกลัวอะไร?
“บัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษไหนเลยให้ใครขึ้นไปนั่งได้ตามอารมณ์ จะต้องผ่านการตัดสินชี้ขาดของหมื่นสำนักร้อยเผ่าพันธุ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารเสียก่อนจึงมีสิทธิ์ขึ้นนั่งได้” มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิเอ่ยขึ้น
การพูดในลักษณะเช่นนี้ของเขานับว่าฉลาดมาก ทั้งไม่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ และไม่เป็นศตรูกับวิหารอมตะ และไม่บอกว่าคัดค้านการขึ้นนั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษของหลี่ชิเย่ แต่พูดว่าจะต้องผ่านการสรุปชี้ขาดของหมื่นสำนักร้อยเผ่าพันธุ์ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารเสียก่อนจึงมีสิทธิ์
หากปล่อยให้หมื่นสำนักร้อยเผ่าพันธุ์ไปตกลง เกรงว่าหลี่ชิเย่ไม่สามารถนั่งบนบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษได้อยู่แล้ว
“ถูกต้อง” คำพูดลักษณะเช่นนี้ของระดับบรรพบุรุษผู้นี้ทยอยได้รับการเห็นชอบจากผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมาก และกล่าวว่า “หากคิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษสมควรให้หมื่นสำนักร้อยเผ่าพันธุ์สรุปชี้ขาด ถ้าหากทำเช่นนี้ พวกเราก็จะให้การสนับสนุน”
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มองว่าหลี่ชิเย่ไม่มีสิทธิ์ได้นั่งตำแหน่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ แน่นอนที่สุด ในความคิดของทุกคนบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษมีเพียงปรัชญาเมธีอย่างเจียงฉางฉุนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้นั่ง หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงชนรุ่นหลัง ไม่เคยสร้างผลงานใดๆ มาก่อน อาศัยอะไรสามารถขึ้นนั่งบนบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษได้เล่า?
“บัลลังก์นี้คือบัลลังก์สูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร อาศัยเจ้าก็คู่ควรรึ? ” ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตกล่าวน้ำเสียงน่าเกรงขาม ท่าทีของเขาชัดเจนยิ่งกว่า น้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งการเข่นฆ่า “เจ้าสังหารคนบริสุทธิ์เหมือนผักปลา ทำร้ายผู้คนใต้หล้าอย่างโหดเหี้ยม ถือเป็นฝ่ายมาร ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารเสื่อมเสียชื่อเสียง สมควรประหาร! ”
“มือทั้งสองข้างเปื้อนเลือดศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารเต็มไปหมด เจ้าไม่มีสิทธิ์ได้นั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ”
“สองมือเปื้อนเลือดศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารอยู่เต็มไปหมด เจ้าไม่มีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ” ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางก็กล่าวน้ำเสียงน่าเกรงขามว่า “มารร้ายอย่างเจ้าทุกคนมีสิทธิ์สังหาร เพื่อไม่ให้ฝ่ายธรรมะของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารต้องเสียหาย มาวันนี้ศิษย์ทุกคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ล้วนแล้วแต่มีภารหน้าที่ขจัดมารผดุงคุณธรรมบนบ่า”
“อ๋อ อย่างนี้หรอกหรือ” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้าไม่เคยคิดอยากจะเป็นคนที่มีศีลธรรมจรรยาสูงส่ง และไม่เคยคิดอยากจะเป็นคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูง ข้าคิดอยากจะขึ้นนั่งบนบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษก็ขึ้นนั่งเลย ใยจะต้องมีเหตุผล”
คำพูดที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่เต็มเปี่ยม หมางเมินเหล่าเวไนยสัตว์ ไม่นับเป็นเรื่องอะไรทั้งสิ้น
มองดูพวกยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าต้องการจะแก้แค้นข้า หรือคิดจะขัดขวางข้าขึ้นนั่งบนบัลลังก์ปฐมบรรพบุรุษ เข้ามากันเลยก็แล้วกัน พลาดจากวันนี้ไปเกรงว่าจะไม่มีโอกาสเสียแล้ว คนที่ไม่กล้าก้าวออกมาในวันนี้ต่อไปอย่าได้ส่งเสียงออกมา มิฉะนั้นข้าจะล้างด้วยเลือด! ”
วาจาสามหาวมาก…อ๋องเทพฉีฟงร้องกล่าวตำหนิเสียงดังว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าคือผู้ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าอย่างนั้นรึ? ยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารจำนวนนับไม่ถ้วน จะไม่ยอมให้เจ้าทำอะไรตามอำเภอใจ…”
“เสียใจด้วย ข้านี่แหละคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร ข้านี่แหละจะทำตามอำเภอใจ” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทคำพูดของอ๋องเทพฉีฟง ยิ้มกล่าวว่า “ไม่ยอมรับ พวกเจ้าทั้งหมดเข้ามาพร้อมกัน ข้าต่อให้มือข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งของข้าจะกวาดล้างพวกเจ้าทั้งหมด! ”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาช้าๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งไพล่หลังเอาไว้ ดูสบายอกสบายใจและมองดูทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตามอารมณ์
“ข้าขอพูดคำๆ หนึ่งที่พวกเจ้าไม่ชอบฟัง ข้านี่แหละปราศจากผู้ต่อกร มือข้างเดียวกวาดล้างสิ้นพวกเจ้าทั้งหมด ไม่ว่าพวกเจ้าต้องการแก้แค้น หรือต้องการกำจัดข้าแล้วรู้สึกสะใจ และหรือไม่ยอมรับ…เข้ามาทั้งหมดก็แล้วกัน ไม่ว่าพวกเจ้าจะมากี่คน ข้าก็อาศัยมือเพียงข้างเดียวก็เหลือเฟือแล้ว! หากถูกข้าสังหารได้แต่โทษพวกเจ้าฝีมืออ่อนหัด ขายหน้าบรรพชนพวกเจ้าจนสิ้น”
เวลานี้ หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลัง อาศัยมือข้างเดียวเผชิญหน้ากับทุกๆ คน ท่าทางหมางเมินใต้หล้าอย่างสิ้นเชิง ข้าเท่านั้นที่เป็นใหญ่
ภาพเช่นนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งเคืองทั้งจนด้วยเกล้า ที่แค้นก็คือหลี่ชิเย่นั้นลำพองเหลือเกิน เป็นการดูแคลนว่าใต้หล้าไม่มีคนชัดๆ ที่ทำให้จนด้วยเกล้าก็คือ เขามีความแข็งแกร่งโดยแท้ แม้จะเพียงอาศัยมือข้างเดียว เกรงว่าผู้อยู่ในเหตุการณ์คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรับมือกับเขาได้ ณ ที่ตรงนี้เกรงว่าคงมีเพียงพวกของผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางเท่านั้นที่สามารถสู้กับเขาได้
เจ้าเป็นคนพูดเองนะ…อ๋องเทพฉีฟงดูจะไม่ยอมรับอยู่บ้าง ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา
อาศัยมือข้างเดียวกวาดล้างพวกเขาจนสิ้น ย่อมสร้างความไม่ยอมรับให้พวกเขาอยู่แล้ว เดิมอ๋องเทพฉีฟงก็มีความแค้นอยู่กับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว เวลานี้เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่จะอาศัยมือข้างเดียวกวาดหมดทุกคน ทำให้เขายิ่งอยากจะกำจัดหลี่ชิเย่เสียให้มันสะใจ
“ถูกต้อง ข้าเป็นคนพูดเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวตามอารมณ์ว่า “ข้าบอกว่าอาศัยมือข้างเดียวก็ต้องเป็นมือข้างเดียว ต่อให้พวกเจ้าเข้ามาทั้งกองทัพ ข้าก็อาศัยมือข้างเดียวกวาดเรียบ! ”
ตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูพวกเขาสักแวบหนึ่ง ซึ่งทำให้สีหน้าของอ๋องเทพฉีฟงดูไม่จืดยิ่งนัก นี้เป็นการมองว่าเขาไม่มีตัวตน เป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้อื่นดูแคลนถึงขนาดนี้ ทำให้ภายในใจของอ๋องเทพฉีฟงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง เป็นที่เดือดดาลยิ่งนัก
“พูดแล้วต้องตามนั้น! ” ผู้เฒ่าเซียนดินแดนภาคกลางส่งเสียงฮึเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อย่าทำชักช้า ข้าพูดคำไหนคำนั้น หากข้าไม่อาศัยมือข้างเดียวกวาดพวกเจ้าจนสิ้นถือว่าข้าแพ้ วางอาวุธยอมแพ้” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาตามอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...