ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2803

คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้พวกของตู้เหวินรุ่ยตะลึงนิดหนึ่ง ในเวลานี้ พวกเขามีจำนวนไม่น้อยที่มองหน้าซึ่งกันและกัน

“คำพูดเหลวไหล หลอกลวงผู้คน” เติ้งเหรินเซินในฐานะที่อาวุโสกว่าเพื่อนกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าปราชญ์ไกลกันดารคงเมืองล้างบาปนี้เอาไว้เพื่ออะไร? หรือเจ้าคิดว่าแสงสว่างของปราชญ์ไกลกันดารส่องไม่ถึงที่นี่จริงๆ รึ? แสงสว่างของเขาสามารถสาดส่องไปทั่วแดนลัทธิเซียน แค่เมืองล้างบาปเมืองหนึ่งสาดส่องมาไม่ถึงอย่างนั้นรึ?”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ ทำให้พวกของเติ้งเหรินเซินไม่สามารถโต้เถียงได้ ปราชญ์ไกลกันดารเคยเป็นปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมที่สุด เขาเคยโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ แสงสว่างสาดส่องแดนสามเซียน ถ้าหากจะบอกว่าแสงสว่างของเขาไม่สามารถสาดส่องมาถึงตรงนี้ได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว สถานที่แห่งนี้ช่างเป็นสถานที่ที่น่ากลัว และมืดเพียงใดกันแน่

ความจริงแล้ว สถานที่แห่งนี้หาใช่เป็นสถานที่ที่มืดและน่ากลัว กล่าวในระดับหนึ่งแล้ว เมืองล้างบาปในวันนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับเมืองธรรมดาๆ ทั่วไปในแดนสามเซียนเลย

“แสงสว่างสาดส่องความสว่างไปทั่วหล้าอย่างเสมอภาค มันเป็นเพียงการช่วยกอบกู้คืนจิตวิญญาณของจิตใจเท่านั้นเอง มันคือตะเกียงที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “หากโลกทั้งโลกล้วนมีแต่ความสว่าง โลกทั้งโลกล้วนมีแต่สาวก อาณาประชาราษฎร์บนโลกล้วนแล้วแต่หมอบอยู่ภายใต้ความสว่าง มีเพียงการอยู่ไปวันๆ ภายใต้ความสว่างละก็ แล้วมันแตกต่างอะไรกับความมืดตรงไหน?”

“หนึ่งเดียวที่แตกต่างก็แค่วิธีการที่ทำให้เจ้ายอมสยบเท่านั้นเอง ความมืดทำให้เจ้าหวาดกลัว ทำให้เจ้าถูกสยบภายใต้การปราบปราม ความสว่างทำให้เจ้าใฝ่ฝันถึง ทำให้เจ้าสยบต่อการยั่วยวน” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ถ้าหากทุกๆ คนล้วนแล้วแต่ศรัทธาเหมือนเช่นสาวกอย่างนั้น ทำการสักการะกราบไหว้ด้วยความเคารพระดับสูงสุด นั่นก็คือบาปอย่างหนึ่ง เป็นบาปของความพึงพอใจในตนเอง เป็นบาปของการมีมากเกินไป บาปนี้สมควรชำระล้าง นี่แหละคือเมืองล้างบาป”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ได้ทำให้พวกเขาที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ตะลึงอย่างสิ้นเชิง ด้วยคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ที่ทุกคนจะต้องตกใจ ในอดีตพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้แต่คิดยังไม่กล้าจะคิด ในขณะนี้พวกเขาถูกคำพูดที่พูดออกมานี้จนตอบสนองไม่ทัน คำพูดของหลี่ชิเย่ได้ฝากเงาทมิฬเอาไว้ในใจของพวกเขา และหรือทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยต่อคำอธิบายขยายความในเรื่องแสงสว่างของตน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาที่เป็นนักศึกษาซึ่งถือกำเนิดและเติบโตที่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยิ่งเป็นรสชาติที่ไม่สามารถสาธยายาได้ พวกเขาถือกำเนิดขึ้นมาก็อาบเอิบอยู่ท่ามกลางความสว่าง ในทัศนะของพวกเขามองว่า แสงสว่างก็คือตะเกียงความสว่างบนโลก นอกเหนือจากความสว่างแล้วก็คือความมืดที่ไม่อาจให้อภัยได้อย่างนั้น

เวลานี้คำพูดที่หลี่ชิเย่พูดออกมา ได้ทำให้ภายในใจของนักศึกษาบางคนเกิดความระแวงสงสัย และมีนักศึกษาบางคนจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้ลบหลู่ต่อความเชื่อความศรัทธาของพวกเขา

“พูดจาเหลวไหล หลอกลวงผู้คน” ดวงตาทั้งสองของเติ้งเหรินเซินดูน่าเกรงขาม เผยปณิธานการฆ่าออกมา และกล่าวว่า “หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถปล่อยให้เจ้าคนชั่วที่มีจิตใจมืดดำกระทำตามอำเภอใจ สมควรประหาร!”

“โอ้ว นี่ก็คือความสว่างของพวกเจ้าอย่างนั้นรึ? เมื่อคำพูดไม่เข้าหูก็ต้องสังหารเสีย” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ต่อให้ข้าเป็นชนเผ่าบาป เช่นนั้นเจ้าดูซิว่าข้าได้กระทำเรื่องที่เป็นปฏิปักษ์ต่อฟ้าดินอะไรมา? ถ้าหากเวลานี้ข้าไม่ได้ทำเรื่องทีเป็นปฏิปักษ์ต่อฟ้าดิน เพียงแค่บ่นคำสองคำเกี่ยวกับเรื่องความสว่างเท่านั้นก็จะสังหารข้า เช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าใครล่ะคือความสว่าง ใครคือความมืดเล่า? อย่าลืมไปสิ แสงสว่างนั้นโปรดเวไนยสัตว์ทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ไม่ใช่เป็นการล้างผู้เห็นต่าง”

“ผู้อาวุโสเติ้ง คำพูดของพี่น้องผู้นี้พูดมาก็ไม่ผิด” ตู้เหวินรุ่ยในฐานะอธิการบดีของสถาบันล้างบาปพยักหน้า และกล่าวว่า “คำพูดของพี่น้องผู้นี้ยังไม่สมควรลงโทษ”

“ต้องอย่างนี้สิ อย่างน้อยก็ยังมีการให้อภัยของความสว่างอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากแค่คำพูดไม่เข้าหูก็ใช้กำปั้น ความจริงแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องมาคุยกันถึงเรื่องแสงสว่างและความมืดก็ได้ ความจริงแล้วก็คือเป็นการพูดถึงเรื่องธาตุแท้ของผู้บำเพ็ญตนอย่างพวกเรา นั่นก็คือปลาใหญ่กินปลาเล็ก ใครหมัดหนักกว่ากัน ใครคนนั้นก็คือฝ่ายคุณธรรม! ไม่ใช่ไปอาศัยเปลือกนอกของความสว่างไปตัดสินความมืดคนอื่น ซึ่งขายหน้าบรรพบุรุษพวกเจ้าจนสิ้น และทำขายหน้าปราชญ์ไกรกันดารจนสิ้น!”

“เจ้า…” เติ้งเหรินเซินถูกคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ยั่วโมโหจนสีหน้าแดงก่ำ ในฐานะยอดฝีมือรุ่นอาวุโส เขาอยากจะแสดงอาการก็ไม่ได้ ไม่แสดงก็ไม่ได้ ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ไว้ได้

“เอาละ ทุกคนพูดให้มันน้อยหน่อย” ตู้เหวินรุ่ยไกล่เกลี่ย เขาไม่ได้ตำหนิหลี่ชิเย่ ตรงกันข้าม คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่น่าคิดไม่เบาทีเดียว

แม้จะกล่าวว่าตู้เหวินรุ่ยจะทำการไกล่เกลี่ย แต่ว่ายังคงมีนักศึกษาบางส่วนจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ ท่าทางที่มีต่อหลี่ชิเย่นั้นเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูอย่างลึกซึ้ง กลับกลายเป็นว่านักศึกษาที่มีชาติกำเนิดมาจากเมืองล้างบาปกลับมีท่าทีครุ่นคิดอยู่มากทีเดียวกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ็็

สุดท้ายพวกของตู้เหวินรุ่ยได้เดินเข้าไปในเมืองล้างบาป มุ่งหน้าไปยังสถาบันศึกษาล้างบาป

เมื่อเดินเข้าไปในเมืองล้างบาป ปรากฏคลื่นความร้อนแห่งความเจริญรุ่งเรืองสายหนึ่งพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า กลิ่นอายของความคึกคักมีอยู่ทุกที่ ที่ตรงนี้ไม่ได้มีความสว่าง และความมืดอะไร มีเพียงความอยู่รอด และความเป็นอยู่็

ทอดสายตามองออกไปในเมืองล้างบาปแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่ เต็มไปด้วยความเจริญ ผู้คนเดินเออัดยัดเยียดสวนกันไปมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ปรกติธรรมดามากสำหรับความเป็นอยู่ของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเท่านั้นเอง็

ท่ามกลางชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา มีคนที่มีจิตใจดีงาม มีคนที่ปลิ้นปล้อนเจ้าเล่ห์ มีผู้ที่ขยันขันแข็ง มีลักเล็กขโมยน้อย…ซึ่งเป็นชีวิตความเป็นอยู่ที่พบเห็นได้เป็นปรกติมากเท่านั้นเอง(้

ดังนั้น ตามถนนหนทางตรอกซอกซอยจึงสามารถมองเห็นร่างเงาและได้ยินเสียงร้องดังของพ่อค้าแม่ขายที่วุ่นวาย และสามารถมองเห็นพวกมิจฉาชีพที่ท่าทางลับๆ ล่อๆ…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล