สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2807 สระล้างบาป – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2807 สระล้างบาป ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2807 สระล้างบาป
หลี่ชิเย่อาศัยอยู่ในสถาบันศึกษาล้างบาปนั่งสมาธิ ฝึกฝนบรรลุธรรม ไม่สนใจกิจการภายนอก ตั้งใจทำการกลั่นและทำลายสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร
ในวันนี้ จ้าวชิวสือ นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปได้มาทักทายหลี่ชิเย่ ความจริงแล้ว ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่อาศัยอยู่ในสถาบันศึกษาล้างบาปนั้น จ้าวชิวสือมาทักทายอยู่ทุกวัน
จ้าวชิวสือเป็นคนทำงานหนักแน่นจริงใจ ในเมื่ออธิการบดีมอบมอบหมายให้เขาเป็นผู้ดูแลนักศึกษาใหม่อย่างหลี่ชิเย่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าต้อนรับไม่ดี เขายังกลัวว่าหลี่ชิเย่จะไม่เคยชินกับการอยู่ในสถาบันศึกษาล้างบาปด้วยซ้ำ
“ศิษย์น้องจะออกไปเดินเล่นหรือไม่กันเล่า ตั้งแต่เจ้ามาที่สถาบันศึกษาแล้วยังไม่เคยออกไปเดินเล่นบ้างเลย” ด้วยความหวังดี เมื่อจ้าวชิวสือเห็นว่าหลี่ชิเย่นั่งสมาธิบรรลุสัจธรรมอยู่ทุกวัน จึงกล่าวว่า “เรื่องของการฝึกฝนไม่สามารถรีบร้อนให้สำเร็จภายในวันเดียว ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ยาวนาน วันนี้อากาศปลอดโปร่ง ศิษย์น้องมิสู้ออกไปเดินเล่นสักหน่อย เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของสถาบันศึกษาล้างบาปสักหน่อย”
“คำพูดนี้พูดได้ดีมาก เรื่องของการฝึกฝนไม่สามารถรีบร้อนให้สำเร็จภายในวันเดียว ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ยาวนาน” หลี่ชิเย่มองดูจ้าวชิวสือ และกล่าวชื่นชมคำหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปเดินเล่นสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ข้าเป็นมัคคุเทศก์ให้ศิษย์น้องเอง” เมื่อจ้าวชิวสือเห็นว่าหลี่ชิเย่ยอมออกไปเดินเล่น รู้สึกโล่งอกไปไม่น้อยทีเดียว มีความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
ภายในใจของจ้าวชิวสือยังคงเป็นกังวลอยู่บ้างว่าหลี่ชิเย่จะไม่ยอมออกไป จะอย่างไรเสียการที่เขามีชาติกำเนิดมาจากชนเผ่าบาป จะมากหรือน้อยก็ต้องมีคนรังเกียจไม่ชอบ เขากังวลว่าหลี่ชิเย่จะรู้สึกต่ำต้อยในชาติกำเนิดของตน
หลี่ชิเย่เข้าใจทุกอย่างสำหรับความคิดของจ้าวชิวสือ เขาเองไม่ได้ไปเปิดโปงเรื่องนี้เพียงยิ้มๆ เท่านั้น
จ้าวชิวสือนำพาหลี่ชิเย่เดินเล่นสบายๆ อยู่ในสถาบันศึกษาล้างบาป เขามีความกระตือรือร้นยิ่งที่จะอธิบายเรื่องราวที่ไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คน และเรื่องราวประหลาดเหลือเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันศึกษาล้างบาปให้กับหลี่ชิเย่ฟัง
ตัวของสถาบันศึกษาล้างบาปกินพื้นที่เป็นอาณาบริเวณที่กว้างขวางมาก และมีสิ่งปลูกสร้างอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ว่า ทั่วทั้งสถาบันศึกษาล้างบาปนั้น สิ่งที่สามารถนำมาเป็นหัวข้อสนทนาได้อย่างแท้จริงได้มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น
แม้จะกล่าวว่าสถาบันศึกษาล้างบาปได้ตั้งตระหง่านมาเป็นเวลานานมากแล้ว ระยะเวลาการก่อตั้งของสถาบันศึกษาล้างบาปไม่ได้ช้ากว่าสถาบันศึกษาอีกสี่แห่ง แต่ว่า บุคลากรที่มีความสามารถออกมาจากสถาบันศึกษาล้างบาปมีเพียงไม่กี่คน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นบุคลากรที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอีกเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงส่งผลให้สิ่งที่สามารถนำมาเป็นหัวข้อสนทนาของสถาบันศึกษาล้างบาปมีอยู่ไม่มากจริงๆ
การที่สถาบันศึกษาล้างบาปมีบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถออกมาได้ไม่กี่คนในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา จะไปโทษว่าสถาบันศึกษาล้างบาปอบรมสั่งสอนไม่ดีอย่างสิ้นเชิงก็ไม่ถูก
ลองนึกภาพดูสถาบันศึกษาล้างบาปตั้งอยู่ในเมืองล้างบาป นอกเหนือจากราษฎรของเมืองล้างบาปแล้ว นักศึกษาทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยินดีสมัครเข้าเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปเรียกว่ามีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อไม่มีแหล่งทรัพยากรจำนวนมาก คิดจะกำเนิดนักศึกษาที่โดดเด่นยอดเยี่ยมใช่เป็นเรื่องง่าย
จะอย่างไรเสีย สถาบันศึกษาล้างบาปไม่เหมือนเช่นสถาบันศึกษาใหญ่อีกสี่แห่ง ประชากรทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเป็นล้านล้านล้วนแล้วแต่ต้องการเป็นหนึ่งในนักศึกษาของสถาบันศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ตั้งของสถาบันศึกษาล้างบาปคือสถานที่ที่เป็นหนึ่งเดียวของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ที่แสงสว่างไม่สามารถสาดส่องทั่วหล้าอย่างเสมอภาคได้
ลองนึกภาพดู เคล็ดวิชาที่มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาของสถาบันศึกษาล้างบาปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเคล็ดวิชาที่ได้รับการสืบทอดต่อจากปราชญ์ไกลกันดารทั้งสิ้น ขณะที่ภายใต้สถานที่ที่แสงสว่างไม่สามารถส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคได้ กลับจะต้องฝึกปรือเคล็ดวิชาจรัสสารพัดเคล็ดวิชา มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายเสียเมื่อไหร่
เคล็ดวิชาเดียวกัน นักศึกษาจากสถาบันศึกษาอื่นๆ เวลาที่มีการฝึกปรือนั้น เรียกได้ว่าลงแรงครึ่งแต่ได้รับผลทวีคูณ ขณะที่นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาป กลับต้องลงแรงเป็นทวีคูณได้มาเพียงครึ่งเดียว
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การที่สถาบันศึกษาล้างบาปมีบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถกำเนิดมาได้ไม่กี่คนในรอบพันล้านปีที่ผ่านมานั้น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ในรุ่นนี้ เฉกเช่นจ้าวชิวสือนั้นนับว่าเป็นนักศึกษาที่โดดเด่นยอดเยี่ยมมากแล้ว ด้วยอายุเท่านี้ของเขา สามารถฝึกปรือจนก้าวถึงระดับกำลังความสามารถกษัตราแท้จริงนั้น คือประเภทยอดเยื่ยมโดดเด่นมากเป็นพิเศษแล้ว ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ของเขา หากไปอยู่ที่สถาบันศึกษาอีกสี่แห่ง เกรงว่าจะต้องเป็นระดับเทพแท้จริงแล้ว
เมื่อเทียบกันแล้ว จ้าวชิวสือนับเป็นนักศึกษาที่มีอายุค่อนข้างมากในสถาบันศึกษาล้างบาป ดังนั้น เขาก็เกือบจะสำเร็จการศึกษาแล้ว เหลือเพียงออกไปรับการทดสอบขัดเกลาเท่านั้น
ดังนั้น รุ่นพี่อย่างจ้าวชิวสือจึงได้รับการเคารพนับถือจากนักศึกษาคนอื่นๆ ในสถาบันศึกษาล้างบาป ไม่ว่าพวกเขาก้าวเดินไปที่ใดก็ตาม ก็จะมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยกล่าวทักทายต่อจ้าวชิวสือ
แน่นอน ก็มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่จ้องมองหลี่ชิเย่หลายที จะอย่างไรเสีย ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างเคยได้ยินเรื่องชาติกำเนิดจากชนเผ่าบาปของหลี่ชิเย่มาแล้ว
นักศึกษาเหล่านี้เพียงแค่มองดูหลี่ชิเย่หลายทีเท่านั้นเอง ไม่เหมือนเช่นพวกของลู่ซื่อเม่าที่มีชาติกำเนิดมาจากสถาบันศึกษาอื่นๆ ซึ่งจะมีความเป็นศัตรูที่เข้มข้นมากต่อหลี่ชิเย่
พวกของลู่ซื่อเม่ามีชาติกำเนิดมาจากสถาบันศึกษาอื่นๆ แสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค วางตัวเองเป็นฝ่ายธรรมะ ขณะที่ฐานะอย่างหลี่ชิเย่ที่มีชาติกำเนิดมาจากชนเผ่าบาป ย่อมถูกพวกเขามองว่าเป็นศัตรูแล้ว
ขณะที่นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปล้วนแล้วแต่มีชาติกำเนิดมาจากเมืองล้างบาป วิธีการพูดของพวกสถานที่อื่นๆ ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ก็คือ ราษฎรของเมืองล้างบาปล้วนแล้วแต่เป็นทายาทรุ่นหลังของพวกนักโทษที่เป็นคนโหด พวกเขาไม่ได้รับแสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ดังนั้นเฉกเช่นพวกเขาที่มีชาติกำเนิดเช่นนี้ จึงไม่ไปมองหลี่ชิเย่เป็นศัตรูอย่างจงใจ กระทั่งพวกเขามองว่าต่อให้หลี่ชิเย่มีชาติกำเนิดจากชนเผ่าบาปก็ใช่เป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรหนักหนา
สิ่งนี้ไม่โทษจ้าวชิวสือที่รู้สึกภาคภูมิใจขนาดนี้ นับตั้งแต่สระล้างบาป ถึงรูปแกะสลักของปราชญ์ไกลกันดาร แล้วมาถึงกระบี่ล้างบาปเล่มนี้ นี่คือหลักฐานที่ชอบด้วยธรรมนองคลองธรรมของสถาบันศึกษาล้างบาปพวกเขา
ถ้าไม่มีสระล้างบาป ไม่มีรูปแกะสลักที่ปราชญ์ไกลกันดารลงมือตั้งด้วยตนเอง ไม่มีกระบี่ล้างบาปเล่มนี้แล้ว จะทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าสถาบันศึกษาล้างบาปถือเป็นส่วนหนึ่งของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรเล่า? จะให้ผู้อื่นเชื่อได้อย่างไรว่านี่คือสถาบันศึกษาที่ตั้งขึ้นมากับมือของปราชญ์ไกลกันดาร
หากไม่มีสระล้างบาปล่ะก็ ไม่แน่นัก ชนรุ่นหลังคงเข้าใจว่าสถาบันศึกษาล้างบาปเป็นเพียงพวกนอกรีตเท่านั้นเอง หาใช่เป็นสถาบันศึกษาอะไรนั่นแล้ว
เพียงแต่ ณ ที่ตรงนี้มีรูปแกะสลักที่ปราชญ์ไกลกันดารตั้งขึ้นมากับมือ แล้วยังได้ทิ้งกระบี่ประจำตัวเอาไว้ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธสถาบันศึกษาล้างบาปในพันล้านปีที่ผ่านมา
“ไม่มีใครสามารถนำติดตัวไปได้จริงรึ?” หลี่ชิเย่มองไปที่กระบี่ล้างบาปอีกครั้ง และยิ้มๆ
“ศิษย์น้อง อย่าว่าแต่นำมันติดตัวไปด้วย แม้แต่อยากจะยกมันขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” จ้าวชิวสือกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ฟังท่านอธิการบดีพูดเอาไว้ว่า ในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถหยิบยกเอากระบี่ล้างบาปเล่มนี้ขึ้นมาก็ไม่อยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ต่อให้เป็นราชันเซียนมาด้วยตนเอง ก็ต้องเป็นผู้ที่มีแสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคจึงสามารถหยิบยกขึ้นมาได้”
“แค่หยิบขึ้นมาเท่านั้นเอง ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ นำติดตัวไปด้วยกลับจะมีความยุ่งยากนิดหน่อย” หลี่ชิเย่หัวเราะเรียบเฉยว่า “ผู้หยิบยกมันไม่ขึ้นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่แกร่งพอ”
“เจ้าเพิ่งมาใหมทน่ะสิ” คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้นักศึกษาที่อยู่ด้านข้างหัวเราะขึ้นมา โดยไม่ได้มีเจตนาร้าย หัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้อะไรกับกระบี่ล้างบาปสักนิดเลยจริงๆ อย่าว่าแต่นักศึกษาเช่นพวกเราเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือเหล่านั้นก็ยกไม่ขึ้น ฟังว่าในยุคนี้ทุกคนต่างรู้กันว่า หนึ่งเดียวที่สามารถยกกระบี่ล้างบาปนี้ขึ้นมาได้ก็คือราชันแท้จริงเซิ่นซวง!”
“ถูกต้อง ศิษย์น้อง การที่จะยกเอากระบี่เล่มนี้ขึ้นมามันยาก ยากมากจริงๆ โดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” จ้าวชิวสือก็พูดขึ้นมาว่า “ราชันแท้จริงเซิ่นซวงมีชาติกำเนิดมาจากเผ่าเซิ่นหลิง นางศึกษาอยู่ที่สถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนมาแต่เด็ก แสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค คือผู้ที่มีพลังจรัสที่แข็งแกร่งมากที่สุดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์พวกเรา…”
“…มีเพียงนางเท่านั้นที่ยกเอากระบี่ล้างบาปเล่มนี้ขึ้นมาได้ ก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เจ้าอย่าได้ดูถูกกระบี่เล่มนี้ นอกจากได้รับการยอมรับเป็นนายจากมันแล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ คนอย่างพวกเราคิดจะนำมันไปด้วย มันคือความเพ้อฝันของคนปัญหาอ่อน”
คำพูดของจ้าวชิวสือใช่เป็นคำพูดที่อวดอ้างเกินจริง แต่เป็นการพูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น เป็นความจริงว่าน้อยคนนักที่จะยกกระบี่ล้างบาปเล่มนี้ขึ้นมาได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ต่อให้ยกขึ้นมาได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องวางกระบี่ล้างบาปเล่มนี้กลับไป
ราชันแท้จริงฉุงหัวที่ปราดเปรี่องน่าทึ่งก็เคยมาที่นี้ และเคยยกกระบี่ล้างบาปเล่มนี้ขึ้นมา สุดท้ายแล้วยังต้องวางกลับที่เดิม เขาได้พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “กระบี่เล่มนี้สมควรเป็นของที่นี่”
……………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...