ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2824

ตอนที่ 2824 กองทัพสัตว์เทพเทียนหรง

“สถาบันศึกษาสู่กวงพายัพใช่ไหม” ตู้เหวินรุ่ยไม่ได้รู้สึกตระหนกแม้แต่น้อย ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ก็ดี ไว้ข้าหาเวลาว่างนั่งจิบน้ำชากับพี่เฉิงเหวินสักหน่อย สอบถามนิดหนึ่งว่าเขาสั่งสอนศิษย์อย่างไรกันแน่ แพ้แล้วบิดพลิ้ว นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาของสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพอย่างนั้นรึ?”

“โง่เขลา…” สำหรับคำพูดของจางติงยวี่นั้น นักศึกษาที่มีอาวุโสมองหน้าเขาด้วยท่าทีเย็นชา โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่มีชาติกำเนิดมาจากสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่ามองหน้าจางติงยวี่แวบหนึ่งอย่างเหยียดหยาม มองว่าเหมือนเป็นพวกปัญญาอ่อนอย่างนั้น

แม้ว่าสถาบันศึกษาล้างบาปเป็นสถาบันศึกษาเล็กๆ ที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงอะไรนัก แต่ทว่า สมควรทราบว่าประวัติของสถาบันศึกษาล้างบาปสามารถเทียบเคียงได้กับสี่สถาบันศึกษาใหญ่ และยังเป็นสถาบันศึกษาที่ตั้งขึ้นมาโดยปฐมบรรพบุรุษปราชญ์ไกลกันดาร

สถาบันศึกษาเล็กๆ อย่างสถาบันศึกษาล้างบาปมันไม่ได้เหมือนสถาบันศึกษาที่ตั้งขึ้นมาโดยเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นชนรุ่นหลัง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ บรรดาสถาบันศึกษาขนาดเล็กที่ตั้งขึ้นมาโดยชนรุ่นหลังที่มีความแข็งแกร่งคนใดคนหนึ่งนั้น ถือเป็นสถาบันศึกษาที่ไม่ได้รับการรับรอง และไม่ได้มาตรฐาน

ขณะที่สถาบันศึกษาล้างบาปนั้นเป็นสถาบันศึกษาที่จริงแท้แน่นอน แม้ว่ามันจะก่อตั้งขึ้นที่เมืองล้างบาป แม้ว่านักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปมักจะเป็นที่ดูแคลนอยู่เสมอๆ ถูกเยาะเย้ยว่าเป็นทายาทรุ่นหลังของนักโทษโหด แต่ว่า ประวัติและฐานะของสถาบันศึกษาล้างบาปนั้นได้รับการยอมรับจากสี่สถาบันศึกษาใหญ่มาแล้ว

ที่เด่นชัดที่สุดก็คือ ตัวของอธิการบดีตู้เหวินรุ่ยท่านนี้อยู่ในระนาบเดียวกันกับอธิการบดีของสี่สถาบันศึกษาใหญ่ แม้ว่าตัวของตู้เหวินรุ่ยเองจะมีทักษะยุทธไม่สูงนัก แม้ว่าตู้เหวินรุ่ยจะมีบุคลิกที่เข้าถึงได้ง่าย ผู้คนจำนวนมากจึงมองว่าเขาไม่เหมือนเป็นอธิการบดีคนหนึ่ง

แต่ทว่า หากกล่าวถึงด้านตำแหน่งและฐานะแล้ว เขาก็คือผู้ที่อยู่ในระนาบเดียวกันกับอธิการบดีสี่สถาบันศึกษาใหญ่ เหมือนเช่น ‘พี่เฉิงเหวิน’ ที่ออกจากปากของตู้เหวินรุ่ยนั้นก็คืออธิการบดีของสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพ เขาก็คือผู้ที่อยู่ในระนาบเดียวกันกับตู้เหวินรุ่ย สามารถนั่งจิบน้ำชาด้วยกันได้

ส่วนบรรดาสถาบันศึกษาขนาดเล็กเหล่านั้น สถาบันศึกษาที่ไม่ได้รับการรับรองและไม่มีมาตรฐานเหล่านั้น อธิการบดีของสถาบันศึกษาเหล่านั้น ไม่สามารถอยู่ในระนาบเดียวกันกับอธิการบดีของสี่สถาบันศึกษาใหญ่ได้

ดังนั้น นักศึกษาย่อมเป็นนักศึกษา อธิการบดีย่อมเป็นอธิการบดี ไม่ว่าจางติงยวี่จะเป็นนักศึกษาที่มีความโดดเด่นยอดเยี่ยมเพียงใด จะอย่างไรเสียเขาก็คือนักศึกษาคนหนึ่ง ขณะที่ตู้เหวินรุ่ยนั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นอธิการบดีที่แย่เพียงใดก็ตาม เขายังคงเป็นอธิการบดีอยู่ดี

ลองนึกดู ราชันแท้จริงเซิ่นซวงแห่งเป่ยเยี่ยน นางนับว่าแข็งแกร่งมากพอแล้วสิ ฐานะของนางนับว่าสูงส่งเพียงพอแล้วสิ แต่ว่า ในฐานะที่เป็นนักศึกษา นางยังคงต้องยกย่อง และเรียกตู้เหวินรุ่ยว่า ‘อธิการบดี’

เวลานี้จางติงยวี่ต้องการบิดพลิ้วหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลที่ตนได้แพ้พนัน ยังหาญกล้ายกเอาสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพของตนออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนเท่าไรมองว่าช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลาอะไรอย่างนั้น ถ้าหากอธิการบดีอย่างตู้เหวินรุ่ยทำรายงาน และฟ้องร้องไปยังอธิการบดีสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพ เกรงว่าจางติงยวี่จะต้องถูกขับออกจากสถาบันศึกษา

“ข้าก็จะไม่อาศัยผู้ใหญ่รังแกเด็ก เวลานี้ให้เจ้าสองทางเลือก หนึ่ง ไม่ก็ปฏิบัติตามสัญญาที่มีการเดิมพันกันเอาไว้แต่โดยดี สอง ไม่ก็ให้ข้าเหยียบเจ้าจนกลายเป็นเนื้อบด! วางใจเถอะนะ กับสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพนั้น สถาบันศึกษาล้างบาปพวกเราจะอธิบายกับพี่เฉิงเหวินเอง” เวลานี้ตู้เหวินรุ่ยยิ้มๆ และเอ่ยขึ้น

อย่าไปมองว่าปรกติแล้วตู้เหวินรุ่ยนั้นเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ตรงไปตรงมา แต่ว่า เมื่อมีการลงมือเมื่อไรล่ะก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เป็นประเภทที่ใจร้ายและเหี้ยมโหดคนหนึ่ง

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองไปที่จางติงยวี่ แน่นอนทุกคนต่างเข้าใจ ถ้าหากอธิการบดีตู้เหวินรุ่ยผู้นี้จัดการเหยียบจางติงยวี่จนกลายเป็นเนื้อบดจริงๆ เขาก็ต้องตายเปล่า ใครสามารถทวงความเป็นธรรมให้กับเขาได้ล่ะ? เป็นตัวเขาที่บิดพลิ้วก่อน ขณะที่ตู้เหวินรุ่ยในฐานะอธิการบดีสถาบันศึกษาล้างบาปทวงความยุติธรรมให้กับนักศึกษาของตน นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ในเวลานี้ ใบหน้าของจางติงยวี่ขาวซีดด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนรับไม่ได้สลับกับความกลัว และเขาเองก็ตระหนักถึงเรื่องราวที่รุนแรง ในเวลานี้คิดจะเล่นบทบิดพลิ้วดูจะใช้การไม่ได้

“ได้ ข้า ข้า ข้าคลาน…” สุดท้าย จางติงยวี่ที่มีสีหน้าขาวซีด และดูไม่จืดถึงขีดสุดกัดฟันพูดออกมา

ในขณะนี้จางติงยวี่ไม่มีทางเลือก เขาได้แต่ทำตามข้อตกลงเดิมพัน มิฉะนั้นล่ะก็ เขาต้องถูกตู้เหวินรุ่ยเหยียบจนกลายเป็นเนื้อบดแน่ ซึ่งเขาจะต้องตายอนาถฟรีๆ

“อย่างนี้ค่อยยังชั่ว ยังมีลักษณะของความเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพอยู่บ้าง” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะกล่าวและยกเท้าที่เหยียบออกจากตัวของจางติงยวี่

ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก สีหน้าของจางติงยวี่เวลานี้แดงจนคล้ำ และดูไม่จืดถึงที่สุด จะอย่างไรเสียการที่ต้องคลานในหุบเขารอบหนึ่งต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ทั้งยังต้องเลียนเสียงสุนัขเห่า นับว่าเป็นความอัปยศโดยแท้ แต่ เขาจะไม่ปฏิบัติตามก็เป็นไปไม่ได้

สุดท้าย จางติงยวี่คลานอย่างรวดเร็วไปตามหุบเขารอบหนึ่ง เลียนเสียงเห่าสุนัขหลายคำ จากนั้นรีบจากไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้เขาแทบอยากจะให้พื้นดินแยกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ให้เขาได้มุดลงไปทันที เขาไม่มีหน้าที่จะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

“พวกเราไม่จบแน่…” จังหวะที่จางติงยวี่หนีไปอย่างรวดเร็วนั้น ยังได้จ้องมองพวกหลี่ชิเย่อย่างอำมหิต จากนั้นหลบหนีไปจากเหตุการณ์ในพริบตาเดียว

หลังจากที่ทุกคนมองเห็นจางติงยวี่หลบหนีไปแล้วจึงได้ละสายตากลับมา บางคนส่ายหน้า ไม่นึกว่าจางติงยวี่จากมีจุดจบเช่นนี้

“พวกเราไปกันเถอะ” เวลานี้ ตู้เหวินรุ่ยยิ้มกล่าวกับพวกจ้าวชิวสือที่ยังคงยืนเหม่อลอยอยู่

พวกจ้าวชิวสือเสมือนดั่งอยู่ในความฝัน ยังคงยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะเอาชนะจางติงยวี่ได้ ที่ทำให้พวกเขาเสมือนดั่งอยู่ในความฝันยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาทุกคนต่างได้รับผลโอมขนขาวมาคนละลูก ขณะที่พวกจ้าวชิวสือสามคนที่เก็บผลโอมขนขาวได้คนละลูกก็จะมีผลโอมขนขาวถึงสองลูก

กล่าวสำหรับพวกของจ้าวชิวสือแล้ว สามารถได้รับผลโอมขนขาวลูกหนึ่งคือเรื่องที่นึกไม่ถึง เวลานี้พวกเขาทุกคนต่างก็มีในมือลูกหนึ่ง นั่นเท่ากับเสมือนดั่งฟ้าประทานอย่างนั้น

“ทะนุถนอมให้ดีก็แล้วกัน” พวกของจ้าวชิวสือยังคงเดินตามไปข้างหน้าอย่างใจลอย ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวต่อพวกเขาว่า “นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง และด้วยทักษะยุทธพวกเจ้าในเวลานี้ก็ไม่เหมาะที่จะกินผลโอมขนขาวลงไปในครั้งเดียว เก็บเอาไว้ให้ดี รอให้พวกเจ้าแข็งแกร่งมากกว่าอีกสักนิด ค่อยมาย่อยผลโอมขนขาวนี้ช้าๆ ก็ไม่สาย ถึงเวลานั้นสิ่งที่พวกเจ้าจะได้จะมากยิ่งกว่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล