สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2832 ความสว่างก็เป็นบาปอย่างหนึ่ง – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2832 ความสว่างก็เป็นบาปอย่างหนึ่ง ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2832 ความสว่างก็เป็นบาปอย่างหนึ่ง
รุ่นพี่นักศึกษาจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่ามีเหตุผล เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์จากนักศึกษารุ่นพี่ผู้นั้น มีนักศึกษาผู้หนึ่งพยักหน้า และกล่าวว่า “เช่นนี้ดูไปแล้ว พลังของเขามาจากกระบี่ล้างบาปน่ะสิ แต่ว่า อาวุธย่อมเป็นอาวุธ อาวุธคือสิ่งไม่มีชีวิต คนเป็นสิ่งมีชีวิต ต่อให้กระบี่ล้างบาปทรงพลังมากไปกว่านี้ ก็ใช่ว่าทำได้ทุกอย่าง…”
“…แม้แต่ราชันแท้จริงก็ไม่แน่ว่าสามารถเก็บผลสูงศักดิ์ได้ ถ้าหากหลี่ชิเย่คนนี้คิดจะอาศัยกระบี่ล้างบาปไปเก็บผลสูงศักดิ์ล่ะก็ เกรงว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า นักศึกษาจำนวนมากก็ไม่ได้มั่นใจในตัวของหลี่ชิเย่
จะอย่างไรเสีย หลี่ชิเย่ที่เป็นนักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปคนหนึ่ง ไร้ชื่อไร้เสียง ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับราชันแท้จริง เทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลของสี่สถาบันศึกษาใหญ่ได้อยู่แล้ว
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่าหลี่ชิเย่คนนี้ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่” นักศึกษาผู้นี้ที่ให้การสนับสนุนหลี่ชิเย่ตลอดมา ยังคงคิดว่าหลี่ชิเย่นั้นไม่ธรรมดา
“แค่กระบี่ล้างบาปเล่มหนึ่งเท่านั้นเอง ต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็มีขีดจำกัด” นักศึกษาอื่นๆ ไม่เห็นด้วยกับทัศนะเช่นนี้ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “กี่ปีมาแล้ว สถาบันศึกษาล้างบาปไม่เคยกำเนิดบุคคลที่โดดเด่นอะไร กระทั่งในรอบพันล้านปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีราชันแท้จริงคนไหนที่มีชาติกำเนิดมาจากสถาบันศึกษาล้างบาปเลย…”
“…เกรงว่าชาตินี้ก็คงเป็นเช่นนี้ นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปล้วนแล้วแต่เป็นทายาทรุ่นหลังของนักโทษโหดร้าย บนตัวมีสายเลือดสกปรกไหลรินอยู่ พวกเขาถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องถูกสวรรค์ทอดทิ้ง ถูกสรรพสัตว์ทั้งหลายสาปแช่ง พวกเขาไม่สามารถให้กำเนิดบุคคลที่โดดเด่นได้อยู่แล้ว” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ ท่าทีของเขาเผยให้เห็นถึงความหยามเหยียด
แม้ว่านักศึกษาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่คิดว่าหลี่ชิเย่จะมีอะไรดีนักหนา แต่ว่า นักศึกษาผู้นี้ยังคงคิดว่าหลี่ชิเย่นั้นเต็มไปด้วยความน่าจะเป็นไร้ขีดจำกัด จะอย่างไรเสียกระบี่ล้างบาปคือกระบี่ประจำกายของปฐมบรรพบุรุษ มันจะไม่ยอมรับใครสักคนมาเป็นนายของมันง่ายๆ ตามอารมณ์เช่นนี้
แน่นอนที่สุด หลี่ชิเย่ไม่รู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นเป้าหมายสนทนาของผู้อื่น เขากับพวกของตู้เหวินรุ่ยได้เดินทางลึกเข้าไปในสวนผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ในเวลานี้ ตู้เหวินรุ่ยกำลังอบรมสั่งสอนพวกของจ้าวชิวสือในการแยกแยะผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ประเภทต่างๆ ภายในสวนผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และมีความอดทนในการบรรยายถึงสรรพคุณและความมหัศจรรย์ของผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แต่ละชนิด เมื่อมีการพูดถึงผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แต่ละชนิด ล้วนแล้วแต่มีความคล่องเสมือนดั่งนับสมบัติในบ้านของตน
ขณะที่หลี่ชิเย่นั่งอยู่บนง่ามไม้ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นหนึ่ง แกว่งขาไปมา มองดูตู้เหวินรุ่ยที่กำลังอบรมสั่งสอนศิษย์ เขาถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ผลสูงศักดิ์กินแล้วเป็นอย่างไร?”
ตู้เหวินรุ่ยมีท่าทีหยุดลงนิดหนึ่ง นักศึกษาทั้งหมดต่างทยอยกันมองไปที่เขา ความจริงแล้ว พวกจ้าวชิวสือก็อยากจะรู้มากว่ารสชาติของผลสูงศักดิ์เมื่อกินเข้าไปแล้วจะเป็นอย่างไร
จะอย่างไรเสีย ในบรรดาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เก็บได้ยากที่สุดก็คือผลสูงศักดิ์แล้ว กล่าวได้ว่า ผลสูงศักดิ์คือมีไว้สำหรับราชันแท้จริง และเทพแท้จริงชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลโดยเฉพาะ คนอื่นๆ ก็อย่าได้ฝันจะเก็บมันได้อยู่แล้ว
“เรื่องนี้รึ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่เคยได้กินผลสูงศักดิ์ ถ้าหากอนาคตข้ามีโอกาสได้กินผลสูงศักดิ์ จะบอกพวกเจ้าแน่นอน”
พวกของจ้าวชิวสือรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเมื่อได้ยินคำพูดของตู้เหวินรุ่ย จะอย่างไรเสียภายในใจของพวกเขาอยากรู้จริงๆ ว่าผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ดีที่สุดในโลกเวลากินจะมีรสชาติอย่างไรกันเล่า
แต่ว่า พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะฝืนใจคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่บ้าง ผลสูงศักดิ์เป็นสิ่งที่ระดับราชันแท้จริงเท่านั้นที่สามารถเก็บได้ อธิการบดีของพวกเขาหาใช่ราชันแท้จริง เป็นไปได้อย่างไรที่จะเก็บผลสูงศักดิ์ได้เล่า? เมื่อเก็บผลสูงศักดิ์ไม่ได้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าผลสูงศักดิ์นั้นมีรสชาติเป็นอย่างไร
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา กลับไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ตู้เหวินรุ่ยดูเอ้อระเหยไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของหลี่ชิเย่อย่างนั้น
“ท่านอธิการ แม้ว่าพวกเราไม่สามารถเก็บผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้อีกแล้ว แต่ เพราะอะไรหลังจากที่ข้ามาถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ปีนได้ยากขึ้น เวลาปีนเหมือนเปลืองพลังมากอย่างนั้น” ในเวลานี้ มีนักศึกษาผู้หนึ่งเกิดความฉงนขึ้นในใจ
หลังจากที่นักศึกษาได้พูดความฉงนในใจออกมาแล้ว พวกจ้าวชิวสือก็ทยอยกันพยักหน้า แรกทีเดียวพวกเขายังเข้าใจว่าเป็นตัวพวกเขาคนเดียวที่มีความรู้สึกเช่นนี้ ไม่นึกเลยว่าทุกคนต่างก็รับรู้เช่นนี้เหมือนกัน
“สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ปีนได้ยากมากขึ้น เป็นเพราะยิ่งลึกเข้าไปด้านในมากขึ้น ก็จะได้รับการจำกัดมากยิ่งขึ้น” ตู้เหวินรุ่ยกล่าวขึ้น
“เป็นการได้รับจำกัดจากสิ่งใดเล่า?” มีนักศึกษารู้สึกแปลกใจ
ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะและกล่าวว่า “บางทีสิ่งนี้อาจเป็นเพราะปฐมบรรพบุรุษกำลังทดสอบชนรุ่นหลังกระมัง นี่คือการสยบของพลังจรัสอย่างหนึ่งกระมัง ยิ่งเดินทางลึกเข้าไปข้างในมากขึ้น พลังจรัสก็ยิ่งมาก ด้วยเหตุนี้เอง นักศึกษาหลี่จึงได้มารับการทดสอบที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ให้ใต้เท้าเซิ่นตู๋เชื่อว่าภายในใจของนักศึกษาหลี่ไม่ได้มีความมืด ท่ามกลางความจรัส ความมืดทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” พวกของจ้าวชิวสือพลันเข้าใจในทันที ทยอยกันพยักหน้าเมื่อได้ฟังคำของตู้เหวินรุ่ยแล้ว
“นี่แหละพวกท่านทำไม่ถูก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “นี่เป็นเพียงการให้พวกเขาเผชิญหน้าโดยตรงกับความสว่างเท่านั้นเอง ความสว่างไม่เห็นจะสูงส่งอะไรขนาดนั้น! ผู้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนก็ไม่เห็นจะต่ำต้อยขนาดนั้น ถ้าหากพวกเขาเข้าใจแล้วก็จะไม่รู้สึกต่ำต้อยเพราะชาติกำเนิดของตน เพราะเป็นประชาชนของเมืองล้างบาป และไปเลื่อมใสศรัทธาในความสว่าง…”
“…นี่คือความผิดปรกติทางจิตอย่างหนึ่ง เป็นความผิดปรกติที่เกิดจากคน ไม่ว่าจะเป็นการมาจากความหวังดี หรือว่าไม่ตั้งใจ แต่ว่า สิ่งนี้ได้ส่งผลให้ผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าตกอยู่ภายใต้การครอบงำของเงาทมิฬ มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ภายใต้เงาทมิฬ เงาทมิฬนี้ไม่ได้เกิดจากความมืด เป็นเป็นเงาที่เกิดจากการทอดเงาลงมาของความสว่าง!”
ตู้เหวินรุ่ยถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ และไม่สามารถโต้แย้งกลับไปได้ เนื่องจากเขารู้ถึงความจริงว่า เมืองล้างบาปหาใช่เป็นทายาทรุ่นหลังของนักโทษอะไรนั่น ต่อให้เป็นทายาทรุ่นหลังของนักโทษ ในฐานะที่เป็นทายาทรุ่นหลังก็ไม่จำเป็นต้องไปแบกรับชื่อเหม็นของบรรพบุรุษ
พันล้านปีที่ผ่านมา ชื่อที่สกปรกของเมืองล้างบาปยังคงอยู่ สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะประชาชนในเมืองล้างบาปได้กระทำเรื่องราวโหดร้ายไม่อาจให้อภัยแต่อย่างใด และใช่ว่าพวกเขาได้เคยกระทำเรื่องราวที่ชั่วร้ายอันเป็นที่โกรธเคืองของผู้คน เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้กล่าวเอาไว้อย่างนั้น พันล้านปีที่ผ่านมา ชื่อสกปรกของเมืองล้างบาปยังคงอยู่ ประชาชนภายในเมืองล้างบาปต้องมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ภายใต้เงาทมิฬของความสว่างทุกชาติไป
สิ่งนี้หาใช่เกิดจากการกระทำของความมืด นี่คือเงาที่ทอดลงมาของแสงสว่าง หากไม่มีเมืองล้างบาปเป็นตัวเปรียบเทียบ แล้วจะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของความสว่างโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างไรเล่า?
ดังนั้น บางทีความต่ำต้อยทุกๆ ชาติของเมืองล้างบาปอาจเป็นการทำให้เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจของปฐมบรรพบุรุษ บางทีสิ่งนี้อาจเป็นสิ่งเตือนใจที่มีให้กับทายาทรุ่นหลังของปฐมบรรพบุรุษ และหรือปฐมบรรพบุรุษยังมีความหมายที่ลึกซึ้งอื่นๆ…
ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุอันใดก็ตาม แต่ว่า สมความพูดมีคำพูดสักคำ การที่เมืองล้างบาปแบกรับความผิดมาทุกชาติทุกรุ่นมานั้น ความผิดไม่ได้อยู่ที่พวกเขา แต่อยู่ที่ปราชญ์ไกลกันดาร ปฐมบรรพบุรุษของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่รัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์!
ตู้เหวินรุ่ยย่อมทราบถึงเบื้องหลังความหมายที่ลึกซึ้งเรื่องนี้ แต่ว่า เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ เว้นแต่เขาจะล้มหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เสีย ทำลายล้างรัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีกำลังความสามารถที่จะทำเช่นนั้น ต่อให้มี เขาก็จะต้องกลายเป็นคนบาปของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ถึงเวลานั้น มันก็คือความชั่วร้ายที่รุนแรงจนเกินกว่าจะให้อภัยได้อย่างแท้จริงแล้ว
“เพราะอะไรพวกเราจึงไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่กลายเป็นหุ่นเชิดของความสว่างมาก่อน” คำพูดของหลี่ชิเย่สร้างความหวั่นไหวให้กับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของพวกจ้าวชิวสือมาเหลือเกิน พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่อยากจะเชื่อนัก ไม่ง่ายนักกว่าจะได้สติคืนกลับมา
“เพราะว่าพวกเจ้าไม่มีโอกาสได้เห็น” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ถ้าหากพวกเจ้าต้องการดูของจริง ก็ให้ดูที่สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะรู้เอง”
…………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...