อ่านสรุป ตอนที่ 2833 กระบือดำยักษ์ตัวหนึ่ง จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2833 กระบือดำยักษ์ตัวหนึ่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2833 กระบือดำยักษ์ตัวหนึ่ง
“สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไรรึ?” มีนักศึกษากล่าวด้วยความรู้สึกแปลกใจ
ความอยากรู้อยากเห็นของพวกนักศึกษาได้ทำให้ตู้เหวินรุ่ยถึงกับทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่านี่จะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย จะอย่างไรเสียเรื่องบางเรื่องกล่าวสำหรับนักศึกษาแล้ว อาจจะเป็นการรับรู้เร็วไปนิดหนึ่ง
“เจ้าเคยเห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และกล่าวว่า “ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ทุกพื้นที่ล้วนแล้วแต่เป็นแผ่นดินสุขสันต์ เป็นเพราะอะไรสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กลับชื่นชอบที่จะอาศัยอยู่ที่นั่นเล่า ทั้งไม่มีใครมาผูกมัด และไม่มีโซ่ตรวน…”
“…นอกเหนือจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถือกำเนิดและเติบโตที่นี่แล้ว ยังมีสัตว์ดุวิหคร้ายที่มาจากภายนอกอีกจำนวนเท่าไร เมื่อมาอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลานานแล้ว ก็ค่อยๆ ไม่อยากไปจากที่ตรงนี้ โดยถือเอาสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นเสมือนบ้านของตนเอง เว้นแต่ถูกผู้ที่มีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมนำตัวพวกมันไป และหรือทำให้พวกมันติดตามไปจากที่นี่ด้วยเหตุผลอื่น มิฉะนั้นแล้ว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไปล้วนแล้วแต่แก่ตายอยู่ที่ตรงนี้ทั้งสิ้น”
“…เพราะอะไรแม้แต่สิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดที่ดุร้ายเจ้าอารมณ์มีสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าเต็มพิกัด ถึงได้กลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ เล่า? นั่นเป็นเพราะภายใต้พลังจรัสที่ยิ่งใหญ่ไพศาลทำให้จิตของพวกมันหลงทางไปแล้ว ใฝ่หาความสว่าง มีชีวิตอยู่เพื่อความสว่าง! ลืมกำพืดของตนเอง ลืมไปว่าตนเองนั้นมาจากที่ใด แน่นอน หากพูดให้สูงส่งงดงามนี่คือการชำระกายา ล้างสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าของมันออกไป พูดให้ตรงประเด็นก็คือ เป็นพลังจรัสสยบพวกมันเอาไว้ ล้างสมองของพวกมัน” เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว สายตาของหลี่ชิเย่กูกลับกลายเป็นหนักแน่นและลึกล้ำนัก
บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปล้วนแล้วแต่ถึงงงงันเมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ภายในใจของพวกเขานั้น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ความเป็นศิริมงคล สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็เคยทำให้พวกมันใฝ่หาอย่างยิ่ง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีงามยิ่งนัก จะอย่างไรเสีย ที่ตรงนี้คือบ้านเกิดเมืองนอนของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
เวลานี้เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่แล้ว เหมือนว่าเรื่องราวหาได้เป็นเช่นนั้น
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีมาแต่กำเนิดรึ?” มีนักศึกษาอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้
“โลกนี้ไม่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สายพันธุ์นี้ อย่างน้อยที่สุดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เฉกเช่นที่พวกเจ้าพูดถึงนั้นน่ะไม่มี แน่นอนที่สุด สัตว์ที่ถือกำเนิดอยู่ในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เติบโตในสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เปี่ยมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีขีดจำกัด ย่อมเพียงพอให้เรียกว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแท้จริง สิ่งนี้ก็นับได้ว่ามีสายพันธุ์ประเภทนี้ก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ต่อให้บนโลกมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ก็ใช่ว่าอาศัยความสว่างและความมืดมาจำกัดความ แต่อาศัยสายเลือด ต้นกำเนิดของมันมาคำนิยามของมัน”
ในเวลานี้ พวกจ้าวชิวสือถึงกับมองหน้าซึ่งกันและกัน
“เอาล่ะ พวกเราไปหาดูบริเวณอื่น ดูว่ายังมีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะสมหรือไม่” ตู้เหวินรุ่ยลุกขึ้นยืนตบๆ มือ เขาไม่ต้องการให้หลี่ชิเย่พูดต่อไปถึงเบื้องหลังที่ลึกมากกว่านี้ จะอย่างไรเสียหากพูดต่อไปไม่แน่นักอาจทำให้นักศึกษาทั้งหมดของสถาบันศึกษาล้างบาปโค่นล้มจินตนาการที่มีต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ โค่นล้มความคิดที่พวกเขามีต่อชาติกำเนิดของตน โค่นล้มคำนิยามที่มีต่อระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ทั้งหมด
ถ้าหากกระแสแนวความคิดเช่นนี้มีการแพร่กระจายในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ จะส่งผลกระทบต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งอาจสั่นคลอนต่อรากฐานของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ หากก้าวไปจนถึงวันนั้นจริงๆ เขาก็จะกลายเป็นคนบาปของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไปตลอดกาล
กล่าวสำหรับตู้เหวินรุ่ยแล้ว เขาไม่ต้องการไปสั่นคลอนต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไม่ต้องการให้ชนรุ่นหลังเกิดความสงสัยในรัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่า เขาเองก็ไม่ต้องการให้เมืองล้างบาปจมปลักอยู่เช่นนี้ตลอดไป
ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือที่ปลีกตัวออกจากโลกภายนอกของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมแห่งยุค ตัวเขาเองก็ไม่มีวิธีที่ดี และเขาเองก็คิดหาวิธีการที่รอบคอบ แต่ว่า ไม่มีวิธีการที่ดีกว่าตลอดมาเท่านั้นเอง
เฉกเช่นตัวเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่เพียงรับรู้ถึงสิ่งที่เป็นเบื้องลึกยิ่งกว่าของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ และรับรู้ถึงประวัติบางส่วนของเมืองล้างบาป เพียงแต่ในฐานะที่เป็นศิษย์ของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะผู้เฝ้าสังเกตการณ์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ นี้ เรื่องบางเรื่องเขาก็ไม่อยากไปทำเท่านั้น
พวกของจ้าวชิวสือต่างทยอยกันได้สติกลับมาเมื่อถูกตู้เหวินรุ่ยกล่าวเตือนสติเช่นนี้ พวกเขาได้แต่เก็บเอาไว้ในใจสำหรับคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสียพวกเขาเติบโตมาในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เล็ก เรื่องบางเรื่องพวกเขาไม่ควรไปสงสัย ยิ่งไม่สมควรแสดงความไม่เคารพต่อปฐมบรรพบุรุษ และเหล่าบรรพชนทั้งหลาย จะอย่างไรเสียพวกเขามีชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดินที่รัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคแห่งนี้
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เมล็ดพันธุ์ความสงสัยได้ถูกหว่านเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจของพวกเขาแล้ว
ตูม ตูม ตูม…ขณะที่พวกของหลี่ชิเย่กำลังจะออกเดินทางนั้น ทันใดนั้นปรากฏเสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก สร้างความสั่นไหวโคลงเคลงไปทั่วปฐพีในทันที กระทั่งแม้แต่ภูเขาขนาดยักษ์ก็ยังสั่นไหวโคลงเคลงไม่หยุด
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น…” เหตุการณ์พื้นดินเกิดสั่นไหวโคลงเคลงขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ พลันทำให้ทุกคนต่างตื่นตระหนกเป็นการใหญ่
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ตามติดด้วยเสียงปัง ปัง ปังที่ดังขึ้น มองเห็นด้านหน้าถูกไถจนแยกเป็นทางขึ้นมา ต้นไม้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกชนโค่นล้มแตกหัก เศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปลิวกระจายเสมือนดั่งเป็นหิมะอย่างนั้น
เวลานี้ทุกคนต่างมองออกไป เห็นกระบือตัวหนึ่งที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เป็นการวิ่งที่รวดเร็วมากเป็นพิเศษ ขณะที่มันวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้นไม่ได้มองดูทางเอาเสียเลย ก้มหัวลงและอาศัยเขาคู่นั้นของมันไถไปข้างหน้าโดยตรง จัดการขุดต้นไม้ที่ขวางอยู่ด้านหน้าของตนจนกระจาย ชนทุกอย่างจนแหลกละเอียดด้วยความดุดันอย่างยิ่ง
กระบือตัวนี้ไม่นับว่ามีขนาดยักษ์เป็นพิเศษ รูปร่างของมันแลดูคล้ายเป็นภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง กล้ามเนื้อบนตัวเป็นมัดดูแล้วมีความแข็งแรงยิ่งนัก ผิวหนังและขนของมันมีความมันลื่น และมีสีดำเป็นประกาย เหมือนว่าผิวหนังและขนบนตัวของมันได้ผ่านการเจียระไนมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนั้น ดูไปแล้วมีความละเอียดมากเป็นพิเศษ จนทำให้อดไม่ได้ต้องยื่นมือไปลูบสัมผัสดู
กีบทั้งสี่ของเจ้ากระบือตัวนี้ดุจดั่งเหล็ก ยามที่มันยกเท้าขึ้นและกระทืบลงมานั้น สามารถเหยียบหินจนแหลกละเอียด สำหรับเขาคู่นั้นที่อยู่บนหัวของมันยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันมีสีดำมันขลับแวบวับ เหมือนสร้างขึ้นมาจากเหล็กนิลอย่างนั้น พลันที่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง สามารถไถทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าจนระเนระนาด
ตูม ตูม ตูมเสียงดังรูมตามดังขึ้นมา ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง เศษไม่จำนวนนับไม่ถ้วนปลิวกระจาย มองเห็นกระบือตัวนี้ที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเหยียบหินจนแตกละเอียดเท่านั้น มันได้ไถทุกอย่างตรงหน้าจนระเนระนาด
ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “มันเป็นสายพันธุ์แปลกของสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โดยแท้ นักศึกษาแต่ละรุ่นที่ผ่านมา มีไม่น้อยที่เคยต้องได้รับความลำบากเพราะมันมาแล้ว” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วก็ไม่ต้องการจะพูดต่อไป
“ไปเถอะ” ตู้เหวินรุ่ยส่ายหน้า และคิดจะนำพาพวกจ้าวชิวสือไปจากที่ตรงนี้ เนื่องจากอาศัยประสบการณ์ของเขานั้น เมื่อกระบือดำยักษ์ปรากฏจะไม่มีเรื่องดีอย่างแน่นอน
ตูม…จังหวะที่พวกของตู้เหวินรุ่ยคิดจะไปจากที่ตรงนี้ ปรากฏฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลงขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง กระบือดำยักษ์ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง ไถพื้นดินจนลึกเป็นร่องยาว ทำเอาพวกจ้าวชิวสือตกใจจนต้องรีบหลบไปอีกข้างหนึ่ง
ตูมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินหยุดนิ่งลง กระบือดำยักษ์ตัวนี้วิ่งมาถึงด้านหน้าของตู้เหวินรุ่ยก็ได้หยุดลงโดยพลัน
ท่าทางการวิ่งของกระบือดำยักษ์ตัวนี้ดุดันมาก สามารถพลิกฟ้าดินได้ แต่ว่า เวลาที่มันอยากจะหยุดก็สามารถหยุดได้ทันที หลังจากที่มันหยุดลงแล้ว ดวงตาคู่นั้นที่ทั้งใหญ่ ทั้งกลมโตและสุกใสแวววาวจ้องมองไปที่ตู้เหวินรุ่ยทีหนึ่ง จากนั้นสะบัดหน้าทีหนึ่ง หายใจเป็นไอขาวออกมา ท่าทางเหมือนไม่มีอารมณ์
ตามติดด้วยสายตาของมันได้ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่ในขณะนี้ยังคงนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ และแกว่งขาไปมา
ดวงตาคู่นั้นของกระบือดำยักษ์ตัวนี้พลันสุกใสขึ้นมาทันทีที่ได้มองเห็นหลี่ชิเย่
“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ในเวลานี้เจ้ากระบือดำยักษ์ตัวนี้พลันเปิดปากพูดขึ้นมา และเสียงของเขานั้นหนักแน่นใสกังวาน
พลันที่กระบือดำยักษ์เปิดปากขึ้นมา ทำเอาพวกจ้าวชิวสือตกใจเป็นการใหญ่ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นกระบือที่สามารถพูดได้ สำหรับตู้เหวินรุ่ยนั้น ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เขารู้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่
“แล้วเจ้าล่ะกำลังทำอะไร?” หลี่ชิเย่เหลือบมองมันทีหนึ่งและกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา
“แหะข้ากำลังหยอกงี่เง่ามันเล่น” กระบือดำยักษ์หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ไหนๆ ก็ว่างอยู่”
…………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...