สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2863 เด็กมหัศจรรย์สามตา – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2863 เด็กมหัศจรรย์สามตา ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2863 เด็กมหัศจรรย์สามตา
เด็กมหัศจรรย์สามตา นักศึกษาสถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนอุดร มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถง เป็นเผ่าสามตา
ในแดนลัทธิเซียนเผ่าสามตาถือเป็นเผ่าใหญ่เผ่าหนึ่ง คนของเผ่าดังกล่าวมีตาที่ตั้งขึ้นตาหนึ่งมาแต่กำเนิด โดยดวงตาดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นที่บริเวณหว่างคิ้ว ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองในหล้า
หากคนของเผ่าสามตาสามารถฝึกปรือให้ตาที่ตั้งขึ้นนี้กลายเป็นตาทองคำ ก็คือสัญลักษณ์ของผู้มีอภินิหารยิ่งใหญ่
สมควรทราบว่า ดวงตาดวงที่สามของเผ่าสามตาเป็นดวงตาที่ยอดเยี่ยมมาก คนของเผ่าสามตาโดยทั่วไปเมื่อมีการฝึกฝนดวงตาดวงที่สามนี้สักนิดหนึ่ง ก็จะสามารถอ่านหนังสือได้อย่างรวดเร็วเมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์เผ่าอื่นๆ อีกทั้งมักจะเห็นเพียงแวบเดียวก็สามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ
ดวงตาดวงที่สามของเผ่าสามตานั้นมีความยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากฝึกสำเร็จกลายเป็นดวงตาทองคำแล้วล่ะก็ นั่นหมายถึงมีอภินิหารขั้นสมบูรณ์แล้ว
หลังจากที่ดวงตาดวงที่สามได้ฝึกปรือจนสำเร็จเป็นดวงตาทองคำแล้ว สามารถมองเห็นช่องโหว่ทุกอย่าง มองออกถึงทุกสิ่งที่ไม่มีมูลความจริง เปลี่ยนจากความสลับซับซ้อนให้ง่ายขึ้น…ต่างๆ เป็นต้น มีความอภินิหารที่ฝืนลิขิตสวรรค์อยู่มากมาย
เด็กมหัศจรรย์สามตายิ่งมีความยอดเยี่ยมสุดๆ ขณะที่เขายังอ่อนเยาว์มากก็สามารถฝึกปรือดวงตาดวงที่สามจนกลายเป็นดวงตาทองคำได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง เด็กมหัศจรรย์สามตาจึงได้กลายเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นที่มีอายุน้อยที่สุดของแดนลัทธิเซียนในยุคปัจจุบัน กระทั่งแม้แต่กระบี่เหินเทียนเจียวที่มีชาติกำเนิดสูงส่งยิ่งยังคงต้องสำเร็จเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นโดยมีอายุมากกว่าครึ่งขวบ
ระดับคงความอมตะตลอดกาลช่างเป็นระดับที่แข็งแกร่งเพียงใด ในสายตาของระดับเทพแท้จริงมากมายเท่าใดที่มองว่า ระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นคือผู้ดำรงอยู่ในระดับสูงสุดอย่างนั้น มีเทพแท้จริงจำนวนเท่าไรที่พยายามชั่วชีวิตก็เพื่อต้องการสำเร็จเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาล อย่างไรก็ตาม มีเทพแท้จริงจำนวนเท่าไรที่ฝึกปรืออย่างหนักชั่วชีวิตก็ไม่สามารถก้าวไปถึงระดับคงความอมตะตลอดกาลได้
ขณะที่เด็กมหัศจรรย์สามตาเพิ่งจะมีอายุเพียงสิบห้าสิบหกเท่านั้นก็สำเร็จเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นแล้ว ช่างเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเพียงใด
กล่าวได้ว่า เด็กมหัศจรรย์สามตาก็เป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นที่อ่อนเยาว์ที่สุดของเผ่าสามตาเท่าที่มีการบันทึกเอาไว้ และเป็นหนึ่งในผู้มีอายุน้อยที่สุดที่สามารถฝึกดวงตาทองคำได้เป็นผลสำเร็จ
เมื่อมีความสำเร็จที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งยากจะหาผู้ใดเทียมเช่นนี้ จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พรสวรรค์ของเด็กมหัศจรรย์สามตานั้นสุดยอดยากจะหาใดเทียมในหล้าอย่างแท้จริง มิน่าเล่าจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่อายุน้อยที่สุด
ในขณะนี้ เด็กมหัศจรรย์สามตาได้มาถึงและยืนอยู่บนท้องฟ้า เสมือนหนึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง การยืนอยู่บนท้องฟ้าของเขานั้นมีลักษณะท่าทางที่ฮึกเหิมและลำพองใจ ดวงตาทั้งสองเจิดจรัส ท่วงท่ามีลักษณะของความยโสและใช้อำนาจบาตรใหญ่ มองทุกอ่างใต้หล้าเหมือนไม่มีตัวตนอย่างนั้น
แต่ทว่า เด็กมหัศจรรย์สามตาก็นับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก การยืนอยู่บนท้องฟ้าของเขาเสมือนหนึ่งได้จัดการทุกสิ่งสำเร็จเสร็จสิ้นในครั้งเดียว สยบเหล่าชั้นฟ้า แม้แต่เหยี่ยวเทพห้าสีก็หวั่นเกรงต่อเขาอยู่สามส่วน
ขณะที่เด็กมหัศจรรย์สามตายืนอยู่ที่ตรงนั้น เสมือนดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่กางปีกออกทั้งสองข้าง เสมือนหนึ่งคอยให้การคุ้มครองราชันแท้จริงหลิงซินอย่างนั้น
“ขอบคุณสหาย ข้ายังสามารถรับมือได้ชั่วคราว” ราชันแท้จริงหลิงซินของคุณในความหวังดีของเด็กมหัศจรรย์สามตา และกล่าวว่า “ขอเชิญสหายได้หลบไปนิด ให้ข้าได้ต่อสู้อย่างสะใจสักครั้ง”
“ตกลง…” เด็กมหัศจรรย์สามตาหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง ท่าทางดูเคอะเขินนิดหนึ่ง เก็บงำสุดยอดอภินิหารขึ้นแล้วถอยไปข้างๆ ยิ้มกล่าวกับราชันแท้จริงหลิงซินว่า “ข้าจะอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจท่าน สู้ๆ”
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ทุกคนต่างชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง มีนักศึกษาที่เลื่อมใสอย่างยิ่ง ชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงว่า “เด็กมหัศจรรย์สามตานับว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แม้แต่วิหคเทพเช่นนี้ยังหวั่นเกรงในตัวเขา ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ แม้แต่ราชันแท้จริงจินผู่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้”
ทุกคนต่างมองออกว่า แม้ว่าเด็กมหัศจรรย์สามตาไม่ได้ลงมือ แต่ว่าทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเขาก็สามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าได้ แม้แต่เหยี่ยวห้าสีก็ถูกพลังของเขาสยบเอาไว้
หลังจากที่เด็กมหัศจรรย์สามตาได้เก็บงำอภินิหารแล้ว เหยี่ยวห้าสีได้คำรามเสียงยาวขึ้น ดูจะมีพลังที่ฮึกเหิมขึ้น หางของมันได้สยายและฟาดไปยังราชันแท้จริงหลิงซิน บดขยี้สุริยันจันทราและดวงดาวจนแหลกละเอียด
“เจ้าหนูคนนี้มีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง หากพัฒนาต่อไปให้ดีนับว่ามีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด” แม้แต่กระบือดำขนาดใหญ่ที่อวดดีอย่างยิ่งก็อดที่จะกล่าวชื่นชมไม่ขาดขณะมองดูเด็กมหัศจรรย์สามตา
“เจ้ามาเพื่อดูชมความคึกครื้นหรือว่าไปค้นหาสมบัติล่ะ?” หลี่ชิเย่เอ่ยเรียบเฉยขึ้นเมื่อเห็นกระบือดำขนาดใหญ่มองดูจนเหม่อลอย
“ถูกต้อง กระบือสุดหล่ออย่างช้าเกือบลืมไปเลย” กระบือดำขนาดใหญ่ตบหัวของตัวเองแล้วถึงกับร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมาว่า “ไป พวกเราไปชายแดนกัน”
สามารถจินตนาการได้ว่า การที่กระบือดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งยกเท้าของตนเองขึ้นมา แล้วตบเข้าที่หัวของตนอย่างแรง ภาพเช่นนี้ดูไปแล้วมันช่างตลกอะไรอย่างนั้น
แต่ว่า พวกจ้าวชิวสือไม่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา ได้แต่กลั้นเอาไว้ และติดตามอยู่ด้านหลังของกระบือดำขนาดใหญ่ติดๆ
กระบือดำขนาดใหญ่วิ่งไปตลอดทาง นำพาพวกของหลี่ชิเย่เข้าไปยังส่วนที่ห่างไกลยิ่งกว่าของสวนดึกดำบรรพ์ จากการที่ติดตามกระบือดำขนาดใหญ่ไกลออกไปทุกทีๆ สถานการณ์โดยรอบก็มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ตลอดทางที่ผ่านมา ทุกคนสามารถมองเห็นได้ว่า สวนดึกดำบรรพ์นั้นประกอบด้วยเทือกเขาแต่ละเทือกที่ขดกันไปมา มีภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งที่สูงตระหง่าน แต่ว่า เวลานี้เมื่อก้าวเดินลึกและห่างไกออกไปมากขึ้นๆ เริ่มมองไม่เห็นบรรดาเทือกเขาขนาดเขื่อง และภูเขาที่สูงตระหง่านอีกแล้ว รอบๆ แลดูมีความเปล่าเปลี่ยวมากยิ่งขึ้น และเป็นพื้นที่ที่ราบลุ่ม เหมือนเข้าไปยังชายทุ่งที่เปล่าเปลี่ยวปราศจากผู้คนอย่างนั้น
ขณะที่เดินอยู่บนผืนแผ่นดินลักษณะเช่นนี้ บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปต่างนึกถึงคำๆ หนึ่งโดยพร้อมเพรียงกัน นั่นก็คือชายแดน
เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว นี่คือท้องฟ้ายามค่ำคืนที่กว้างขวางอย่างยิ่ง แต่ว่า ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ขณะมองดูท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลที่เต็มไปด้วยดวงดาวนั้น มักจะรู้สึกว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแห่งนี้ออกจะอับแสงอยู่บ้าง ดวงดาวทั้งหมดที่ระยิบระยับบนท้องฟ้าเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงอย่างนั้น เหมือนดั่งเทียนที่เผาไหม้จนกำลังจะมอดอย่างนั้น
ดวงดาวจำนวนมากได้สาดส่องแสงสว่างที่สลัวลงมา เมื่อสาดส่องลงบนผืนแผ่นดินที่กว้างขวางใหญ่โตแห่งนี้ เสมือนดั่งได้ก้าวเข้าสู่โลกอีกโลกหนึ่ง คล้ายได้ไปยืนอยู่บนดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง
เมื่อทอดสายตามองออกไป มองไปบนผืนแผ่นดินผืนนี้จากระยะห่างไกลนั้น นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปทั้งหมดพลันรู้สึกใจหายใจคว่ำ พลันรู้สึกขนลุกซู่ ปรากฏขนลุกขนพองทั้งตัว ทำเอาพวกเขาตกใจจนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“โอ้แม่จ๋า นี่มันสถานที่อะไรกัน…” กระทั่งมีนักศึกษาที่ร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความหวาดผวา เมื่อได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า ขาทั้งสองข้างถึงกับไม่สู้ด้วยการสั่นเทาตลอดเวลา
สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานแห่งหนึ่ง ไม่สิ พูดให้ถูกต้องที่ตรงนี้คือสถานที่กว้างขวางใหญ่โตของโครงกระดูกสีขาว
ทอดสายตามองออกไปจากสถานที่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ สามารถมองเห็นกระดูกขาวที่สยดสยองจำนวนนับไม่ถ้วน กระดูกขาวที่สยดสยองเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งประกายแวบวับขึ้นมา ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก
กระดูกขาวที่น่าสยดสยองนี้หาใช่โครงกระดูกทั่วไป แต่เป็นโครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างยิ่ง ขนาดใหญ่จนเหนือกว่าจินตนาการของทุกๆ คน
เฉกเช่นกระดูกขาวชิ้นนี้ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา มันเหมือนเป็นภูเขากระดูกขนาดยักษ์ลูกหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าของพวกเขา นี่เป็นเพียงกระดูกขาวชิ้นเดียวเท่านั้น มันมีความสูงถึงพันจ้างและแทงทะลุเข้าไปบนท้องฟ้า เหมือนเป็นทวนกระดูกขาวยักษ์ที่ต้องการแทงทะลุท้องฟ้าอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงกระดูกขาวเพียงชิ้นเดียวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเท่านั้น ทอดสายตามองออกไปสามารถมองเห็นผืนแผ่นดินผืนนี้มีโครงกระดูกขนาดยักษ์โครงแล้วโครงเล่า
มีโครงกระดูกของงูยักษ์ โดยที่โครงกระดูกงูยักษ์ที่นอนอยู่ตรงนั้นแลดูคล้ายเป็นเทือกเขาหมื่นลี้อย่างนั้น กระดูกอ่อนแต่ละซี่ของมันก็ตั้งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและมีความแหลมคมอย่างยิ่ง
ยังมีโครงกระดูกของวานรยักษ์ เฉพาะส่วนที่เป็นกะโหลกศีรษะก็คล้ายเป็นกำแพงเมืองที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งนัก เหมือนว่ามันสามารถจุคนได้เป็นล้านหรือสิบล้านคน ฝ่ามือของวานรยักษ์เหมือนเป็นภูเขาทั้งสูงและกว้างขวางมากอย่างนั้น
……
นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปทั้งหมดล้วนแล้วแต่ได้เห็นโครงกระดูกโครงแล้วโครงเล่าอยู่ตรงนี้เป็นครั้งแรก!
……………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...