ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2904

ตอนที่ 2904 สัจธรรมอะไร

หลี่ชิเย่หัวเราะ มองดูอักขระยันต์บนผนังหิน และกล่าวว่า “วิธีการที่ไม่ปรกติกลับเป็นสิ่งที่ผู้คนบนโลกชอบที่สุด บนโลกล้วนแล้วแต่มนุษย์ปุถุชนธรรมดา จะมีสักกี่คนยินดีไปทำพื้นฐานให้แน่นหนากันเล่า? ในทัศนะของผู้ที่โอ้อวดว่าตนเองฉลาดจำนวนเท่าไรมองว่า สัจธรรมสูงเด่นนี่แหละคือสิ่งที่พวกเขาใฝ่หา การเสียเวลาและกำลังไปกับการทำพื้นฐานให้แน่นหนา เป็นการกระทำของไอ้โง่”

“ดังนั้น ผู้สามารถก้าวเดินได้เป็นนิรันดร์มีสักกี่คน” ผู้เฒ่าก็หัวเราะและกล่าวว่า “อัจฉริยะบุคคลมีอยู่มากมาย ผู้สามารถบรรลุมีอยู่เพียงน้อยนิด”

“มีเพียงจิตที่ไม่หวั่นไหว จึงสามารถก้าวเดินเป็นนิรันดร์” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกับความสว่าง ไม่เกี่ยวกับความมืด และไม่เกี่ยวกับความสง่าผ่าเผยของคุณธรรม หรือลทธินอกรีต”

“ฐานเต๋าไม่มั่นคง จิตไม่หวั่นไหวจะเกิดได้อย่างไร” ผู้เฒ่าจ้องเขม็ง ท่าทีหนักแน่นจริงจัง

หลี่ชิเย่อดที่จะมองไปที่ที่ห่างไกลไม่ได้ พยักหน้ายอมรับและกล่าวว่า “เป็นเช่นนี้จริง เวลาที่คนเรามองไประยะห่างไกล มักจะลืมใต้เท้าของตนเองเสมอๆ หากไม่ก้าวย่างก้าวหนึ่ง ไหนเลยจะไปได้ไกล”

ผู้เฒ่าจิบน้ำแร่คำหนึ่ง และพยักหน้า จากนั้นจ้องมองหลี่ชิเย่และกล่าวว่า “สหายมาด้วยเรื่องอันใด?”

“แค่ต้องการดูๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ดูว่าปราชญ์ไกลกันดารได้ทิ้งอะไรเอาไว้ แต่ทว่า มาถึงตรงนี้แล้วเห็นท่าน ข้ารู้สึกว่าข้าควรวางใจได้แล้ว ดูหรือไม่ดูก็ไม่เป็นไรแล้ว”

“ในเมื่อมาแล้ว ไฉนจึงไม่ดูสักหน่อยเล่า เห็นกับตาตนเองจึงจะมั่นใจ” ผู้เฒ่าพูดจาได้สุภาพยิ่งเหมือนเป็นผู้อาวุโสอย่างนั้น

“พูดมาก็ถูก ก็ดี ดูสักหน่อยก็ได้ ดูสภาพจิตใจตอนนั้นของปราชญ์ไกลกันดารก็ดี” หลี่ชิเย่กล่าวและหัวเราะขึ้นมา

“เขามาจากความมืด แม้จะจุดติดความสว่างในใจของตน แต่ จะอย่างไรเสียเขาก็คือความมืด ดังนั้น เขายังคงจัดว่าเป็นความมืด” ผู้เฒ่ากล่าวจริงจังว่า “ดังนั้น ข้าบอกว่าเขาไม่ใช่ตัวแทนความสว่าง เพียงแต่ครั้งนั้นทักษะข้ายังอ่อน ฝีมือสู้คนอื่นเขาไม่ได้”

“ความสว่างก็ดี ความมืดก็ช่าง มันก็แค่หนึ่งความนึกคิดในใจของเขา” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “เขาไม่เหมือนกับท่าน ท่านยึดติดอยู่กับความสว่าง สิ้นสุดที่ความสว่าง สิ่งที่ปรารถนาก็แค่ก้าวเดินไปเท่านั้นเอง”

“มันก็ใช่” ยากนักที่ผู้เฒ่าจะพยักหน้าอย่างจริงจัง และกล่าวว่า “ครั้งนั้นข้าเอ่ยกับเขาว่า ความสว่างที่เขาปรารถนามันก็แค่ความสบายใจภายในจิตใจของเขาเท่านนั้นเอง เพียงต้องการปลอบใจตนเอง การโปรดเวไนยสัตว์ให้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน รัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ก็แค่การค้นหาตัวตนของตนเองเท่านั้น ลึกๆ ภายในจิตใจของเขา ความโลภละโมบคอยที่จะเคลื่อนไหวตลอดเวลา ความโลภละโมบของเขาต้องการดึงเอาความสว่างของเขามาโดยตลอด ถึงที่สุดแล้วความสว่างสำหรับเขาแล้ว เป็นเพียงกลอุบายอย่างหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากความโลภของเขาไปได้!”

“ที่ถูกต้องควรพูดว่า เขาไม่สามารถหลุดพ้นความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจ!” หลี่ชิเย่มองดูที่ที่ห่างไกล เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ขณะเผชิญกับการล่มสลายนั้น เขาไม่สามารถหลุดพ้นความหวาดกลัวไปได้ ไม่สามารถหลุดพ้นจากความล้มเหลวนี้ไปได้ ไม่สามารถทำใจกว้างยอมรับ จึงส่งผลให้เขาจะต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอดให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม บางทีอาจจะทำได้สำเร็จด้วยการทุ่มเทเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เขาคิดหาหนทางให้ตัวเองแกร่งขึ้น…”

“…เมื่อเขาแกร่งขึ้นจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ความโลภละโมบที่อยู่ในใจของเขาได้ทะลุจุดต่ำสุดที่เขาสามารถรับได้ สั่นคลอนต่อจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขา ทำให้เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุถึงยุทธศาสตร์ของเขาเอง ต่อให้ต้องทำลายโลกของตน ทำลายยุคสมัยของตนเอง…สุดท้าย เมื่อเขาคิดจะกลับคืนสู่ความสว่าง ตามหามโนธรรมของตนนั้น เขาจึงได้พบว่า นั่นมันเป็นเพียงการทำให้ตนสบายใจขึ้นเท่านั้นเอง ต้องการปลอบประโลมวิญญาณผู้ล่วงลับ ปลอบประโลมผู้ที่เคยผิดหวังในตัวของเขา” เขาอดที่จะทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้ เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้

ผู้เฒ่านิ่งเงียบไปพักหนึ่ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ที่ข้าปรารถนาก็แค่ถ่ายทอดวิชา เท่านั้น และก้าวเดินในวิถีทางของตนเท่านั้นเอง”

“ความบริสุทธิ์ เป็นเรื่องดี” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมองดูหลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สหายล่ะ? เส้นทางที่สหายก้าวเดินผ่านไป ต้องไปปลอบประโลมหรือไม่?”

“ไม่ ข้าไม่จำเป็นต้องปลอมประโลมตนเอง และไม่จำเป็นต้องไปปลอบประโลมผู้ตาย” หลี่ชิเย่มองไปยังที่ที่ห่างไกล สายตาเด็ดเดี่ยวมั่นคง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เริ่มต้นด้วยความดี ย่อมลงเอยด้วยดี ไม่เกี่ยวกับความมืด ไม่เกี่ยวกับความสว่าง ข้าก้าวเดินไปข้างหน้าโดยลำพัง โลกจะเจริญหรือเสื่อมในภายหลังมันก็เป็นเรื่องของมันเอง ไม่จำเป็นต้องให้ข้าไปอุ้มชู และไม่จำเป็นต้องให้ข้าไปทำลาย ดังนั้น ข้าไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ และอาณาประชาราษฎร์ก็ไม่จำเป็นต้องเลื่อมใสศรัทธาในตัวข้า”

“โลกนี้ไม่มีพระเจ้าที่ช่วยโลก” ผู้เฒ่าพยักหน้า

หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ถูกต้อง โลกนี้ไม่มีพระเจ้าช่วยโลก ถ้าหากว่าโลกนี้มีพระเจ้าที่ช่วยโลก เช่นนั้นแล้วพระเจ้าที่ช่วยโลกผู้นี้ก็มักจะเป็นมารร้ายอยู่เสมอๆ ! ดังนั้น ข้าไม่ช่วยพระเจ้าช่วยโลก สิ่งที่ข้าทำไปเพียงทำเพื่อตัวของข้าเองเท่านั้น ข้าก็คือข้า!”

“หนทางของสหายยาวไกล ไม่ราบเรียบ ไม่ราบเรียบ” ผู้เฒ่าทอดถอนใจขึ้นมา และกล่าวว่า “ข้าพยายามมาชั่วชีวิตก็สุดเพียงเท่านี้เอง เพียงแค่ถ่ายทอดวิชา เคียงบ่าเคียงไหล่ปฐมบรรพบุรุษ ขณะที่สหายเดินทางนอกโลก หลุดพ้นหมื่นแดน ไม่อยู่ในกลุ่มของพวกเรา เกรงว่าชาตินี้ข้าไม่สามารถมองเห็นความสำเร็จของสหาย”

“บางทีนี่เป็นเรื่องดี” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ และกล่าวว่า “หากข้าทำสำเร็จ ฟ้าจะเปลี่ยนสี หากข้าล้มเหลว เกรงว่าฟ้าดินมลาย กล่าวสำหรับชาวโลกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ไม่เห็นจะยินดีให้การยอมรับมัน กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว พวกเขายอมรับสภาพในปัจจุบันมากกว่า”

“รังที่คว่ำลง ไหนเลยจะมีไข่ที่สมบูรณ์ได้” ผู้เฒ่ามองไปยังสถานที่ห่างไกล หลังจากผ่านไปครูใหญ่ ได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ทักษะข้ามีจำกัด ไม่สามารถมองเห็นภาพเต็มทั้งหมด แต่ว่า ฟังคำจากปราชญ์ไกลกันดารทราบมาว่า ที่ควรจะมา สุดท้ายก็ต้องมา ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนๆ สุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้น เพียงแต่ขึ้นอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น”

“สำหรับมดปลวกเท่านั้น ย่อมมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน ชีวิตของพวกมันก็สิ้นสุดลง ส่วนที่ว่าหลังจากตายไปแล้ว น้ำหลากจะเสมือนดั่งคลื่นยักษ์ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกมัน?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “พันปีหมื่นปีสำหรับมนุษย์โลกแล้วยาวนานเกินไป ไม่อยู่ในสิ่งที่พวกเขาต้องไปคำนึง พวกเขามีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ที่ปรารถนาเพียงแค่ให้ตนเองมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเท่านั้น”

“นั่นสิ” ผู้เฒ่าอดที่จะทอดถอนใจกับสิ่งนี้ไม่ได้ และกล่าวว่า “สิ่งที่ปราชญ์กระทำ ไหนเลยมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจะสามารถเข้าใจได้”

“ยังดี ข้าไม่ใช่ปราชญ์ ดังนั้น ข้าไม่อ้างว้าง เดียวดายอย่างนั้นเหมือนเช่นปราชญ์” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล