ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2920

ตอนที่ 2920 สุราเยี่ยม ขอจอกหนึ่ง

นี่คือโลกๆ หนึ่งที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุดเมื่อมองไปที่ทะเลปุ๊ตู้ไห่ เพียงยืนอยู่บนทะเล มองไม่เห็นดวงตะวันที่อยู่บนท้องฟ้า ที่ตรงนี้เป็นโลกของสีเทา แต่ว่า เมื่อเข้าไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่แล้วก็จะเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตเปี่ยมด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่มีขีดจำกัด บางที ที่นี่มีโลกใบแล้วใบเล่าที่อุบัติขึ้น ณ ที่ตรงนี้

ขณะยืนอยู่ริมทะเล ลมทะเลที่พัดโชยเข้ามาเป็นระลอก คลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาชายฝั่งอย่างแผ่วเบา ที่ตรงนี้มีลมทะเลที่พัดโชย ฟังเสียงคลื่นจากทะเล ช่างสบายอะไรอย่างนั้น ช่างน่าพึงพอใจอะไรอย่างนั้น

แต่ว่า ถ้าหากเจ้ามีความแข็งแกร่งมากพอก็จะพบว่า ทั้งที่คลื่นของทะเลปุ๊ตู้ไห่เป็นการซัดเข้าหาฝั่งชัดๆ แต่ว่า กลับสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ทะเลปุ๊ตู้ไห่นั้นเอียงเข้าหาทะเลอย่างนั้น เป็นการเคลื่อนไหวลึกเข้าไปในทะเลของคลื่นทะเล ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้มองเห็นด้วยตาอย่างสิ้นเชิง

อีกทั้งเมื่อเจ้าแข็งแกร่งจนถึงระดับของปฐมบรรพบุรุษจึงจะพบว่า ด้านในของทะเลปุ๊ตู้ไห่เหมือนมีพลังอยู่สายหนึ่งกำลังชักจูงเจ้าอยู่ เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่แล้ว ดูเหมือนว่าด้านหน้ามีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดเจ้าอยู่ มีความลึกลับอย่างยิ่ง และมหัศจรรย์ยิ่งนัก

หลี่ชิเย่ยืนอยู่บนโขดหินรับกับลมทะเลที่โชยเข้ามา หลับตาลงไม่มีการเคลื่อนไหว เหมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นหินไปแล้วอย่างนั้น

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปแกะสลักหิน กลับกลายเป็นดึกดำบรรพ์ กาลเวลาบนตัวของเขาเหมือนยุติการไหลริน ร่างกายของเขาเหมือนมีรากงอกมาอย่างนั้น

เหมือนว่าจากเวลาที่เคลื่อนผ่าน หลี่ชิเย่ไม่เพียงมีรากงอกออกมาจากใต้ฝ่าเท้า และรากฝอยของเขาได้หยั่งลงไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่ และหยั่งลึกลงไปในทะเลปุ๊ตู้ไห่ตลอดเวลา กระทั่งเข้าไปอยู่ในบริเวณที่ลึกที่สุดของทะเลปุ๊ตู้ไห่

ด้วยลักษณเช่นนี้แหละ หลี่ชิเย่ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากที่ไม่ทราบว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว สุดท้ายมองดูทะเลปุ๊ตู้ไห่ทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ภัยพิบัติมาแล้ว! มีผู้เปิดเส้นทางเอาไว้ ย่อมต้องมีคนถือโอกาสกลับมา! แต่ คนที่กลับมาจะไม่ใช่คนเดิมคนนั้นอีก”

คำพูดของหลี่ชิเย่ฟังดูลึกซึ้งมาก เหมือนเป็นคำพยากรณ์อย่างนั้น ถ้าหากเป็นคนที่ฟังออกจะต้องขวัญหนีดีฝ่ออย่างแน่นอน

หลี่ชิเย่ส่ายหน้า ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก และไม่รู้สึกใจหายอะไรมากมายนัก จะอย่างไรเสีย แดนสามเซียนมีคนคอยปกป้องคุ้มครองอยู่แล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเขา

หลังจากหลี่ชิเย่ละสายตากลับมาแล้ว เขาได้เดินทอดน่องไปตามชายทะเล ปล่อยให้น้ำทะเลของทะเลปุ๊ตู้ไห่ซัดใส่ตาตุ่มของตนตามอำเภอใจ

หลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินไปช้าๆ และทิ้งรอยเท้าเอาไว้เป็นชุดบนหาดทราบ แต่ว่า เมื่อคลื่นทะเลที่สาดซัดเข้ามาถึง รอยเท้าทั้งหมดก็อันตรธานหายไปสิ้นอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่ได้ทิ้งอะไรเอาไว้เลย

เมื่อหลี่ชิเย่เดินเข้าไปยังอ่าวแห่งหนึ่ง บนมุมหนึ่งของอ่าวมีคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น

“พี่ท่าน ขึ้นมาดื่มด้วยกันสักจอกเป็นไร? ” ขณะหลี่ชิเย่เดินทางผ่านมา คนผู้นี้ได้ยกจอกสุราขึ้นเชื้อเชิญในทันที

น้อยคนนักที่จะมาถึงริมฝั่งทะเลปุ๊ตู้ไห่ได้ ต่อให้มีผู้ที่มาถึงก็เพียงแค่มองดูไม่กี่ทีเท่านั้นก็จากไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาดื่มสุราสำราญอุราอยู่ที่ตรงนี้

คนผู้นี้กลับมานั่งดื่มสุราสบายอารมณ์อยู่ที่นี่ เหมือนกำลังชื่นชมกับทิวทัศน์อันงดงามของทะเลปุ๊ตู้ไห่

คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขานั่งอยู่ที่มุมของทะเล ด้านหน้าของเขามีโต๊ะหยกวางอยู่ตัวหนึ่ง ข้างๆ ยังมีเตาไฟที่กำลังต้มสุราเลิศรสอยู่ ได้ยินเสียงปุด ปุด ปุดดังขึ้น สุราที่อยู่ในกาได้ถูกต้มจนเดือดแล้ว ส่งไอร้อนขึ้นมาตลอดเวลา สามารถได้กลิ่นหอมของสุราที่ทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มแต่ไกลสายหนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นี้ดูไปแล้วอายุไม่มาก ราวยี่สิบต้นๆ สวมใส่ด้วยชุดแต่งกายแบบชาวบ้านธรรมดา โดยเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นถักทอขึ้นมาด้วยปอแบบหยาบๆ ดูไปแล้วธรรมดามาก แต่ฝีเข็มนั้นดูระเอียดพิถีพิถันยิ่ง น่าจะมาจากฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ กระดุมเป็นรูปอักษรโบราณ มีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยความลึกลับ

ชายหนุ่มไว้ผมยาวและเสียบกลัดเอาไว้ด้วยปิ่นปักผมไผ่ม่วง แลดูตามอรมณ์แต่มีกลิ่นอายความเป็นโบราณ ประกอบด้วยความเป็นวรรณกรรมสี่ส่วน ความสง่างามอยู่หกส่วน

ชายหนุ่มมีท่าทีที่เรียบเฉย เหมือนว่าต่อให้ภูเขาไท่ซัวพังถล่มลงมาตรงหน้าสีหน้าก็จะไม่เปลี่ยน มีความรู้ลุ่มลึก บุคลิกลักษณะสง่างาม เสมือนดั่งเป็นภูเขาที่งดงามยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียมลูกหนึ่ง

แม้ว่าบนตัวของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้มีกลิ่นอายที่สะเทือนเลื่อนลั่น แต่ว่า กลับให้ความรู้สึกถึงการเป็นผู้มีความรู้ด้านวรรณกรรมที่บอกไม่ถูก แวบเดียวที่จ้องมองไปก็จะรู้สึกได้ว่าเขาเป็นผู้มีความรู้เหนือผู้คนทั่วไป

แม้ว่าไม่ได้พูดคุยกับเขา แค่มองแวบหนึ่งก็สามารถทำให้รู้สึกได้ว่าเขาเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์กว้างขวาง

หลี่ชิเย่เงยหน้ามองดูชายหนุ่มที่ออกปากเชื้อเชิญแวบหนึ่ง

ชายหนุ่มมีท่าทีที่อบอุ่นยิ่งนัก ลุกขึ้นยืนทันที และกล่าวว่า สามารถพบเจอกับพี่ท่านตรงนี้นับว่าเป็นวาสนาของข้า เป็นความโชคดีอย่างยิ่ง หากพี่ท่านให้เกียรติล่ะก็ ขอเชิญพี่ท่านขึ้นมาดื่มกันสักจอกเป็นไร? ”

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผู้นั้น

ชายหนุ่มเห็นหลี่ชิเย่เดินเข้ามา จึงรีบยกเอาเก้าอี้หยกออกมาและปัดกวาดกิ่งไม้ใบไม้ที่อยู่บนพื้นออกไป และเตรียมตะเกียบหยก แก้ว และจานให้ด้วยตนเอง ท่าทางดูอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่ง

ท่าทางของหลี่ชิเย่เหมือนปรกติ นั่งลงโดยไม่สะทกสะท้าน

เวลานี้ ชายหนุ่มได้ยกกาสุราที่ต้มอยู่ขึ้นมารินสุราเลิศรสที่ไอร้อนขึ้นมาให้หลี่ชิเย่จนเต็มถ้วย

สุราดังกล่าวเป็นสุราชั้นเลิศอย่างแน่นอน ขณะที่สุราชั้นเลิศรินไปในแก้วหยกนั้น พลันปรากฏไอทองคำที่ลอยขึ้นมา ขณะที่สุราเลิศรสลอยเป็นฟองขึ้นมานั้นถึงกับปรากฏเสียงคำรามของมังกร ทั้งยังมีการหล่อเลี้ยงของพื้นพสุธาเป็นที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง

เหมือนว่าสุราจอกนี้ได้แฝงซ่อนพลังของมังกร พลังแก่นฟ้าดินเอาไว้ สุราเลิศรสจอกนี้สามารถเทียบได้กับการฝึกปรือของผู้บำเพ็ญตนทั่วไปหลายพันปี

“นี่คือสุราใหม่ที่ข้ากลั่นขึ้นมาด้วยมือของข้าเอง เคยใช้แกนของดวงดารา รสชาติไม่เลวนัก พี่ท่านลองชิมดู” ชายหนุ่มผู้นี้ยิ้มกล่าวหลังจากได้รินจนเต็มถ้วยแล้ว

หลี่ชิเย่จิบเบาๆ จากนั้นกระดกหมดจอก หลังจากหนึ่งจอกลงท้องไปแล้ว ได้หายใจออกจากปากเบาๆ ขณะไอสุราถูกคายออกมานั้น ถึงกับคล้ายดั่งคายเอาสุริยันจันทราและดวงดาวออกมาอย่างนั้น เห็นประกายดาวระยิบระยับ ดูอลังการยิ่งนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล