ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2959

สรุปบท ตอนที่ 2959 ไม่มีใครรู้ถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปตอน ตอนที่ 2959 ไม่มีใครรู้ถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม – จากเรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2959 ไม่มีใครรู้ถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม ของนิยายActionเรื่องดัง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2959 ไม่มีใครรู้ถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม

เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง บนเวทีประมูลปรากฎประกายแสงที่แวบวับขึ้นมา มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกห่อหุ้มอยู่ภายใน

ท่ามกลางประกายก้อนนี้ ผู้หญิงมีลักษณะที่เลือนลางอย่างยิ่ง ผู้คนไม่สามารถมองเห็นนางได้ชัดเจน แต่ว่า แม้จะเป็นเพียงโครงร่างที่เลือนราง ผู้คนยังคงสามารถมองเห็นท่วงทีที่มีความงดงามยากจะหาใดเทียมในหล้า

แม้ว่ามองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้มีรูปโฉมเช่นใด แต่ว่า กลิ่นอายที่ล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสองยังคงโชยเข้ามาปะทะใบหน้า นางมีความสูงส่งยิ่งนักโดยไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำอะไร เหมือนว่าสายเลือดที่สูงส่งยิ่งของนางได้ซึมซับเข้าไปถึงในกระดูกของนางไปแล้ว

ต่อให้นางเก็บงำกลิ่นอายของนางมากไปกว่านี้ ยังคงให้ความรู้สึกผู้คนถึงกลิ่นอายที่อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้านั่น แม้ร่างเงาภายในประกายแสงจะคลุมเครือมากไปกว่านี้ แต่ก็ทำให้ผู้คนสามารถรับรู้ได้ว่านางก็คือผู้ที่ควบคุมหมื่นแดน บัญชาการกองทัพนับพัน และยืนอยู่ในตำแหน่งสูงมานมนาม กลิ่นอายที่มีความสูงส่งสูงสุดจึงเผยออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

“ฝ่าบาท ซีหวง…” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลโค้งคำนับให้อย่างงาม ขณะที่ประกายดังกล่าวปรากฎบนเวทีประมูลแล้ว

ผู้หญิงที่ถูกห่อหุ้มด้วยประกายแสงผู้นี้ก็คือจักรพรรดิซีหวง ภรรยาของพระอาจารย์จินกวง

เพียงแต่จักรพรรดิซีหวงไม่ได้เสด็จมาด้วยตนเอง นางเพียงแค่ปรากฏตัวในรูปของเงาสะท้อน ณ ที่ตรงนี้เท่านั้นเอง

ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างลุกขึ้นยืนแสดงคารวะต่อนางเมื่อมองเห็นจักรพรรดิซีหวง แม้จะเป็นเพียงเงาสะท้อนเท่านั้นก็ตามที แม้แต่ราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลต่างทยอยกันแสดงความคารวะต่อจักรพรรดิซีหวง

การที่จักรพรรดิซีหวงมีฐานะที่สูงส่งเพียงนี้ ไม่เพียงเพราะนางเป็นภรรยาของพระอาจารย์จินกวง ขณะที่ยังไม่ได้แต่งงานกับพระอาจารย์จินกวงนั้น นางยังคงมีฐานะที่สูงสุด ทักษะยุทธของนางยังคงแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร เทียบกับราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลคนใดก็ตามที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วมีแต่แกร่งกว่าไม่มีด้อยกว่า กล่าวได้ว่า ลำพังอาศัยกำลังความสามารถของนางก็เพียงพอที่จะให้ผู้อื่นต้องใหความเคารพแล้ว

“เรียนเชิญคุณชายหลี่” หลังจากที่จักรพรรดิซีหวงขึ้นบนเวทีแล้ว หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลได้เชิญหลี่ชิเย่ขึ้นบนเวทีเพื่อสังเกตและศึกษาในโลงศพเซียนซึ่งกันและกันจากระยะที่ใกล้ที่สุด

หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และก้าวขึ้นสู่เวที จ้องมองดูโลงศพเซียนที่อยู่ตรงหน้า

ในเวลานี้ ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก บนเวทีประมูลมีเพียงหลี่ชิเย่กับจักรพรรดิซีหวงพวกเขาทั้งสองยืนเคียงกัน เหมือนกลายเป็นทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง

ลักษณะของหลี่ชิเย่ธรรมดาไม่มีสิ่งใดพิเศษ ขณะที่จักรพรรดิซีหวงสูงส่งยากจะหาผู้ใดเทียม การที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่คู่กันเหมือนไม่เข้ากันเอาเสียเลย แต่ ท่าทางของหลี่ชิเย่อิสระเสรีตามอารมณ์ โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วกลับทำให้รู้สึกว่ามันช่างกลมกลืน ช่างอิสระเสรีอะไรอย่างนั้น

ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นบนเวทีประมูลนั้น จักรพรรดิซีหวงได้พยักหน้าถือเป็นการทักทายและส่งความปรารถนาดี หลี่ชิเย่เพียงตอบรับด้วยการยิ้มๆ เท่านั้นเอง

จักรพรรดิซีหวงมีจิตใจที่กว้างขวาง ไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจที่หลี่ชิเย่ได้แย่งชิงกับนางก่อนหน้า ยังคงดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น

หลี่ชิเย่มองดูโลงศพเซียนที่อยู่ตรงหน้า สายตาของเขาที่เพ่งไปข้างหน้าเสมือนดั่งมองทะลุโลงเซียนลูกนี้อย่างนั้น แม้โลงศพเซียนจะได้ผนึกช่องว่างไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ทว่า สายตาของหลี่ชิเย่กลับก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน มองทะลุไปไกลมาก ไม่ว่าจะเป็นช่องว่าง หรือกาลเวลา ภายใต้สายตาของหลี่ชิเย่แล้วล้วนไม่ใช่ระยะห่าง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกมองทะลุโดยสายตาของเขา

จักรพรรดิซีหวงก็มองดูโลงศพเซียนลูกนี้เช่นกัน และนางจะใช้มือเคาะตีโลงศพเซียนลูกนี้เบาๆ เป็นครั้งคราว จากนั้น นางกรีดนิ้วออกไปและสำแดงกฎเกณฑ์สัจธรรม ได้ยินเสียงปุดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง หลักกฎเกณฑ์ของนางได้แทรกซึมไปยังโลงศพเซียน แต่ว่า ถูกดีดกลับมาโดยพลัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ปลายนิ้วของจักรพรรดิซีหวงยังคงปรากฏหลักกฎเกณฑ์ขนาดเล็กที่ล้อมรอบ และหยั่งเชิงต่อโลงศพเซียน

ขณะที่หลี่ชิเย่ได้เดินวนโลงเซียนไปสองรอบ จากนั้นวางมือบนโลงศพเซียนอย่างชำนาญ หลับตาลงช้าๆ เสมือนดั่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น

ขณะที่จักรพรรดิซีหวงและหลี่ชิเย่เข้าไปสังเกตและศึกษาโลงศพเซียนอย่างใกล้ชิดนั้น ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนต่างจ้องมองดูทุกความเคลื่อนไหวของหลี่ชิเย่และจักรพรรดิซีหวง

จักรพรรดิซีหวงนั้นอาศัยสุดยอดวิชาสูงสุดหยั่งเชิงโลงศพเซียน ขณะที่หลี่ชิเย่เพียงอาศัยมือที่กดโลงศพเซียนเอาไว้ หลับตาเสมือนดั่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น โดยร่างของเขายืนอยู่ตรงนั้นคล้ายเป็นรูปแกะสลักอย่างนั้น

พวกเขาสองคนต่างไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างดูจะตื่นเต้น ดวงตาแต่ละคู่ของทุกคนล้วนแล้วแต่เบิกกว้าง จ้องมองเขม็งทุกๆ ความเคลื่อนไหวของพวกเขา ดูว่าพวกเขาสามารถคลายความลึกลับได้บ้างหรือไม่

แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นการหยั่งเชิงของจักรพรรดิซีหวง หรือว่าหลี่ชิเย่ที่ยืนเหมือนดั่งรูปแกะสลักไม่เคลื่อนไหว โลงศพเซียนก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยังคงมีประกายที่แวบวับ ยังคงเงียบปราศจากเสียง

“ฮึไม่มีฝีมือก็อย่าได้ยืนทำท่าทำทางอยู่ตรงนั้น” กระบี่เหินเทียนเจียวเห็นหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนดั่งรูปแกะสลักจึงส่งเสียงเยาะเย้ยว่า “อย่านึกว่ายืนไม่เคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น ก็สามารถหลอกลวงผู้คนได้ ความลึกซึ้งของสัจธรรมใช่ว่ามีเงินก็สามารถบรรลุได้”

การที่หลี่ชิเย่ประมูลซื้อกระบี่ปฐมบรรพบุรุษไปได้ทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวผูกใจเจ็บ อยากจะสังหารหลี่ชิเย่เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป

“อย่าเสียมารยาท” พลันที่กระบี่เหินเทียนเจียวพูดขาดคำ จักรพรรดิซีหวงได้กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า “โลกนี้มีมังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ อย่าได้เป็นกบในกะลา! ต้องมีจิตใจที่กว้างขวาง”

เมื่อถูกจักรพรรดิซีหวงสั่งสอน แม้จะเป็นเพียงเสียงสั่งสอนที่เบาๆ แต่กระบี่เหินเทียนเจียวไม่กล้าพูดอะไร และก้มหน้าลงทันที

สมควรทราบว่า ปรกติแล้วตัวนางเองก็อยู่ในระดับคงความอมตะตลอดกาลชั้นต้นอยู่แล้ว ความแข็งแกร่งด้านกำลังความสามารถเพียงพอที่จะหมางเมินทั่วหล้าได้อยู่แล้ว และนางยังเป็นลูกรักสวรรค์ที่มีท่าทีหยิ่งผยองอยู่แล้ว ปรกตินางก็ไม่เคยหวั่นเกรงต่อสิ่งใด และไม่เคยเกรงกลัวต่อใครอยู่แล้ว

แต่ว่า นางยังคงเหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิซีหวง ภายในใจเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง ดังนั้นภายใต้เสียงสั่งสอนของจักรพรรดิซีหวงนางจึงต้องนิ่งเงียบไม่พูดอะไร และก้มหน้าลง

แต่ว่า โลงศพเซียนคล้ายเป็นช่องว่างที่ไม่มีสิ้นสุดอย่างนั้น เหมือนว่ามีโลกนับหมื่นพันถูกผนึกและเก็บเอาไว้ข้างในอย่างนั้น แม้ว่าแสงสว่างเพียงสายหนึ่งของราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็สามารถสาดส่องทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนจนสว่างไสวได้ แต่ว่า เมื่อมันถูกส่องเข้าไปภายในโลงศพเซียนแล้วนั้น เสมือนดั่งวัวดินปั้นลงน้ำไปแล้วไปลับ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

สมควรทราบว่า ราชันแท้จริงเซิ่นซวงคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนาคนหนึ่ง กำลังความสามารถนั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ถ้าหากนางหลอมตัวเองกลายเป็นแสงสว่างสายหนึ่ง สามารถทะลุผ่านทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนได้ อย่างไรก็ตาม แสงสว่างเช่นนี้หลังจากส่องเข้าไปในโลงศพเซียนแล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก เหมือนว่าโลงศพเซียนลูกนี้ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

ราชันแท้จริงจุนหวงก็ได้สำแดงหลักธรรมสูงสุด กลิ่นอายกษัตริย์ตลบอบอวลและทำการห่อหุ้มโลงศพเซียนเอาไว้ มีการซักซ้อมสัจธรรมสูงสุด หวังจะทำการวิวัฒนาการความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของโลงศพเซียน แต่ทว่า ไม่ว่าราชันแท้จริงจุนหวงจะทำการวิวัฒนาการเช่นใดก็ตาม โลงศพเซียนยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

ปัง ปัง ปัง…เสียงทุบตีอย่างหนักหน่วงดังขึ้นมาเป็นระลอก ทำเอาหูแทบหนวก ที่เหลือเชื่อที่สุดก็คือ เวลานี้มองเห็นถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีได้เงื้อค้อนขนาดยักษ์แล้วซัดลงไปที่โลงศพเซียนอย่างแรง

ทุบจนโลงศพเซียนเสียงดังปังปัง ด้วยความหยาบคายและดุร้ายอย่างยิ่ง แต่ว่า ไม่ว่าค้อนของถังเปิงจะทุบลงมาแรงเท่าไรก็ตาม โลงศพเซียนก็ไม่ได้เสียหายแม้แต่น้อย ยังคงส่งประกายแวบวับขึ้นมา

ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้แต่ส่ายหน้าและหัวเราะเจื่อนๆ เจ้าคนที่ร่ำรวยชั่วข้ามคืนผู้นี้ก็แตกต่างจากผู้อื่นโดยสิ้นเชิง

“หนวกหูมากเลย อย่าทำหนวกหูคนอื่น” จังหวะที่ถังเปิงอาศัยค้อนทุบลงไปบนโลงศพเซียนอย่างแรงนั้น กระบี่เหินเทียนเจียวให้รู้สึกรำคาญ นางกล่าวเหยียดหยามต่อถังเปิง

“แหะคุณชายอย่างข้าอยากจะทุบมันออกมาดูสักหน่อย ดูว่าข้างในใช่มีนางฟ้านอนอยู่ในนั้นสักคนหรือไม่ แหะถ้าหากเป็นนางฟ้านอนอยู่ล่ะก็ถูกใจคุณชายอย่างข้าแล้วล่ะ” กล่าวพลาง ถังเปิงหัวเราะแหะแหะ น้ำลายไหลยืด ท่าทางน่าเกลียดอย่างยิ่ง

กระบี่เหินเทียนเจียวจ้องมองถังเปิงด้วยความเหยียดหยาม

“สาวน้อย ข้าสามารถใช้วิธีอื่นไปครุ่นคิดพิจารณาได้หรือไม่?” ถังเปิงทำท่ายิ้มแต้กล่าวต่อหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูล

“หากคุณชายถังชอบ ซื้อมันกลับไปแล้วค่อยๆ ครุ่นคิดพิจารณาก็ยังไม่สาย” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูล ท่าทางยิ้มหยาดเยิ้มของหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลดึงเร้าวิญญาณผู้คน

“ข้าชอบฟังคำเช่นนี้ คุณชายอย่างข้ามีความคิดเช่นนี้พอดีเลย” ถังเปิงถูกความงดงามหยาดเยิ้มจนเข้ากระดูกดำของหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลดึงเร้าวิญญาณไปแล้วอย่างนั้น เขาหัวเราะแหะ แหะและยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากต้องการซื้อตัวสาวน้อยกลับไป ต้องใช้เงินเท่าไรกันเล่า?”

“เรื่องนี้ต้องดูที่เสน่ห์ของคุณชายถังแล้ว” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลก็ไม่แสดงอาการโกรธ รอยยิ้มเต็มใบหน้า ท่าทางที่งดงามพร่างพราวแล้ว ทำให้มีผู้ที่เกิดความคิดหุนหันพลันแล่นต้องการกดตัวนางไว้กับพื้น

……………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล