ตอนที่ 2959 ไม่มีใครรู้ถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม
เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง บนเวทีประมูลปรากฎประกายแสงที่แวบวับขึ้นมา มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกห่อหุ้มอยู่ภายใน
ท่ามกลางประกายก้อนนี้ ผู้หญิงมีลักษณะที่เลือนลางอย่างยิ่ง ผู้คนไม่สามารถมองเห็นนางได้ชัดเจน แต่ว่า แม้จะเป็นเพียงโครงร่างที่เลือนราง ผู้คนยังคงสามารถมองเห็นท่วงทีที่มีความงดงามยากจะหาใดเทียมในหล้า
แม้ว่ามองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้มีรูปโฉมเช่นใด แต่ว่า กลิ่นอายที่ล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสองยังคงโชยเข้ามาปะทะใบหน้า นางมีความสูงส่งยิ่งนักโดยไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำอะไร เหมือนว่าสายเลือดที่สูงส่งยิ่งของนางได้ซึมซับเข้าไปถึงในกระดูกของนางไปแล้ว
ต่อให้นางเก็บงำกลิ่นอายของนางมากไปกว่านี้ ยังคงให้ความรู้สึกผู้คนถึงกลิ่นอายที่อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้านั่น แม้ร่างเงาภายในประกายแสงจะคลุมเครือมากไปกว่านี้ แต่ก็ทำให้ผู้คนสามารถรับรู้ได้ว่านางก็คือผู้ที่ควบคุมหมื่นแดน บัญชาการกองทัพนับพัน และยืนอยู่ในตำแหน่งสูงมานมนาม กลิ่นอายที่มีความสูงส่งสูงสุดจึงเผยออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ฝ่าบาท ซีหวง…” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลโค้งคำนับให้อย่างงาม ขณะที่ประกายดังกล่าวปรากฎบนเวทีประมูลแล้ว
ผู้หญิงที่ถูกห่อหุ้มด้วยประกายแสงผู้นี้ก็คือจักรพรรดิซีหวง ภรรยาของพระอาจารย์จินกวง
เพียงแต่จักรพรรดิซีหวงไม่ได้เสด็จมาด้วยตนเอง นางเพียงแค่ปรากฏตัวในรูปของเงาสะท้อน ณ ที่ตรงนี้เท่านั้นเอง
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างลุกขึ้นยืนแสดงคารวะต่อนางเมื่อมองเห็นจักรพรรดิซีหวง แม้จะเป็นเพียงเงาสะท้อนเท่านั้นก็ตามที แม้แต่ราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลต่างทยอยกันแสดงความคารวะต่อจักรพรรดิซีหวง
การที่จักรพรรดิซีหวงมีฐานะที่สูงส่งเพียงนี้ ไม่เพียงเพราะนางเป็นภรรยาของพระอาจารย์จินกวง ขณะที่ยังไม่ได้แต่งงานกับพระอาจารย์จินกวงนั้น นางยังคงมีฐานะที่สูงสุด ทักษะยุทธของนางยังคงแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร เทียบกับราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลคนใดก็ตามที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วมีแต่แกร่งกว่าไม่มีด้อยกว่า กล่าวได้ว่า ลำพังอาศัยกำลังความสามารถของนางก็เพียงพอที่จะให้ผู้อื่นต้องใหความเคารพแล้ว
“เรียนเชิญคุณชายหลี่” หลังจากที่จักรพรรดิซีหวงขึ้นบนเวทีแล้ว หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลได้เชิญหลี่ชิเย่ขึ้นบนเวทีเพื่อสังเกตและศึกษาในโลงศพเซียนซึ่งกันและกันจากระยะที่ใกล้ที่สุด
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และก้าวขึ้นสู่เวที จ้องมองดูโลงศพเซียนที่อยู่ตรงหน้า
ในเวลานี้ ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก บนเวทีประมูลมีเพียงหลี่ชิเย่กับจักรพรรดิซีหวงพวกเขาทั้งสองยืนเคียงกัน เหมือนกลายเป็นทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง
ลักษณะของหลี่ชิเย่ธรรมดาไม่มีสิ่งใดพิเศษ ขณะที่จักรพรรดิซีหวงสูงส่งยากจะหาผู้ใดเทียม การที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่คู่กันเหมือนไม่เข้ากันเอาเสียเลย แต่ ท่าทางของหลี่ชิเย่อิสระเสรีตามอารมณ์ โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วกลับทำให้รู้สึกว่ามันช่างกลมกลืน ช่างอิสระเสรีอะไรอย่างนั้น
ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นบนเวทีประมูลนั้น จักรพรรดิซีหวงได้พยักหน้าถือเป็นการทักทายและส่งความปรารถนาดี หลี่ชิเย่เพียงตอบรับด้วยการยิ้มๆ เท่านั้นเอง
จักรพรรดิซีหวงมีจิตใจที่กว้างขวาง ไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจที่หลี่ชิเย่ได้แย่งชิงกับนางก่อนหน้า ยังคงดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
หลี่ชิเย่มองดูโลงศพเซียนที่อยู่ตรงหน้า สายตาของเขาที่เพ่งไปข้างหน้าเสมือนดั่งมองทะลุโลงเซียนลูกนี้อย่างนั้น แม้โลงศพเซียนจะได้ผนึกช่องว่างไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ทว่า สายตาของหลี่ชิเย่กลับก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน มองทะลุไปไกลมาก ไม่ว่าจะเป็นช่องว่าง หรือกาลเวลา ภายใต้สายตาของหลี่ชิเย่แล้วล้วนไม่ใช่ระยะห่าง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกมองทะลุโดยสายตาของเขา
จักรพรรดิซีหวงก็มองดูโลงศพเซียนลูกนี้เช่นกัน และนางจะใช้มือเคาะตีโลงศพเซียนลูกนี้เบาๆ เป็นครั้งคราว จากนั้น นางกรีดนิ้วออกไปและสำแดงกฎเกณฑ์สัจธรรม ได้ยินเสียงปุดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง หลักกฎเกณฑ์ของนางได้แทรกซึมไปยังโลงศพเซียน แต่ว่า ถูกดีดกลับมาโดยพลัน
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ปลายนิ้วของจักรพรรดิซีหวงยังคงปรากฏหลักกฎเกณฑ์ขนาดเล็กที่ล้อมรอบ และหยั่งเชิงต่อโลงศพเซียน
ขณะที่หลี่ชิเย่ได้เดินวนโลงเซียนไปสองรอบ จากนั้นวางมือบนโลงศพเซียนอย่างชำนาญ หลับตาลงช้าๆ เสมือนดั่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น
ขณะที่จักรพรรดิซีหวงและหลี่ชิเย่เข้าไปสังเกตและศึกษาโลงศพเซียนอย่างใกล้ชิดนั้น ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนต่างจ้องมองดูทุกความเคลื่อนไหวของหลี่ชิเย่และจักรพรรดิซีหวง
จักรพรรดิซีหวงนั้นอาศัยสุดยอดวิชาสูงสุดหยั่งเชิงโลงศพเซียน ขณะที่หลี่ชิเย่เพียงอาศัยมือที่กดโลงศพเซียนเอาไว้ หลับตาเสมือนดั่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น โดยร่างของเขายืนอยู่ตรงนั้นคล้ายเป็นรูปแกะสลักอย่างนั้น
พวกเขาสองคนต่างไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างดูจะตื่นเต้น ดวงตาแต่ละคู่ของทุกคนล้วนแล้วแต่เบิกกว้าง จ้องมองเขม็งทุกๆ ความเคลื่อนไหวของพวกเขา ดูว่าพวกเขาสามารถคลายความลึกลับได้บ้างหรือไม่
แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นการหยั่งเชิงของจักรพรรดิซีหวง หรือว่าหลี่ชิเย่ที่ยืนเหมือนดั่งรูปแกะสลักไม่เคลื่อนไหว โลงศพเซียนก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยังคงมีประกายที่แวบวับ ยังคงเงียบปราศจากเสียง
“ฮึไม่มีฝีมือก็อย่าได้ยืนทำท่าทำทางอยู่ตรงนั้น” กระบี่เหินเทียนเจียวเห็นหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนดั่งรูปแกะสลักจึงส่งเสียงเยาะเย้ยว่า “อย่านึกว่ายืนไม่เคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น ก็สามารถหลอกลวงผู้คนได้ ความลึกซึ้งของสัจธรรมใช่ว่ามีเงินก็สามารถบรรลุได้”
การที่หลี่ชิเย่ประมูลซื้อกระบี่ปฐมบรรพบุรุษไปได้ทำให้กระบี่เหินเทียนเจียวผูกใจเจ็บ อยากจะสังหารหลี่ชิเย่เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
“อย่าเสียมารยาท” พลันที่กระบี่เหินเทียนเจียวพูดขาดคำ จักรพรรดิซีหวงได้กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า “โลกนี้มีมังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ อย่าได้เป็นกบในกะลา! ต้องมีจิตใจที่กว้างขวาง”
เมื่อถูกจักรพรรดิซีหวงสั่งสอน แม้จะเป็นเพียงเสียงสั่งสอนที่เบาๆ แต่กระบี่เหินเทียนเจียวไม่กล้าพูดอะไร และก้มหน้าลงทันที
สมควรทราบว่า ปรกติแล้วตัวนางเองก็อยู่ในระดับคงความอมตะตลอดกาลชั้นต้นอยู่แล้ว ความแข็งแกร่งด้านกำลังความสามารถเพียงพอที่จะหมางเมินทั่วหล้าได้อยู่แล้ว และนางยังเป็นลูกรักสวรรค์ที่มีท่าทีหยิ่งผยองอยู่แล้ว ปรกตินางก็ไม่เคยหวั่นเกรงต่อสิ่งใด และไม่เคยเกรงกลัวต่อใครอยู่แล้ว
แต่ว่า นางยังคงเหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิซีหวง ภายในใจเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง ดังนั้นภายใต้เสียงสั่งสอนของจักรพรรดิซีหวงนางจึงต้องนิ่งเงียบไม่พูดอะไร และก้มหน้าลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...