ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 3015

สรุปบท ตอนที่ 3015 เมืองร้าง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 3015 เมืองร้าง – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 3015 เมืองร้าง ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 3015 เมืองร้าง

ครั้นกฎเกณฑ์ธรรมชาติที่พันธนาการบนตัวของหินสีดำถูกคลายออกแล้ว หลี่ชิเย่ได้หยิบหินสีดำขึ้นมา

พวกของกระบือดำขนาดใหญ่พลันยื่นหน้าเข้าไปดูหินสีดำที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ เทียบกับเมื่อครู่ หินสีดำก้อนนี้มีขนาดเล็กลงจากเดิมถึงสองในสาม แต่ว่า มันไม่ได้ทิ้งร่องรอยบาดแผลใดๆ บนตัว

แม้ว่าเมื่อครู่จะถูกเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่เผาไหม้ไปถึงสองในสามของปริมาตรไป แต่ว่า บนตัวของหินสีดำกลับไม่ได้ทิ้งร่องรอยถูกเผาไหม้ไปแม้แต่น้อย

โดยหินสีดำมีลักษณะโปร่งแสงงดงามยิ่งนัก หินสีดำมีความโปร่งแสงและดำจนมันวาว เสมือนหนึ่งเป็นเนื้อหยก เหมือนว่ามันคือหยกนิลลูกหนึ่งอย่างนั้น

แม้ว่าหินสีดำก้อนนี้จะดำจนวาววับ แต่ว่า กลับไม่ได้มีกลิ่นอายความมืดที่น่ากลัวสายนั้นดั่งเช่นเมื่อครู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ได้มีพลังความชั่วร้ายเช่นเมื่อครู่

ภาพรวมของหินสีดำแม้จะมีความดำเงาจนวาววับปราศจากผู้เทียบเทียม แต่มันให้ความรู้สึกผู้คนถึงความบริสุทธิ์ของเนื้อแท้ ยามที่มองเห็นหินสีดำก้อนนี้ก็จะรูสึกได้ว่า หินสีดำก้อนนี้เหมือนได้มาจากบริเวณที่ลึกเข้าไปด้านในของป่าดึกดำบรรพ์อย่างนั้น

“อ่อนไปมากทีเดียว” กระบือดำขนาดใหญ่ตรวจสอบกลิ่นอายของหินสีดำ พลันรับรู้ได้ถึงพลังของหินสีดำทันที

“เป็นความจริงที่จำต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานมากจึงสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้ที่หลอมกลั่นมันนั้นแข็งแกร่งมากเหลือเกิน และโชคดีที่มันมีชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดา มิฉะนั้นล่ะก็คงไม่สามารถช่วยได้โดยสิ้นเชิง ได้แต่ถูกทำลายไปเท่านั้น”

หินสีดำถูกพลังความมืดหลอมกลั่น หลี่ชิเย่ได้เผาไหม้ร่างของมันไปสองในสาม จึงทำให้มันได้กลับกลายเป็นตัวตนดั้งเดิม กล่าวสำหรับหินสีดำแล้ว การเผาผลาญเช่นนี้เป็นการทำร้ายตัวมันอย่างมหันต์ เป็นการทำลายการบำเพ็ญเพียรของมันไปกว่าสองในสามที่มีอยู่

หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่สามารถควบคุมเพลิงสัจธรรมได้ดั่งใจนึก แค่ไม่ทันระวังเพียงนิดเดียวก็สามารถเผาไหม้มันจนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

“แหะเวลานี้ข้าสามารถทรมานเจ้าหินห่วยๆ ก้อนนี้ได้แล้ว ข้าจะเหยียบมันให้แบน เหยียบมันให้ละเอียด” กระบือดำขนาดใหญ่มองดูหินสีดำที่ถูกเผาไหม้ร่างไปแล้วถึงสองในสาม ถึงกับหัวเราะแหะแหะ ท่าทางไม่หวังดีอย่างนั้น

แต่ว่า หินสีดำไม่มีปฏิกิริยาใดๆ มีแต่ความเงียบสงัด เหมือนว่ามันได้เข้าสู่การหลับใหลไปแล้ว

“ต่อให้เขาไม่เหมือนเดิมไปมากก็จริง ไหนเลยเป็นเรื่องง่ายดายหากเจ้าคิดจะเหยียบมันให้แบน” หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะและส่ายหน้า สำหรับความคิดที่ไม่หวังดีของกระบือดำขนาดใหญ่

“แหะกระบือสุดหล่ออย่างข้ามีวิธีการมากมายดั่งดอกเห็ด สามารถเหยียบหินห่วยๆ ก้อนนี้ให้แหลกได้อย่างแน่นอน” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวหัวเราะแหะแหะขึ้นมา

“เจ้าอย่างประเมินมันต่ำเกินไป” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “มันคือหินศักดิ์สิทธิ์สูงสุด กำลังความสามารถไม่ธรรมดา”

“ฮึ ฮึ ฮึกระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่ธรรมดายิ่งกว่าเขา” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “กระบือสุดหล่ออย่างข้าถือกำเนิดในตระกูลเซียน มีสายเลือดที่สูงสุด แค่หินห่วยๆ ก้อนหนึ่งไหนเลยจะมาเทียบเคียงกับกระบือสุดหล่ออย่างข้าได้เล่า”

หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะทีหนึ่งเท่านั้นสำหรับการหลงตัวเองของกระบือดำขนาดใหญ่ และเก็บหินสีดำนั้นเอาไว้

แต่ว่า ราชันแท้จริงเซิ่นซวงกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นกับกระบือดำขนาดใหญ่ และกล่าวว่า “ตระกูลเซียนของผู้อาวุโสอยู่ที่ใดกันเล่า?”

แม้จะกล่าวว่า บรรดาผู้อาวุโสของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่รู้ว่ากระบือดำขนาดใหญ่ไม่ธรรมดา แต่ว่าสำหรับประวัติความเป็นมาของกระบือดำขนาดใหญ่แล้ว บรรดาผู้อาวุโสของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน เนื่องจากเขามีชีวิตอยู่มายาวนานกว่าบรรดาผู้อาวุโสของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่มีใครทราบถึงเบื้องหลังของเขาอยู่แล้ว

แต่ดันน่าแปลกเสียอย่างนั้นก็คือ กระบือดำขนาดใหญ่รั้งอยู่ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตลอดมา เหมือนว่าเขากับหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เป็นครอบครัวเดียวกันอย่างนั้น แล้วจะไม่ให้ราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกแปลกใจได้อย่างไร

“พุทธองค์ตรัสว่า บอกไม่ได้ บอกไม่ได้” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวหัวเราะแหะแหะ ท่าทางดูลึกลับยิ่งนัก

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงจะไปทำอะไรได้ เมื่อกระบือดำขนาดใหญ่ไม่ยอมพูด นางจึงได้แต่หุบปากไม่ถามต่อไป

ขณะที่หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้ไปพูดคุยเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกระบือดำขนาดใหญ่มากมายนัก เขาเงยหน้ามองดูที่ที่ห่างไกลออกไป และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ไปเถอะ ข้าหน้ามีเรื่องดีๆ รอพวกเราอยู่”

“ดี…” กระบือดำขนาดใหญ่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย กล่าวหัวเราะแหะแหะว่า “มีคนตายมากมายเข้าไป ในนั้นต้องมีความลึกลับแน่น เรือปราบปรามไกลดีๆ ลำหนึ่งกลับกลายเป็นลักษณะเช่นนี้ แหะ แหะ แหะปฐมบรรพบุรุษอัคคีไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้”

หลี่ชิเย่เหินฟ้าขึ้นไปโดยไม่ได้พูดอะไร

คำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่กลับทำให้ภายในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกหนักอึ้ง บังเกิดเงาทมิฬที่ปกคลุมเอาไว้ ไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้ ทำให้เกิดความกดดันขึ้นมาบ้างในใจ

จะอย่างไรเสีย การออกปราบปราบไกลทะเลปุ๊ตู้ไห่ในครั้งนั้น มีปฐมบรรพบุรุษอัคคีเป็นผู้ริเริ่ม เวลานี้ดูไปแล้ว ภายหลังได้เกิดเรื่องขึ้นบนเรือปราบปรามไกล ปฐมบรรพบุรุษไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบ เหมือนดั่งที่กระบือดำขนาดใหญ่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น

หากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นถูกเปิดเผยขึ้นมาต่อสาธารณะชนล่ะก็ กล่าวสำหรับแดนสามเซียนทั้งหมดแล้ว เกรงว่าจะต้องเกิดผลกระทบที่รุนแรงมาก

บุคคลเช่นนี้จะไม่คู่ควรให้ความนับถือได้อย่างไร แล้วจะไม่ให้ผู้คนโค้งคารวะได้อย่างไรเล่า

จากร่องรอยต่างๆ นานาของสมรภูมิสู้รบสามารถมองออกได้ว่า ครั้งนั้นได้เกิดเรื่องที่สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น ได้เกิดเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่งขึ้น แต่ว่า ยังคงมีผู้ที่ยืนหยัดไม่ล้มลง ยึดมั่นในจุดยืนของตนเอง โดยไม่ได้ถูกบงการโดยสิ่งที่อยู่ภายนอก

“ดูนั่น…” หลังจากที่พวกของหลี่ชิเย่เดินทางไปนานมากแล้ว กระบือดำขนาดใหญ่ได้ร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้น และชี้ไปข้างหน้า

พวกของหลิ่วเยี่ยนไป๋ต่างเงยหน้ามองดู เห็นเพียงท้องฟ้าข้างหน้าปรากฎกำแพงเมืองขนาดใหญ่โตมโหฬารแห่งหนึ่งลอยล่องอยู่ ขณะที่กำแพงเมืองนี้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ให้ความรู้สึกผู้คนถึงความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด

กำแพงเมืองแห่งนี้สูงใหญ่มาก เสมือนหนึ่งเป็นตึกที่สูงใหญ่ และเรียงซ้อนเป็นชั้นๆ ขึ้นไปอย่างนั้น ส่วนของกำแพงเมืองที่สูงที่สุดสามารถทะลุไปถึงจักรวาล

เมื่อกำแพงเมืองที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า มันก็เหมือนเป็นเมืองสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างนั้น

มิติกาลเวลาที่กว้างขวางใหญ่โตที่อยู่รอบๆ ของกำแพงเมืองนี้ถูกยิงถล่มจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี และตัวของกำแพงเมื่อที่ใหญ่โตมโหฬารเองก็มีจุดที่ถูกทำลายไปหลายแห่ง

กำแพงเมืองจำนวนไม่น้อยถูกยิงทำลายจนละเอียด มีประตูเมืองแต่ละบานที่ถูกยิงจนเป็นรูขนาดใหญ่ ภายในกำแพงเมืองก็มีตึกแต่ละหลังที่ถูกยิงจนพังถล่มลงมา

กล่าวได้ว่า ครั้งนั้นไฟสงครามได้ลุกลามมาถึงตรงนี้แล้ว และกำแพงเมืองหลายจุดก็ถูกยิงจนแตกละเอียด แต่ว่า กำแพงเมืองลักษณะเช่นนี้ยังคงรักษาความสมบูรณ์ของมันเองไว้ได้ ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนั้น

แม้ว่ากำแพงเมืองนี้จะถูกยิงจนเสียหาย อย่างไรก็ตาม มันยังคงแผ่กระจายกลิ่นอายที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรออกมาสายหนึ่ง เหมือนว่าภายในกำแพงเมืองยังคงมีผู้ได้รับการเคารพสูงสุดที่คอยบงการโลกใบนี้อย่างนั้น

ครั้นรับรู้ถึงกลิ่นอายสายนี้ที่ตลบอบอวล อยู่ท่ามกลางฟ้าดินแห่งนี้ ทันใดนั่นเอง เหมือนสามารถมองเห็นได้ว่าบนกำแพงเมืองมีเปลวไฟที่กำลังวูบวาบ มีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่กำลังให้ความคุ้มครองกำแพงเมืองนี้เอาไว้อย่างนั้น เหมือนว่านี่คือจวนของพระเพลิงสูงสุด

หลังจากที่รับรู้ถึงกลิ่นอายลักษณะเช่นนี้แล้ว ทำให้ผู้คนบังเกิดความรู้สึกที่อยากจะก้มลงกราบ โดยกลิ่นอายสายนี้นับว่าทรงพลังเหลือเกิน

“แกร่งมาก…” หลังจากที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงรับรุ้ถึงกลิ่นอายสายนี้แล้ว ถึงกับหวั่นไหวในใจ

………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล