ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 3018

สรุปบท ตอนที่ 3018 เรียกวิญญาณผู้ตายมา: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปตอน ตอนที่ 3018 เรียกวิญญาณผู้ตายมา – จากเรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 3018 เรียกวิญญาณผู้ตายมา ของนิยายActionเรื่องดัง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 3018 เรียกวิญญาณผู้ตายมา

ตูม ตูม ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย ขณะที่พิธีกรรมเรียกวิญญาณมาถึงจุดที่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดนั้น ทันใดนั้นเองเปลวไฟที่อยู่ภายในเตาหงส์ทำท่าเหมือนจะระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น

เปลวไฟที่อยู่ภายในเตาหงส์พลันได้ลุกโชนขึ้นพรวดพราดทันที ทั้งยังเต็มไปด้วยพลังขยายตัว เสมือนดั่งเป็นรังไหมขนาดยักษ์อย่างนั้น เหมือนว่าภายในได้ห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างเอาไว้ และเปลวไฟที่เปี่ยมด้วยพลังขยายตัวได้ขยายตัวไม่หยุดนิ่ง เหมือนภายในรังไหมเปลวไฟมีบางสิ่งที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องเจาะรังไหมออกมา

จากการที่เปลวไฟภายในเตาหงส์ลุกโชนสูงขึ้น ทำให้เตาหงส์คล้ายพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ ในขณะเดียวกัน เปลวไฟบนตัวของสิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดในสนามประลองก็ลุกโชนตาม และเปลวไฟบนตัวของพวกมันก็ลุกโชนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน

ในเวลานี้สิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดต่างเปล่งคาถาเรียกวิญญาณกันอย่างบ้าคลั่ง ร่ายกายที่ส่ายบิดตัวร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง พวกมันคล้ายเข้าสู่โหมดคลั่งไคล้อย่างนั้น

ลองนึกภาพดู คนตายกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันแล้วส่ายและบิดตัวอย่างบ้าคลั่ง เป็นลักษณะการเต้นรำที่แปลกประหลาดมาก พิธีกรรมเรียกวิญญาณเช่นนี้ช่างสยองขวัญยิ่งนัก ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนั้น เกรงว่าผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นภาพนี้แล้วก็ต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง

แกร็ง แกร็ง แกร็ง…ในเวลานี้เสียงบรรเลงพิณโบราณบนท้องฟ้าดังกระชั้นมากขึ้นๆ เสียงพิณที่หนักแน่น บางเบา โทนเสียงสูงต่ำสลับสับเปลี่ยนไปตามความปรารถนา ทุกๆ เสียงเปี่ยมด้วยการฆ่าฟัน ทุกๆ เสียงที่บรรเลงขึ้นมาล้วนแล้วแต่ประดุจดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดฟันลงมา

แต่ว่า ในเวลานี้พวกของฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอิทธิพลอาชาศึก…พวกเขาที่เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรก็ลั่นกลองศึกอย่างบ้าคลั่ง เสียงกลองศึกดังตุง ตุง ตุงที่พยายามต่อต้านกับเสียงแกร็ง แกร็ง แกร็งของพิณ

แม้ว่าเสียงพิณทุกๆ เสียงล้วนแล้วแต่คล้ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดฟันลงมา แต่ว่า เสียงกลองศึกที่ดังตุง ตุง ตุงกลับมีความหนายิ่งนักเสมือนดั่งพสุธา ทั้งยังเหมือนหนึ่งเป็นคลื่นยักษ์ในทะเลที่โหมสาดซัด เสียงกลองที่ยกตัวสูงเหมือนดั่งคลื่นในทะเลลูกแล้วลูกเล่าเข้าขัดขวางการฟาดฟันลงมาของเสียงพิณ

แม้ว่าจะมีเสียงพิณที่ลอดลงไปในสนามประลองอยู่เหมือนกัน และพุ่งเข้าโจมตีคนตายและเปลวไฟบนเตาหงส์ แต่ว่าถูกลดทอนอานุภาพจนอ่อนลงไม่สามารถระงับพิธีกรรมเรียกวิญญาณได้อีกแล้ว

การต่อสู้ชี้ขาดของระดับผู้ได้รับการเคารพสูงสุด…เมื่อราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้เห็นภาพนี้แล้ว อดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้ “ดูท่าพิณโบราณจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว”

“กลองศึกก็ใช่ธรรมดา คืออาวุธปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมมาก” กระบือดำขนาดใหญ่ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เพียงแต่เสียดาย เจ้าของพิณโบราณไม่ได้ทิ้งวิชาสังหารเอาไว้ ลำพังอาศัยพิณโบราณไม่สามารถสำแดงอานุภาพที่สูงสุดของมันออกมา”

“ล้วนเป็นระดับปราศจากผู้ต่อกรในครั้งนั้นนะเนี่ย” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อมองเห็นบรรดาผู้ที่พยายามลั่นกลองศึกอย่างเต็มที่เช่นฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอิทธิพลอาชาศึก…

ต่อให้ไม่มีการแจ้งชื่อของตน ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็พอจะรู้ว่าบรรดาระดับผู้ปราศจากผู้ต่อกรเหล่านี้เป็นใครแล้ว เพียงแต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่ต้องการไปเอ่ยชื่อของพวกเขาออกมาเท่านั้น

จะอย่างไรเสีย ขณะพวกเขายังมีชีวิตอยู่ในแดนสามเซียนล้วนมีชื่อเสียงกันทั้งนั้น เรียกได้ว่ายากจะหาผู้ใดเทียมในหล้า เคยเป็นผู้ได้รับการเคารพสูงสุดจากผู้คนในหล้าเป็นจำนวนมาก แต่แล้ว หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตแล้วกลับกลายเป็นผีดิบ

ความจริงเช่นนี้หากเล่าลือกลับไปยังแดนสามเซียน หากทายาทรุ่นหลังของพวกเขารับรู้เรื่องนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวเพียงใด ส่งผลกระทบต่อเรื่องราวความเป็นผู้กล้าของพวกเขาเช่นใด

ตูม…นาทีนี้เอง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเสียงหนึ่ง เสมือนหนึ่งฟ้าดินถูกระเบิดจนแตกออกอย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเตาหงส์ดูจะเจิดจ้ายิ่งนัก

พริบตาเดียวนั่นเอง คล้ายเตาหงส์ได้ระเบิดประกายแสงที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา ในขณะเดียวกัน เปลวไฟที่อยู่ในเตาได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเสมือนดังภูเขาไฟที่ระเบิดอย่างรุนแรงอย่างนั้น สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน

ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลงขึ้นมา แม้แต่ช่องว่างก็สั่นไหวโคลงเคลงตาม ขณะที่ทั่วฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง สามารถมองเห็นเศษหินที่อยู่ในสนามประลองก็สั่นไหวโคลงเคลงไม่หยุดเช่นกัน

ในเวลานี้ เสมือนดั่งมีพลังที่สูงสุดสยบโลกทั้งโลกเอาไว้อย่างนั้น เมื่อพลังลักษณะเช่นนี้พุ่งโจมตีออกมา ฟ้าดินหมื่นอาณาจักรล้วนสลดและอับแสงลงในพริบตาเดียว ฟ้าดินแลสรรพสิ่งล้วนมอบคลานอยู่กับพื้นในพริบตาเดียว

เมื่อเตาหงส์ระเบิดขึ้น มองเห็นร่างเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางเตา เป็นร่างเงาที่สูงใหญ่ยากจะหาผู้ใดเทียม ร่างเงานี้หันหลังให้กับผู้คน บนตัวของเขาปรากฏเปลวไฟที่ทิ้งตัวลงมาเหมือนดังน้ำตกที่ไหลริน และเสมือนดั่งพู่ระย้าที่ห้อยอยู่บนท้องฟ้า

จังหวะที่ร่างเงานี้ปรากฏขึ้นมา ได้ยินเสียงตุบดังขึ้น บรรดาสิ่งปราศจากชีวิตที่อยู่ในสนามประลองทั้งหมดต่างนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น พวกเขาได้สยบโดยสิ้นเชิงอยู่ตรงนั้น

ในเวลานี้เอง ร่างเงานี้ได้แผ่กลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษสูงสุดขึ้นมา แม้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ร่างเงาเท่านั้น แต่ว่า ตัวเขาเสมือนดั่งเป็นร่างจริงที่มาด้วยตนเองอย่างนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษทั้งโลก ภายใต้กลิ่นอายที่ปราศจากผู้ต่อกร ทุกสรรพชีวิตล้วนหอบหายใจไม่ทัน

เขา เขาเป็นใคร…ภายในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าร่างเงาที่อยู่ตรงหน้าคือระดับปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่ง อีกทั้งไม่ใช่ระดับปฐมบรรพบุรุษธรรมดา แต่เป็นปฐมบรรพบุรุษที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล

แม้ว่าปากของราชันแท้จริงเซิ่นซวงจะพูดเช่นนี้ แต่ว่า นางรู้คำตอบรางๆ แล้ว

เสียงตูม…ดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างเงาร่างนี้พลันหันกลับมา ขณะที่เขาหันหลังกลับมานั้น ทั่วฟ้าดินล้วนแล้วแต่สั่นไหวกับสิ่งนี้ ทั่วฟ้าดินล้วนหมุนตามกับการหมุนตัวกลับมาของเขาอย่างนั้น

แม้แต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ยากที่จะรองรับกับพลังเช่นนี้ไว้ได้ แรกเริ่มทีเดียวยังได้อยู่ เมื่อนางมีพลังแสงสว่างที่ไร้ขอบเขตจำกัดยังคงรองรับเอาไว้ได้

แต่ว่า ภายหลังจากที่ร่างเงาดังกล่าวมีเขาเปลวไฟงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง ทุกอย่างพลันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว พลังที่ร่างเงานี้มีได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

ภายใต้พลังปฐมบรรพบุรุษที่น่าสยองขวัญและปราศจากผู้ต่อกร แม้แต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ยากจะรองรับได้ จะต้องถูกสยบเอาไว้ตรงนั้นแล้ว

กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะทีหนึ่ง เคลื่อนย้ายร่างกายของตนไปหลบอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่โดยตรง โดยไม่ไปต่อต้านกับพลังสูงสุดที่แผ่กระจายออกมาจากร่างเงาสายนี้

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงเองก็ไม่อวดดีเมื่อได้เห็นเช่นนี้ จึงย้ายร่างตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่เช่นกัน

นางเองก็เข้าใจได้ว่า ลำพังอาศัยกำลังของตนไม่สามารถต้านทานได้อยู่แล้ว คนผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งมากเหลือเกิน เขาเคยเป็นผู้ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งเป็นนิรันดร์ เกรงว่านับแต่อดีตถึงปัจจุบันผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาได้นั้น อาศัยนิ้วมือสิบนิ้วก็นับได้หมด

ดังนั้น กล่าวสำหรับราชันแท้จริงเซิ่นซวงแล้ว การที่ถูกพลังที่สูงสุดของเขาสยบเอาไว้ก็ใช่เป็นเรื่องที่น่าอับอาย

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง เมื่อต้องเผชิญกับพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง บนตัวของเขาได้แผ่กระจายแสงสว่างขึ้นมาต้านพลังที่สยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินนี้เอาไว้ ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังสยบสายนี้แต่อย่างใด

พวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่หลบอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก ในเวลานี้พวกเขาก็ได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวและแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ได้อย่างแท้จริง

เมื่อหลี่ชิเย่ต้านขวางพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเอาไว้นั้น ร่างเงาที่อยู่บนเตาหงส์พลันมองมาที่หลี่ชิเย่ เปลวไฟที่พ่นทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขาเหมือนได้พุ่งโจมตีเข้ามาทันที

ลองจินตนาการดู แววตาของผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าจ้องมองมานั้น พลันสามารถมองทะลุฟ้าดิน สามารถมองและสังหารราชันแท้จริงจำนวนมากในครั้งเดียว ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ช่างน่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น

……………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล