ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 3094

ตอนที่ 3094 ก้อนหินก้อนหนึ่ง

ปฐมบรรพบุรุษอัคคีหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิงแล้ว โลกนี้ปราศจากปฐมบรรพบุรุษอัคคีอีกต่อไป ดูเหมือนร่องรอยสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้บนโลกก็ถูกลบเลือนไปในลักษณะเช่นนี้อย่างนั้น

ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์กระบี่ หรือปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่ พวกเขาต่างมีท่าทีที่ดูสลับซับซ้อนยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ปฐมบรรพบุรุษอัคคีเคยเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่งคนหนึ่ง เคยเป็นที่เคารพเลื่อมใสของพวกเขา และปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่กระทั่งเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมากับเขามาก่อน

ทว่า ท้ายที่สุด ปฐมบรรพบุรุษอัคคีพาชีวิตตกต่ำสู่ความชั่วร้าย และพวกเขาได้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตและอาศัยกำลังเข้าต่อสู้กันนับจากนั้นเป็นต้นมา

ในห้วงกาลเวลาที่ยาวนาน พวกเขากับปฐมบรรพบุรุษอัคคีล้วนต่อสู้กันมาอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้พวกเขาต่างก็ได้ตายไปแล้ว แต่จิตที่ยึดติดยังคงไม่สลายไป ยังคงต้องการต่อสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ขณะที่มาวันนี้ปฐมบรรพบุรุษอัคคีได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในที่สุด กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วมันคือความรู้สึกที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง

ท้ายที่สุด ปราชญ์กระบี่ และบรรพบุรุษดาบไคเทียนได้ทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ กลับไปยังข้างโต๊ะหิน และนั่งลงในตำแหน่งของตนตามเดิม

บรรพบุรุษดาบไคเทียนนั้นกอดดาบยาวแนบอก ขณะที่ปราชญ์กระบี่วางกระบี่ยาวไว้บนโต๊ะหิน ช่างตามอารมณ์อะไรอย่างนั้น ช่างสบายๆ อะไรอย่างนั้น เวลานี้นาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษดาบไคเทียน หรือปราชญ์กระบี่ พวกเขายังคงรักษาท่วงท่าแรกเริ่มเหมือนเดิม

จากนั้น ปราชญ์กระบี่และบรรพบุรุษดาบไคเทียนพวกเขาทั้งสองเสมือนหนึ่งกลายเป็นหินอย่างนั้น ดุจดั่งเป็นรูปแกะสลักที่นั่ง่อยู่ตรงนั้น เหมือนว่าต่อให้ผ่านไปอีกพันล้านปี พวกเขาก็จะยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

“วิถีอันน่าเศร้า…” สุดท้าย ปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่ทอดถอนใจคำหนึ่ง แล้วล่องลอยจากไป และหายไปในพริบตาเดียว ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปยังที่แห่งใด

แม้ว่าปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่ได้ตายไปแล้ว แต่ จิตที่ยึดติดของเขายังคงอยู่ หากเขาต้องการไปยังที่แห่งใดก็ตาม ในเรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องยากเลยแม้แต่น้อย

แกร๊งค์…เสียงพิณดังขึ้น มองเห็นราชันหญิงพิณดีดพิณโบราณทีหนึ่ง จากนั้น ร่างจำแลงของนางก็ค่อยๆ จางลง สุดท้ายหายตัวไปเหลือไว้เพียงพิณโบราณที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า

หลังจากที่ร่างจำแลงของราชันหญิงพิณหายไปแล้ว นาทีนี้พิณโบราณถึงกับมีเสียงแกร๊งคคคดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เป็นการดังขึ้นมาเองโดยปราศจากคนดีด จากนั้น พิณโบราณได้ทำลายท้องฟ้าและทะลุผ่านช่องว่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาเดียว

ไม่มีผู้ใดทราบว่าพิณโบราณหลังนี้บินไปยังที่ใด บางทีมันอาจจะไปตามหานายของมัน ซึ่งก็คือราชันหญิงพิณนั่นเอง

ส่วนราชันหญิงพิณจะเป็นหรือตายนั้นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ นางก็ลึกลับเช่นนี้แหละ เสมือนดั่งเป็นปริศนาที่ไม่สามารถคลายปมออกมาได้อย่างนั้น

ขณะที่ปราชญ์กระบี่ และบรรพบุรุษดาบไคเทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นปราศจากซุ่มเสียง และราชันหญิงพิณก็จางหายไป เวลานี้ภูเขาทั้งลูกดูจะสงบเงียบเป็นพิเศษ ความเย็นของภูเขาหิมะตลบอบอวลระหว่างฟ้าดินแห่งนี้

เมื่อลมหนาวเย็นพัดโชยมา ส่งผลให้ภูเขาหิมะที่เงียบสงบแห่งนี้เพิ่มความเยือกเย็นขึ้นอีกหลายส่วน แต่ว่า กลับเงียบสงบมากขึ้น ยิ่งทำให้รู้สึกว่ากาลเวลาเงียบสงบ เหมือนว่าสถานที่แห่งนี้แหละคือสถานที่ที่เหมาะสำหรับปลีกตัวจากโลกภายนอกที่แท้จริง

ภายในใจของพวกราชันแท้จริงหวงจุนอดที่จะรู้สึกสะเทือนใจและว้าวุ่น เมื่อได้มายืนอยู่บนภูเขาหิมะอีกครั้ง มองดูปราชญ์กระบี่ และบรรพบุรุษดาบไคเทียนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

วันเวลาผ่านไปเป็นพันล้านปี ปราชญ์กระบี่ และบรรพบุรุษดาบไคเทียนที่ตายไปยังคงเฝ้าอยู่ที่ตรงนี้ ผ่านมาเนิ่นนานจิตที่ยึดติดของพวกเขายังคงไม่สลาย ที่พวกเขาเฝ้าปกป้องอยู่ก็เพื่อแดนสามเซียน

เมื่อนึกถึงข้อนี้แล้ว ทำให้ผู้คนบังเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาทันที

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อพวกราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้สติกลับมา พวกเขาต่างมีท่าทีที่ดูเรียบร้อยจริงจัง ถอดหมวก และทยอยแสดงความเคารพสูงสุดต่อปราชญ์กระบี่ และบรรพบุรุษดาบไคเทียน

“แหะ แหะเวลานี้พวกเราสามารถนำเอาของวิเศษที่อยู่ข้างในไปแล้วสินะ” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เสียงหัวเราะที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ได้ทำลายความเงียบสงบนี้ ทำลายบรรยากาศที่เคร่งขรึมนี้ไป

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง เดินไปที่ด้านหน้าวิหารโบราณ มองดูประตูใหญ่ของวิหารโบราณ

“ของวิเศษ กระบือสุดหล่อมาแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและวิ่งเข้าหาทันที เขายกกีบเท้าไปผลักประตูใหญ่ของวิหารโบราณ แต่ทว่า ประตูใหญ่ของวิหารโบราณไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

สมควรทราบว่า ขอเพียงกระบือดำขนาดใหญ่ใช้แรงผลักเพียงน้อยนิดก็สามารถผลักภูเขาแต่ละลูกให้เคลื่อนที่ไปได้ แต่ว่า ประตูใหญ่ของวิหารโบราณกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

“บรรพบุรุษเจ้า ถูกปิดผนึกเอาไว้แล้ว” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงกับด่าออกมาเบาๆ

“คำพูดของเจ้าไม่ไร้สาระไปหน่อยรึ?” หลี่ชิเย่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ของสิ่งนี้ไม่ธรรมดา ถ้าหากเจ้าสามารถได้มาอย่างง่ายดาย ยังจะต้องรอจนถึงวันนี้รึ?”

“แหะกุญแจอยู่ตรงนี้แหละ” ดวงตาทั้งสองของกระบือดำขนาดใหญ่ลุกวาว ตกไปอยู่บนหีบวิเศษที่จิ้งเอ๋อร์ถือไว้ด้วยมือสองข้าง

หีบวิเศษใบนี้คือหีบใบที่ซ่อนอยู่ในหินในวันนั้น และหล่นลงมายังด่านเทียนสงกวานด้วยตนเอง สิ่งนี้นับว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

เวลานี้ จิ้งเอ๋อร์มองไปที่หลี่ชิเย่ และฮุ่ยชิงเสวียนก็กล่าวต่อหลี่ชิเย่ด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้มว่า “ของวิเศษชิ้นนี้พี่ท่านเป็นผู้เปิดออกมา ประตูนี้ก็สมควรให้พี่ท่านเปิดด้วยตนเอง สิ่งนี้สมควรเป็นของพี่ท่าน และมีเพียงพี่ท่านเท่านั้นที่จะครอบครองมัน พวกเราที่เป็นพวกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไร้กำลังที่จะครอบครอง”

คำพูดนี้ของฮุ่ยชิงเสวียนนั้นชัดเจนที่สุดแล้ว ของวิเศษชิ้นนี้เป็นนางที่มอบให้กับหลี่ชิเย่แล้ว

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้นเอง ยื่นมือเปิดหีบวิเศษออก และนำเอาม้วนผ้าออกมาสองม้วน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล